@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 1 วันที่ 13 ก.ย. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 1 วันที่ 13 ก.ย. 55

ภคพงษ์ เถลิงยศ ชายหนุ่มสมบูรณ์แบบที่นายพรตผู้เป็นพ่อทิ้งธุรกิจจิวเวลรี่ไว้ให้ก่อนเสียชีวิต ภคพงษ์ มีทุกอย่างยกเว้นความรัก เขาไม่คิดว่าโลกใบนี้มีรักจริง เพราะฝังใจที่แม่ทิ้งพ่อไปตั้งแต่เขาเด็กๆ ความเสียใจทำให้พรตโหมงานหนักจนเสียชีวิต เผด็จ...ทนายส่วนตัวประจำตระกูลส่งภคพงษ์ไปเรียนต่อที่อังกฤษ เขาจึงเติบโตอย่างโดดเดี่ยว

ต่างกับรสา หญิงสาวที่กำพร้าพ่อแม่ แต่มีนายพร้อมกับนางวิมลเพื่อนรักของพ่อเธอรับอุปการะ ทั้งคู่เลี้ยงรสาอย่างดีเหมือนพิมพรรณ ลูกสาวแท้ๆ รสากับพิมพรรณรักและผูกพันกันมาก รสาจึงไม่ขาดความรักมาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ป้าอาภรณ์พี่สาวของแม่ก็คอยดูแล

รสาใช้วิชามัณฑนศิลป์ที่เรียนมาดัดแปลงบ้านเก่าของป้าให้เป็นเกสต์เฮาส์บูธีกสุดเก๋ สร้างรายได้ให้ป้าได้ไม่น้อย ความมีน้ำใจทำให้รสาเป็นที่รักของทุกคน รวมถึงชีวินเพื่อนสนิทที่แอบรักเธอตั้งแต่มหาวิทยาลัย แถมพอเรียนจบทั้งคู่ยังได้ทำงานร่วมกัน โดยมีพิทยารุ่นพี่ปากจัดตรงไปตรงมาเป็นเจ้านาย



เมื่อกลับเมืองไทยสู่บ้านเถลิงยศของพ่ออีกครั้ง ภคพงษ์ต้องการบูรณะเรือนเล็กที่เขาเคยอาศัยในวัยเด็กซึ่งถูกทิ้งร้างมานาน และแน่นอนว่าคนที่จะมารับงานนี้ต้องฝีมือดีมีผลงานน่าประทับใจ

ooooooo

เย็นวันหนึ่ง รสากับชีวินไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อน ที่จัดขึ้นบริเวณสวนสวยของร้านอาหาร รสาในชุดราตรีสั้นสีสันสดใสดึงดูดสายตาใครต่อใครภายในงาน รวมทั้งภคพงษ์ชายหนุ่มเคร่งขรึมท่าทางถือตัวที่นั่งอยู่ในห้องอาหารติดแอร์เย็นฉ่ำ

ภคพงษ์รู้สึกสะดุดตากับความสวยเป็นธรรมชาติของรสา ต่างจากพักตร์วิมล ดาราสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาลิบลับ เธอจัดเต็มทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมและเครื่องประดับล้วนแต่แบรนด์เนมทั้งสิ้น

ในงานแต่งอันแสนอบอุ่นของเพื่อน รสากับชีวินสนิทสนมกันมากจนเพื่อนๆต่างกระเซ้าว่า เมื่อไหร่จะถึงคิวของคู่นี้เสียที รสาพูดเล่นก็เขาไม่เห็นมาขอสักที แต่ชีวินคิดเป็นจริงเป็นจังสบตาเธอหวานหยดจนเธอเก้อเขิน พลันเสียงเพื่อนคนหนึ่งด้านในตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“ใครกลัวขึ้นคานรีบรับดอกไม้ได้แล้วจ้า...”

กลุ่มเพื่อนที่ยืนอยู่กับรสาจึงฉุดข้อมือเธอวิ่งเข้าไปรอรับดอกไม้ท่ามกลางเสียงวี้ดว้ายกระตู้วู้ของสาวแท้สาวเทียม...เสียงดังจากสวนทำให้พักตร์วิมลต้องหันมอง และพลอยตื่นเต้นไปด้วยเมื่อเห็นสาวๆอออยู่หน้าเวที

“เจ้าสาวกำลังจะโยนดอกไม้แล้วค่ะภัค”

ภคพงษ์ได้ยินแต่ไม่สนใจ เขายื่นรายการอาหารให้พนักงานหลังจากสั่งอาหารเรียบร้อย

“เห็นพนักงานบอกว่าเป็นงานแต่งงานของพวกสถาปนิกกับอินทีเรีย งานก็เลยเก๋ๆ ถ้าแพตแต่งงาน แพตก็อยากจัดงานในสวนเหมือนกันนะคะ”

ภคพงษ์อมยิ้มนิดๆ เข้าใจจุดมุ่งหมายแต่ไม่ต่อความ พักตร์วิมลเลยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แอบเซ็งที่เขาไม่รับมุก

รสายืนอยู่ในกลุ่มสาวๆ โดนเพื่อนเบียดไปมาเพื่อช่วงชิงช่อดอกไม้กันสุดฤทธิ์ แต่แล้วคนที่ได้รับกลับเป็นรสาที่ยืนเฉย เพื่อนๆทั้งชายหญิงฮือฮากรูกันเข้ามาสวมกอดแสดงความยินดีกับเธออย่างคึกคัก ส่วนพิทยาเพิ่งมาถึง เขาบ่นเสียดายที่มาไม่ทันรับดอกไม้ แต่พอ เหลือบไปเห็นพักตร์วิมลนั่งริมหน้าต่างในห้องอาหาร หูตาเขาพองก๋าขึ้นมาทันใด

“อ๊าย...นั่นมันนางเอกดังระดับซุป’ตาร์เลยนะ

จะบอกให้ คนที่ควงมาด้วยน่าจะเป็นไฮโซ เพราะเขาชอบคบแต่พวกคนรวยๆ”

“โอ้โฮ...พี่พิทนี่สนใจข่าวเม้าท์ดาราตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” รสาแซว

“เลขาฯฉันรายงานทุกอย่าง แต่ไฮโซคนนี้ท่าทางคุ้นๆ น่าจะเป็นคนดัง แต่นึกไม่ออก”

รสาหันไปมองตามอีกที เห็นแค่ด้านข้างของชายหนุ่ม หญิงสาวถึงกับพึมพำออกมา “ดูท่าทางหยิ่งชะมัด นี่ถ้ารสต้องไปนั่งกินข้าวด้วยคงกลืนไม่ลง”

หลังจากนั้นอีกพัก ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับ...ชีวินอาสาจะไปส่งรสา แต่เธอปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

“อย่าเลย...พรุ่งนี้รสต้องไประยองแต่เช้า วินไม่เปลี่ยนใจไปกับรสแน่เหรอ พิมเขาถามถึงนะ”

รสากระแทกไหล่เขาเบาๆ ชีวินมองหน้าอย่างรู้ทัน แกล้งดึงผมหางม้าที่เธอมัดรวบไว้ข้างหลัง

“ไม่ต้องมาทำตัวเป็นแม่สื่อเลย”

อีกมุมหนึ่ง ภคพงษ์เดินมาพอดี เขาปรายตาไปเห็นรสากับชีวินหยอกล้อกันอยู่ รสารู้สึกเหมือนมีคนมองจึงหันมา สองคนสบตากันแวบหนึ่ง ก่อนที่ฝ่ายชายจะหันกลับ เชิดหน้าอย่างถือตัว เธอเห็นแล้วขัดตาขัดใจ รู้สึกไม่ถูกชะตากับชายไฮโซแปลกหน้าคนนี้เสียจริง

ooooooo

เช้าวันต่อมา รสาเตรียมตัวเดินทางกลับระยอง ส่วนป้าอาภรณ์ก็จัดแจงฝากไส้กรอก หมูแฮมไปให้สามคนพ่อแม่ลูกที่นั่นด้วย

ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง รสาก็บึ่งรถถึงระยองและเข้าสู่รีสอร์ตของอาพร้อมกับอาวิมล พิมพรรณหรือที่

รสาเรียกสั้นๆว่าพิมตื่นเต้นยกใหญ่ ร้องบอกพ่อแม่ให้ลั่นไปหมด แต่คนที่วิ่งไปรับหน้ารสาก่อนใครกลับเป็นนายห้าว เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทสนมกับรสาและพิมมาตั้งแต่เด็ก

สองฝ่ายทักทายและหยอกเย้ากันเล็กน้อย ก่อนที่รสาจะเข้ามายกมือไหว้พร้อมกับวิมล โดยมีห้าวหอบหิ้วถุงของฝากตามหลัง

“อาพร้อม อาวิมล สวัสดีค่ะ ป้าภรณ์ฝากไส้กรอกกับหมูแฮมมาให้ชิมค่ะ”

“พี่ภรณ์โทร.บอกบอกอาแล้วจ้ะ ขอบใจนะที่เป็นธุระขนมาให้ ห้าวเอาไปแช่ไว้ในตู้เย็นไป วางไว้ร้อนๆเดี๋ยวเสีย”

“ได้จ้ะ อ้อ...งั้นมื้อกลางวันนี้ฉันจะทอดไส้กรอกแล้วเอาแฮมมายำดีไหมจ๊ะ”

“เออดี งั้นเอ็งรีบทำเลย ข้าเริ่มหิวแล้ว”

ห้าวรับปาก และยิ่งกุลีกุจอไปจัดการ เมื่อรสา บอกว่าตนก็หิวแล้วเหมือนกัน ในระหว่างรออาหาร พิมชวนรสาไปเม้าท์กันสองต่อสอง

“รสจะอยู่กี่วัน”

“สองวันเอง วันจันทร์มีงานแต่เช้า”

“นึกว่าจะอยู่ได้นานๆ มีเรื่องจะเล่าให้ฟังเยอะแยะเลย”

“ตั้งสองวันหนึ่งคืนจะเล่าไม่จบหรือไงจ๊ะ”

“ก็คิดถึงนี่ อยากให้รสกลับมาบ่อยๆ ตั้งแต่รสเริ่มทำงานจริงๆจังๆไม่ค่อยกลับมาเลย พิมเง้าเหงา”

“พิมก็เข้าไปหารสที่กรุงเทพฯก็ได้นี่ รสพาเที่ยว จะได้ไม่เหงา”

“รสก็รู้ พิมทำงานที่โรงเรียนห้าวัน ยิ่งตอนนี้ ห้องสมุดจะติดตั้งระบบคอมฯใหม่ พิมก็ต้องอยู่เย็น เสาร์อาทิตย์ก็ต้องช่วยพ่อแม่ดูรีสอร์ต ไปไม่ได้แน่เลย”

“งั้นรสจะลองขอพี่พิทหอบงานมาทำที่นี่บ้างจะได้กลับมาอยู่กับพิมได้บ่อยขึ้น ดีมั้ย”

“ขอบใจจ้ะ รสเนี่ยน่ารักที่สุดเลย พิมดีใจที่พ่อแม่รับรสมาอุปการะ พิมเหมือนมีทุกอย่าง มีทั้งเพื่อนมีพี่สาว แล้วก็มีน้องสาวด้วย ถ้าบ้านนี้ไม่มีรส พิมต้องเหงามากๆ แน่เลย”

“รสก็โชคดีที่ได้มาอยู่บ้านนี้ พิมก็เป็นทุกอย่างของรสเหมือนกัน”

สองสาวยิ้มให้กันด้วยความเอื้ออาทร ทันใดนั้นเสียงแตรดังขึ้นหน้าบ้านจนสองสาวสะดุ้ง หันไปก็เห็นเรือเร็วตั้งตระหง่านอยู่บนรถลาก ซึ่งคนขับกับคนงานอีกคนเตรียมลากลงทะเล โดยที่ห้าวรับคำสั่งจากนายพร้อมให้นำทาง

“เรือใหม่เหรอจ๊ะ” รสาส่งเสียงขณะเดินมากับพิม

“อืม...พอดีได้ของเพื่อนมา ราคาถูก มีคนบอกว่าตอนนี้พวกนักท่องเที่ยวกำลังชอบเล่นพวกเวคบงเวคบอร์ดอะไรเนี่ย แล้วเพื่อนอาก็จะซื้อชุดใหม่เลยโละชุดเก่ามาให้ อาเลยเอามาลองดู”

“ห้ามก็ไม่ฟัง งก เห็นว่าถูกก็ซื้อมาก่อน แล้วไงล่ะ ยังไม่มีใครเล่นเป็นเลยเนี่ย ไม่รู้จะทำยังไง” วิมลบ่นอุบ

“รสเล่นเป็นจ้ะ ที่กรุงเทพฯเขาเล่นในบึง รสกับเพื่อนๆที่ทำงานเคยไปลองเล่น รสว่าเล่นกับทะเลก็น่าจะเหมือนกัน เดี๋ยวรสลองเล่นให้ดูจ้ะ”

“แน่ใจนะรส”

รสาไม่ตอบแต่ยิ้มมั่นใจให้พิมก่อนเดินตามหลังห้าวไป...อีกด้านหนึ่งของทะเล ภคพงษ์กำลังขี่เจ็ตสกีด้วยความชำนาญ ริมหาดมีหญิงสาวยืนโบกมืออย่างคุ้นเคย แต่ไม่ใช่พักตร์วิมลที่ควงกินข้าวเมื่อวาน...เธอคือยูโฮะ นักร้องวัยรุ่นคนสวยที่เป็นปลื้มชื่นชมภคพงษ์อย่างมาก และไม่ชอบให้สาวคนไหนเข้าใกล้เขานอกจากตัวเอง

ขณะที่ภคพงษ์กำลังสนุกกับกีฬาโปรด ไม่นึกว่าเรือเร็วที่ห้าวขับพารสาเล่นเวคบอร์ดจะพุ่งมาอย่างเบรกไม่อยู่ บวกกับความเร็วเจ็ตสกีของภคพงษ์ด้วย ทำให้สองฝ่ายเฉียดเฉี่ยวกัน จนรสาเสียการทรงตัวหล่นลงในน้ำ ชายหนุ่มปรายตามองเล็กน้อยก่อนจะขับเจ็ตสกีกลับออกไปทางเดิม รสายังไม่รู้ว่าใครแต่ก็เจ็บใจ จ้องมองโลโก้ของโรงแรมที่ติดหราอย่างจดจำ

ทุกคนตกอกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะพร้อมที่เสียดายเรือเร็วที่เพิ่งซื้อมา ห้าวดันนำพามันไปเยินกลับมาจนไม่มีเงินซ่อม รสาได้ยินอาพร้อมบ่นอย่างนั้นก็ปิ๊งไอเดีย รีบมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่เห็นชื่อหราท้ายเจ็ตสกี หมายมาดจะเรียกค่าเสียหายจากชายคนขับให้จงได้

แต่เมื่อไปถึงกลับเกิดเหตุการณ์วุ่นวายโกลาหล เมื่อพักตร์วิมลโผล่มาอีกคน เธอกับยูโฮะต่างยื้อยุดแย่งภคพงษ์จนเป็นเหตุให้เขาต้องหลีกหนีเข้าไปในสปา

แถมยังดึงเอารสาที่มาทวงค่าเสียหายหายเข้าไปด้วย

ภายในห้องอบไอน้ำ รสาจะโวยวายแต่โดนภคพงษ์ปิดปากสั่งให้เงียบ นั่นก็เพราะยูโฮะกับพักตร์วิมลเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้อง สองสาวต่างกล่าวโทษกันไปมา

ว่าเป็นต้นเหตุให้ภคพงษ์หายไป ยิ่งเมื่อตามหาไม่เจอ ก็ยิ่งปรี๊ดแตกว่ากระแทกแดกดันกันอย่างไม่ยอม ในที่สุด รปภ.ของโรงแรมต้องมาเชิญพวกเธอออกไป

กว่าทั้งคู่จะพ้นไปจากตรงนี้ได้ รสาอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้องที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับหนุ่มไฮโซสองต่อสอง

แถมร้อนจนเหงื่อซ่กอีกต่างหาก พอพ้นออกมาได้เธอต่อว่าเขาทันที

“คุณปล่อยให้ผู้หญิงสองคนทะเลาะกันโดยไม่ทำอะไรได้ยังไง”

ชายหนุ่มเพิ่งจำเธอได้ว่าเคยเห็นที่ร้านอาหาร เขามองเธอด้วยแววตาดูแคลน อมยิ้มยโสอย่างถือตัว

“ฉันพักอยู่ที่ห้อง 71”

คำพูดของเขาทำเอารสาตกใจและไม่พอใจ ถามเขาว่ามาบอกตนทำไม ใครถาม?

“ต้องการค่าเสียหายเท่าไหร่ ฝากข้อความไว้ที่เคาน์เตอร์ ทนายของฉันจะเป็นคนจัดการ”

รสาชะงักเล็กน้อย รู้สึกเสียหน้าหน่อยๆ ที่คิดว่าเป็นเรื่องอื่น ส่วนนายไฮโซพอพูดจบก็เดินออกไปทันทีเลย...

รสากลับมาที่รีสอร์ตพร้อมกระดาษจดเบอร์ห้องและเบอร์โทรศัพท์ของโรงแรม พิมเห็นแล้วทึ่งจัดชม

รสาว่าสุดยอดมาก หากเป็นตนคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้แน่

“เขาบอกว่าต้องการเท่าไหร่ฝากข้อความไว้ที่เคาน์เตอร์ได้เลยจ้ะ”

“อาขอบใจมากนะรส แต่อาว่าจะไม่เอาเงินเขาจะหักเงินเดือนไอ้ห้าวแทน”

“อ้าว...ทำไมล่ะลุง” ห้าวร้องลั่น

“ก็มันเป็นความผิดของเอ็งที่ไม่ยอมดูทางให้มันดีๆ แล้วก็ไม่ยอมอ่านคู่มือให้มันแม่นๆ ก่อนจะขับ เขาไม่เอาเรื่องเอ็งก็บุญแล้ว”

“ใช่ ดูสิ หนูรสเลยต้องลำบากไปคุยกับใครก็ไม่รู้” วิมลบ่น

“ไม่เป็นไรจ้ะ รสก็ไม่ได้ลำบากอะไร งั้นเบอร์นี้ก็ทิ้งเลยนะ” แล้วรสาก็หยิบกระดาษแผ่นนั้นมาขยำทิ้ง

ในใจได้แต่คิดว่า...อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย!

ooooooo

เมื่อรสากลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ก็ได้รับฟังข่าวดีจากพิทยาว่าตนเพิ่งได้งานใหญ่มาก และเจ้าของกำหนดมาเลยว่าอินทีเรียที่เขาต้องการคือรสา

“ทำไมต้องเป็นรสล่ะครับ” ชีวินสงสัย

“คืออย่างนี้...ยัยรสของเราไปปล่อยฝีมือไว้ที่ล็อบบี้โรงแรมใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และลูกค้าคนนี้

เขาเห็นเข้าก็ชอบใจ สั่งลิ่วล้อให้สืบหาว่าใครเป็นคนออกแบบ และเขาก็เลยเรียกฉันไปพบ”

“เรียกไปพบ? ปกติระดับพี่พิทตี้ไม่เคยต้องไปพบลูกค้า มีแต่ลูกค้ามาขอพบที่บริษัท” ชีวินถามซอกแซก

“ถูก! ตอนแรกฉันก็งง แอบเคืองเกือบด่ากลับไปแล้ว แต่พอดีนึกได้ว่าช่วงนี้บริษัทเราไม่ค่อยได้งานใหญ่ๆ แล้วลูกค้าคนนี้ก็เพิ่งมาจากเมืองนอก ก็เลยให้อภัย ไปตามนัดและฉันก็ไม่ผิดหวัง เพราะงานนี้งบประมาณไม่อั้น”

“งานใหญ่ขนาดนั้น...พี่พิททำเองไม่ดีกว่าเหรอคะ” รสาชักไม่มั่นใจ

“แล้วลูกค้าที่ว่าเป็นใคร เล่ามาตั้งนานยังไม่เห็นบอกเลย”

ขาดคำของชีวิน พิทยาเชิดหน้าเอ่ยขึ้นอย่างภูมิใจสุดๆ “คุณลูกค้าคนสำคัญของเราก็คือคุณภคพงษ์ เถลิงยศ”

แทนที่รสากับชีวินจะดี๊ด๊าไปกับพิทยา ทั้งคู่กลับทำหน้าเหลอหลาว่านายคนนี้เป็นใครพวกตนไม่รู้จัก พิทยาเลยต้องวานคัพเค้กเลขาฯจอมแบ๊วช่วยอธิบายให้ที

“คุณภคพงษ์เป็นเจ้าของบริษัทออกแบบและจำหน่ายเครื่องเพชรที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆของประเทศชื่อบริษัทเถลิงยศ จบบริหารธุรกิจจากอังกฤษและเรียนออกแบบเครื่องประดับต่อที่ฝรั่งเศส เพิ่งกลับมาประเทศไทยได้ไม่กี่เดือน คุณภคพงษ์เป็นทายาทคนเดียวที่ดูแล

กิจการแทนบิดาที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ถึงจะกลับมาทำงานได้ไม่นาน แต่เป็นที่ยอมรับของทุกคนในบริษัท สรุปคือเก่ง รวย หล่อ โสด และฮอตมาก”

“ข้อมูลดีมาก แต่การแต่งตัวต้องพัฒนาอีกเยอะ” พิทยากัดเลขาฯซึ่งหน้า แต่เธอหาได้หมดความมั่นใจ กลับยิ้มรับพร้อมคำขอบคุณ

“พี่พิทครับ อย่าส่งรสไปทำงานนี้เลยครับ ผมไปแทนแล้วกันครับพี่” ชีวินเสนอตัวเพราะห่วงและหวงรสา

“ไม่ได้! เขาระบุว่าต้องเป็นคนออกแบบล็อบบี้โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา แกไม่ได้เป็นคนทำ นั่งเฉยๆ” พิทยาตวาดแว้ดใส่ชีวิน แล้วหันมาแย้มยิ้มกับรสา

“ผู้ช่วยคุณภคพงษ์นัดให้รสไปพบวันพรุ่งนี้ตอน 5 โมงเย็น”

“ไม่ได้ครับ” ชีวินโพล่งขึ้นมาอย่างนึกได้ “พรุ่งนี้ตอนหกโมงเย็นมีงานเลี้ยงรุ่น งานใหญ่มากและรสต้องไปด้วยครับ”

“ฉันรู้ แต่บังเอิ๊ญบังเอิญที่จัดงานกับที่นัดเจอกับลูกค้าเป็นที่เดียวกัน พอคุยกับลูกค้าเสร็จ ก็เดินลงมาร่วมงานได้เลย ถ้าแกยังมีปัญหา ฉันจะตัดเงินเดือนแก”

เจอไม้นี้ของเจ้านายเข้าไป ชีวินถึงกับเงียบกริบ แล้วพิทยาก็กำชับรสาเตรียมตัวให้พร้อม และห้ามพลาด เพราะโบนัสของทุกคนขึ้นอยู่กับงานนี้

รสารับคำทั้งที่หนักใจ พิทยาเดินกรีดกรายออกจากห้องไป พลางชำเลืองมองคัพเค้กที่เดินตามหลัง

“ฉันล่ะหน่ายไอ้พวกนี้จริงๆ พูดคำเถียงคำ ตกลงใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกันแน่...นี่ก็อีกคน แต่งตัวเกรงใจประสาทตาฉันหน่อยได้มั้ย หันมามองแต่ละทีตาจะบอด จะแต่งตัวแรงไปเพื่อ???”

พิทยาถามประชดแล้วก็เดินหงุดหงิดลิ่วไป

คัพเค้กแคร์ซะที่ไหน พูดอุบอิบกับตัวเองอย่างภาคภูมิใจ “สวยจะตาย...บอสไม่มีรสนิยม”

ส่วนในห้องประชุม รสายังนั่งหนักใจอยู่ที่เดิม ชีวินมองด้วยความเป็นห่วงและแอบหวงอยู่ลึกๆ

“ไหวไหมเนี่ยรส พรุ่งนี้ให้เราไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า”

“ขอบใจจ้ะ แต่ไม่เป็นไร รสแค่เป็นโรคแสลงเศรษฐี คิดๆแล้วขยาดนิดหน่อย”

“แล้วเรื่องงานเลี้ยงรุ่นปีนี้ ไอ้พวกนั้นมันอยากจัดแบบหรูๆ มันให้ทุกคนแต่งตัวออกแนวราตรีสโมสร มันอยากแอ๊บไฮโซ รสไหวหรือเปล่า”

“พวกชุดกระโปรงไฮโซๆ ก็พอมีอยู่บ้าง พิมกับอาวิมลซื้อให้สำหรับใส่ออกงาน ไม่ต้องห่วงนะพอคุยกับลูกค้าเรียบร้อยจะรีบลงมาที่งานเลี้ยงรุ่นทันที”

“แล้วรสจะใส่ชุดอะไรไปหาลูกค้า จะไปทั้งชุดไฮโซยังงั้นเลยเหรอ”

รสานิ่งไปอย่างใช้ความคิด...ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี?

ooooooo

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 1 วันที่ 13 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ