@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 1/3 วันที่ 2 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 1/3 วันที่ 2 ก.ย. 55

ด้านสรวงขับรถมาตามทางอย่างรวดเร็ว หน้าตาดุดัน กาวนั่งตัวลีบเล็กระวังแจ จังหวะนั้นสรวงเบนรถเข้าข้างทาง แล้วจอดพรืดจนหัวกาวชนโป๊กเข้ากับคอนโซล
“โอ๊ย”
สรวงก้าวลงมาจากรถ มาที่ข้างทาง ร้องขึ้นอย่างมีอารมณ์ “จะนิ่งอยู่ทำไม? มีอะไรจะถาม ทำไมไม่ถาม”
กาวลงจากรถตามมา “แล้วคุณแน่ใจเหรอ ถ้าฉันถามแล้วคุณจะตอบ”
“ก็ว่ามา”

“คุณจะทำยังไงกับคุณภาพิศ” กาวยิงตรง
“มันเรื่องครอบครัวของฉัน”
“พูดอย่างนี้แสดงว่า คุณนับคุณภาพิศเป็นคนในครอบครัว”
“ผู้หญิงคนนั้นไม่เกี่ยว”
“ก็คุณเป็นคนพูดเอง” กาวย้อน
“ฉันไม่มีวันยอมรับผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นเป็นคนในครอบครัว หล่อนเป็นนางมารร้าย เป็นปีศาจ ผู้หญิงหิวเงิน”
กาวโดนคนด่าแม่ต่อหน้าก็ยิ่งสะเทือนใจ น้ำเสียงเริ่มเครือหน่อยๆ “เค้าอาจจะรักพ่อคุณจริงๆ ก็ได้…ไม่อย่างนั้น เค้าคงไม่ทิ้งลูก ทิ้งครอบครัวมาอยู่กับพ่อคุณ”
สรวงบอกอย่างเย้ยหยัน “ลองถ้าพ่อฉันเป็นแค่นายอารักษ์ คนธรรมดาที่ไม่มีเงิน หล่อนจะ
มามั้ย? หล่อนก็คงไม่แยแสพ่อฉัน เหมือนที่หล่อนไม่แยแสผัวหล่อน...”
กาวสะเทือนใจหนัก ขณะที่สรวงพูดต่อ
“ดีไม่ดีตอนนี้...หล่อนอาจจะกำลังปอกลอกพ่อฉัน เอาเงินไปปรนเปรอครอบครัวหล่อนก็ได้”
กาวเสียงเครือแต่พยายามข่มไว้ “ถ้าเค้าทิ้งครอบครัวเค้าได้ขนาดนั้น เค้าคงไม่มีวันกลับไป”
สรวงสวนคำ “มันก็ไม่แน่....เธอฟังไว้นะ ฉันจะกระชากหน้ากากของภาพิศ ผู้หญิงที่มีแต่
ความเลวร้ายคนนั้น หล่อนไม่มีทางได้อย่างที่หล่อนต้องการแน่” พูดจบสรวงจะเดินขึ้นรถ แต่หันมาบอก “ได้คำตอบที่เธอต้องการแล้ว...กลับเองแล้วกัน”
จากนั้นสรวงก้าวขึ้นรถขับออกไปทันที กาวได้แต่ยืนอึ้ง น้ำตาคลอ



กาวเปิดประตูเดินเข้าบ้าน ยินเสียงของสรวงดังก้องในหัว
“ฉันไม่มีวันยอมรับผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นเป็นคนในครอบครัว หล่อนเป็นนางมารร้าย เป็นปีศาจ ผู้หญิงหิวเงิน ลองถ้าพ่อฉันเป็นแค่นายอารักษ์ คนธรรมดาที่ไม่มีเงิน หล่อนจะมามั้ย หล่อนก็คงไม่แยแสพ่อฉัน เหมือนที่หล่อนไม่แยแสผัวหล่อน...”
มือของกาวสั่นระริก ขณะเปิดประตูเข้าไปภายในบ้านที่มืดทั้งหลัง มีเพียงแสงส่องจากภายนอกเข้ามา และเห็นเงาของเกริกนั่งตะคุ่มอยู่ กาวเปิดสวิชท์เปิดไฟ จึงเห็นร่างของเกริกนั่งจมขวดเหล้าอยู่
เกริกพูดทักทายลูกสาวเสียงอ้อแอ้ “กลับมาแล้วเหรอลูก”
“พ่อดื่มอีกแล้ว”
กาวเดินมาหยิบแก้วเหล้า แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นนิตยสารเล่มหนึ่งลงรูปภาพิศยืนเคียงอารักษ์
“พ่อคิดถึงแม่....ถ้าพ่อเป็นคนเก่งมีความสามารถ แม่ก็คงไม่ทิ้งพวกเราไปอย่างนี้” เกริกครวญคร่ำ
“พ่อจะพูดถึงเค้าอีกทำไม?”
เกริกยังรักและโหยหานุดีหรือภาพิศมาโดยตลอด พูดถามละล่ำละลัก “พ่ออยากรู้...กาวว่า....แม่จะกลับมาหาเรามั้ย”
“พ่อจะพูดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทำไม”
เกริกหน้าสลดลง “มันก็จริง.....” บอกเสียงเครือ “ใครจะอยากอยู่กับคนจนๆ ไม่มีค่า ไม่มีอะไร
พลางเกริกยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีก กาวถอนใจ คว้าแก้วในมือของพ่อออก
“เลิกดื่มซะทีเถอะค่ะ...” กวาดสายตามองไปในบ้าน “พี่แก้วยังไม่กลับมาเหรอคะ”
“ยัง....อย่างว่า...รังหนาว คงไม่มีใครอยากกลับมา”
“แต่ถ้าแม่ยังอยู่ พ่อคิดเหรอว่ารังจะอุ่น ในเมื่อแม่เป็นคนไม่รู้จักพอ”

สองคนพ่อลูกมองหน้าตาสลดใส่กัน
เวลาเดียวกัน แก้วมาเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่ง และกำลังสอดส่ายสายตามองหาหญิงสาวอยู่

“กลับเถอะพี่แก้ว” มดหรือ มาลินี เอ่ยขึ้น
“ก็แล้วใครให้มดมาตามพี่” แก้วย้อนเอา
“คุณลุงเป็นห่วงพี่ กาวก็เป็นห่วง” มดว่า
แก้วยิ้มเยาะ ในท่าทีขำๆ ”อ้อ! จะบอกว่าที่มาตามพี่เพราะกาวกับพ่อ”
“มดเองก็เป็นห่วงพี่...กลับเถอะค่ะ”
“กลับได้ยังไง” กวาดสายตามองหาสาวๆ “วันนี้ยังไม่ได้แอ้มซักคน”
“พี่แก้วเห็นผู้หญิงเป็นเหยื่ออีกแล้ว”
แก้วหัวเราะ “เค้าสนุก พี่สนุก ไม่เห็นจะมีใครเป็นเหยื่อใครตรงไหน”
“แต่ผู้หญิงอาจจะไม่ได้คิดอย่างพี่”
“ฮึ! ขนาดแม่ยังไว้ใจไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิงคนอื่น มดกลับไปเถอะ ไม่อย่างนั้น...มดเองนั่นแหละจะต้องเป็นเหยื่อพี่”
มดมองแก้วอย่างเสียใจก่อนจะเดินออกไป แก้วไม่ได้มองตาม ไม่ได้สนใจ พูดขึ้นแค่ว่า
“ผู้หญิงชอบคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ...ทั้งๆ ที่บางที ผู้ชายดีๆ ต้องตกเป็นเหยื่อของผู้หญิงเหมือนกัน”

เช้าวันต่อมา ขณะที่ภาพิศเดินลงบันไดมาจากชั้นบน น้อยสาวใช้และคนสนิท ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงาน
“คุณหญิงคะ...” น้อยเรียกภาพิศว่าคุณหญิงเต็มปาก
พูดไม่ทันจบคุณหญิงสุดาก็ก้าวฉับๆ เข้ามา ภาพิศหันไปบอกน้อย
“มีอะไรก็ไปทำไป”
น้อยมองอย่างเป็นห่วง แต่ก็ยอมออกไป สุดาเบ้ปากใส่อย่างเกลียดชัง
“หน้าไม่อาย สั่งให้คนใช้เรียกตัวเองว่าคุณหญิงได้อย่างไม่กระดากปาก”
“คุณหญิงพี่ขา...ใครๆ ก็เรียกน้องอย่างนี้นี่คะ...เวลาน้องไปออกงานกับท่านอารักษ์น่ะค่ะ” ภาพิศฉอเลาะ
“ตำแหน่งคุณหญิงมีไว้ให้คนที่มีเกียรติและเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น น้ำหน้าอย่างเธอเป็นได้แค่เมียน้อย เมียเก็บ คนลักกินขโมยกิน”
ภาพิศหัวเราะร่วน “การที่คนเค้ารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองน่ะเหรอคะ เรียกว่าลักกินขโมยกิน ท่าทางคุณหญิงพี่จะหูหนวกตาบอดนะคะ...ถึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น”
สุดาจ้องหน้า “ไม่ต้องมาทำปากดีด่าฉัน แกเป็นใคร ฉันเป็นใครให้มันรู้ซะบ้าง”
ภาพิศบอกเสียงเข้ม “ฉันคุณหญิงภาพิศ ภรรยาอีกคนของท่านอารักษ์ และฉันก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน คุณเองต่างหากที่เข้ามาด่าฉันถึงบ้าน อยู่ดีไม่ว่าดีอย่างนี้...สงสัยคงอยากให้ท่านอารักษ์เห็นอีก ว่ามาหาเรื่องฉันถึงบ้านน่ะ”
ภาพิศยกโทรศัพท์จะกดอัดคลิป สุดาร้องกรี๊ด โกรธจัด ตวาดใส่
“หยุดเดี๋ยวนี้นะนังภาพิศ คนอย่างเธอ ดีแต่อัดคลิป อัดคลิปอยู่นั่นแหละ”
ภาพิศหัวเราะยั่ว “ก็คุณหญิงพี่มาหาเรื่องน้องก่อน คุณหญิงพี่ขา..คุณหญิงพี่จะมาโวยวายมาด่าน้องทำไมคะ ถ้าจะห้ามก็ไปห้ามท่านอารักษ์สิคะ...อ้อ! แต่คงห้ามไม่ได้ เพราะถึงจะห้ามยังไงท่านอารักษ์ก็มาหาน้องอยู่ดี”
“สาแก่ใจเธอแล้วใช่มั้ยภาพิศที่ทำให้ครอบครัวฉันแตกได้น่ะ”
ภาพิศตีหน้าฉงน “ครอบครัวแตก..แปลว่า…” แล้วหัวเราะร่า “...คุณพี่ตัดสินใจจดทะเบียนหย่าให้กับท่านอารักษ์แล้วใช่มั้ยคะ? โอ....นี่เป็นข่าวดีในรอบสิบปีของน้องเลยล่ะค่ะ”
สุดาตัวสั่น ขึ้นเสียงเรียกจิก “นังภาพิศ”
สุดาตบผลัวะเข้าที่ใบหน้าจนภาพิศหน้าหัน แต่ก็หันขวับกลับมาตบเข้าที่หน้าสุดาอย่างแรง และตรงเข้ามาขย้ำอย่างไม่กลัวเกรง
น้อยยินเสียงเอะอะวิ่งเข้ามา พอเห็นภาพตรงหน้าว่าภาพิศกำลังเป็นต่อจึงแค่แอบดู
สุดาล้มลงร้องโอดโอยสู้ไม่ได้ ภาพิศผลักสุดาออก ตะโกนใส่หน้า
“ออกไปจากบ้านฉัน ออกไป๊”
“ฉันก็ไม่อยากอยู่นานให้ติดเสนียดเมียน้อยหรอก จำไว้ภาพิศ แกทำลายชีวิตฉัน ฉันก็จะทำทุกอย่างเพื่อทำลายชีวิตแกเหมือนกัน” เดินกระแทกเท้าออกไป
ภาพิศมองตามทั้งโกรธและเหนื่อยใจ “ฉันรู้ว่าคุณตั้งใจตลอดเวลา...แต่ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นซ้ำสองหรอกคุณหญิงสุดา”
ภาพจำอันแสนเลวร้ายผุดขึ้นให้ห้วงความคิดของภาพิศอีกคำรบ

ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าค่ำคืนหนึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ขณะนั้นภาพิศยังสาวสวย แต่ราศียังไม่จับเหมือนทุกวันนี้ เดินออกมาจากห้างจะตรงไปที่ลานจอดรถ จู่ๆ พลที่ซุ่มอยู่ตรงมาฉุดภาพิศ
ภาพิศร้อง “ว๊าย” แต่ร้องได้แค่นั้น ก็ถูกพลชกเข้าที่ท้องเต็มแรง ภาพิศตัวงอเป็นกุ้ง แทบหมดสติ พลไม่รอช้า พยุงแกมลากภาพิศตรงไปที่รถตู้ที่จอดอยู่ แล้วขับออกไปทันที

ไม่นานต่อมา ภาพิศนอนสลบอยู่ท่ามกลางความมืดในป่าเปลี่ยวแห่งนั้น สักครู่หนึ่งจึงค่อยๆ รู้สึกตัว ภาพิศปรือตาขึ้นมอง ยินเสียงสุดาแว่วมา
“จัดการมันอย่าให้เหลือซาก”
“ครับคุณหญิง” ไอ้พลรับคำ
ภาพิศพยายามเพ่งสายตามอง เห็นสุดาเดินออกไปลิบๆ และเห็นกองไฟลุกโชนอยู่ตรงหน้า ภาพิศตกใจผงะ ลุกขึ้นอย่างเจ็บปวด จะหนี พลตรงเข้ามากระชาก
“จะหนีไปไหนมานี่”
“ปล่อยฉัน! ปล่อย”
ภาพิศดิ้นรนต่อสู้สุดกำลัง ถูกพลก็กระชากไม่ยอมปล่อย มือข้างหนึ่งของภาพิศควานคว้าไม้ขึ้นมาได้ท่อนหนึ่ง จึงหลับหูหลับตาฟาดกระหน่ำใส่พลเต็มแรง ไม้บังเอิญหวดเข้าทัดดอกไม้ข้างหู พลร่วงผล็อยลงตรงนั้นหมดสติทันที ภาพิศพาร่างสะบักสะบอมวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงออกมา

ภาพิศดึงตัวเองกลับมา นัยน์ตาวาวโรจน์
“ที่ผ่านมา ฉันพยายามอโหสิกรรม อยู่ในที่ของฉัน แต่คุณก็ยังตามจองเวรจองกรรมฉัน ฉันจะไม่ยอมคุณอีกต่อไป คุณหญิงสุดา”

สายตาภาพิศบ่งบอกว่าเจ็บปวดขณะพูดบอกตัวเองในใจ
คืนนั้น ภายในห้องทำงานของสรวงที่บริษัทสถาปนิก สุดานั่งร้องไห้ท่าทีเจ็บอกเจ็บใจเหลือแสน ขณะที่สรวงเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แต่ก็เห็นใจผู้เป็นมารดา

“ผมบอกไม่ให้คุณแม่ไปยุ่งกับเค้าแล้วไงครับ...แล้วคุณแม่ไปยุ่งกับเค้าอีกทำไม?” สรวงติง
“แม่เกลียดมัน แม่โกรธมัน เกลียดที่มันเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้สรวงออกจากบ้าน”
“คนที่ไล่ผมออกจากบ้านคือคุณพ่อ”
“ก็เพราะมันไง...คุณพ่อปกป้องมัน ถึงทำอย่างนั้นกับสรวง...สรวงรู้มั้ย...แม่อยากจะตบมัน อยากจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ นังผู้หญิงหน้าด้าน แพศยา” คุณหญิงสุดาพูดในอาการเข่นขี้ยว
“แล้วคุณแม่จะเอาตัวเองลงไปเกลือกกลั้วกับของเน่า ของเหม็นทำไมล่ะครับ...ในเมื่อ คุณแม่สูงส่งกว่าเค้า คนอย่างภาพิศไม่มีอะไรเทียบเท่าคุณแม่ได้แม้แต่นิดเดียว”
สุดาร้องไห้โผเข้ามาหาลูกชาย “ก็แล้วทำไมคุณพ่อถึงเลือกมัน รักมัน หลงมัน ทั้งๆ ที่มันมีลูก มีผัว ...สรวง...แม่ถามหน่อยเถอะ ผู้หญิงที่ทิ้งลูกทิ้งผัวมาหาผู้ชายอื่นได้ มันเป็นคนดีหรือ?” กรีดร้อง “มันไม่ใช่คนดี แต่มันเป็นคนเลว เลวๆๆๆๆๆ ได้ยินมั้ยสรวง มันเป็นคนเลว” จากนั้นสุดาก็ร้องไห้คร่ำครวญ
สรวงกอดพลางพูดแม่ปลอบ “ก็ในเมื่อเรารู้ว่าเค้าเป็นคนเลว เราอย่าไปเกลือกกลั้วกับเค้าดีมั้ยครับคุณแม่ ต่างคนต่างอยู่”
“ไม่! แม่ไม่ยอมแพ้มันเด็ดขาด..แม่จะไปบอกลูกบอกผัวมัน ให้มาเอามันคืน” คุณหญิงเสียงแข็ง
“อย่าครับคุณแม่”
“ทำไมล่ะสรวง ลูกทนเห็นมันมาทำร้ายแม่ตลอดชีวิตได้เหรอ แม่ทนไม่ไหวแล้วนะ 10 กว่าปีที่ผ่านมาแม่เหมือนคนตกนรกทั้งเป็น....สรวงต้องช่วยแม่นะ สรวงต้องช่วยแม่” สุดาเอาน้ำตามากดดันลูกชาย
“ครับแม่...ผมจะไปพูดกับพวกเค้าเอง”
สรวงพูดรับปากด้วยความลำบากใจ แต่สุดายิ้มออกมาได้

วันต่อมาในห้องกาวฟุบหลับอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานในห้อง เห็นเป็นหัวข้อข่าวที่หญิงสาวพิมพ์ไม่เสร็จค้างอยู่หน้าจอคอมพ์ฯ พร้อมรูปสุดาและภาพิศ
“ถูกยื่นตำแหน่งเมียหลวงให้มานาน คุณหญิงสุดาทนไม่ไหวบุกฉะ “อนุ”..กลางห้างดัง”
จังหวะนั้นเสียงมือถือดัง กาวสะดุ้งตื่น รับสายในอาการงัวเงีย
“ว่าไงนิค”
นิคยืนอยู่ป้ายรถเมล์พูดสายด้วย เตือนเรื่องต้นฉบับข่าวภาพิศ
“โห! นี่ยังไม่ตื่นอีกเหรอเจ๊?...ต้นฉบับเสร็จรึยังล่ะ? พี่จ๋าเข้าออฟฟิศเช้านะวันนี้น่ะ”
“เออๆ รู้แล้ว เดี๋ยวเจอกัน”
กาววางสาย ก่อนจะเหลียวมองจอคอมพ์ที่พิมพ์ค้างอยู่ ตัดสินใจ ลบทิ้งไป

กาวแต่งตัวเสร็จเดินออกมา เกริกยกชามข้าวต้มออกมาให้แก้วกับกาว
“ข้าวต้มกุ้งร้อนๆ ลูก เมื่อเช้าพ่อไปตลาดได้กุ้งสดๆ มา นึกได้ ว่าลูกสองคนชอบ เลยซื้อมาทำซะเลย”
สองคนยิ้มขอบคุณ “ขอบคุณค่ะพ่อ” / “ขอบคุณครับพ่อ”
“หอมจังค่ะ”
“อร่อยด้วย กินให้เยอะๆ เลยลูก” เกริกเดินเข้าไปเก็บผ้าห่ม ข้าวของด้านในบ้าน “วันนี้แดดดี พ่อว่าจะซักผ้านวมซะหน่อย แก้วกับกาว มีอะไรจะให้พ่อซัก เอามาเลยนะลูก”
“ขอบคุณค่ะ แต่เดี๋ยววันหยุดกาวทำเองดีกว่า” กาวว่า
“ผมฝากพ่อแล้วกันครับ” แก้ว หรือ กาวินทร์ บอก
กาวเอ็ด “พี่แก้วเนี่ย”
“น่านิดเดียวเองกาว” พลางยิ้ม แล้วเดินเข้าไปด้านในกับเกริก
กาวส่ายหน้า “ไม่รู้จักโตเลยพี่แก้ว”
ระหว่างนั้นภรตเดินหอบลิลลี่กอใหญ่เข้ามา ถามเสียงนุ่ม “บ่นอะไรจ๊ะกาว?”
แก้วหันไปมอง “บ่นพี่แก้วนะสิคะ...โตจนป่านนี้แล้ว ยังชอบให้พ่อซักผ้าให้อีก...พี่ภรตมาทำไมแต่เช้า”
“พี่เพิ่งลงมาจากเหนือ เลยเอาดอกลิลลี่มาฝาก” ภรตว่า
กาวรับมาแต่หัวเราะขำ “กาวกับดอกไม้ เข้ากันที่ไหนล่ะพี่?”
“ผู้หญิงเข้ากับดอกไม้ทุกคน”
“แต่ไม่ใช่กาว....ยังไงก็..ขอบคุณค่ะ” หอบไปวางไว้ในอ่างล้างมือ แล้วร้องตะโกนบอก “พ่อ
...กาวไปทำงานก่อนนะ”
เกริกเดินออกมาดู “จ้าๆ เย็นนี้อยากกินอะไรโทรฯมาบอก พ่อจะทำให้” หันไปเห็นดอกลิล
ลี่ “เอ้า!ดอกไม้สวยๆ เอามาทิ้งในอ่างล้างมือได้ยังไง” เห็นภรตหน้าเจื่อนรีบบอก “เดี๋ยวลุงจัดใส่แจกันให้”
“ขอบคุณครับ” ภรตหันมาทางกาว “กาว จะไปทำงานใช่มั้ย? เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ดีค่ะ จะได้ไม่เปลืองตังค์...กาวไปก่อนนะพ่อ” ยกมือไหว้ก่อนบอกกำชับ “พ่ออย่า
ลืมไปดูพี่แก้วนะ แอบหลับในห้องอีกหรือเปล่า เมื่อคืนยิ่งกลับดึกๆ อยู่ด้วย”
แก้วเดินออกมาพอดี “พี่มาแล้ว...เฮ้อ!!ทำตัวเป็นแม่ไปได้แกนี่”
คำพูดของแก้ว ทำเอาทุกคนสะดุดกับคำว่าแม่ แต่ละคนหน้าเจื่อน ขณะที่กาวรีบบอก
“กาวไม่มีวันเป็นแม่ไปได้หรอกค่ะพี่แก้ว และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กาวก็จะไม่มีวันทำอย่างแม่เด็ดขาด”
กาวเดินออกไปกับภรต ขณะที่เกริกน้ำตาคลอ ส่วนแก้วหน้าตาโกรธขึ้งขึ้นมาทันที

ภรตพากาวเดินมาที่รถตรงถนนหน้าบ้าน จะเปิดประตูให้เข้าไปนั่ง แต่กาวแย่งประตูเปิดเอง ภรตถาม
“ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่หายโกรธแม่กันอีกเหรอ”
“ไม่ได้โกรธค่ะ แต่เสียใจ ที่เป็นลูกที่ถูกแม่ทิ้ง” กาวว่า
“ถ้ามองในแง่ดี ก็ทำให้กาวไม่อ่อนแอ ได้สู้ชีวิต” ภรตบอก
“ขอบคุณพี่ภรตที่ให้กำลังใจค่ะ แต่ถ้าจะให้ชีวิตต้องแกร่งแบบนี้ กาวก็ไม่อยากได้ ยิ่งเห็นแม่มีความสุข ในขณะที่พ่อต้องทุกข์ กาวก็ยิ่งปวดใจ”
“แต่ถ้าเป็นทุกข์....พี่ว่า...กาวลืมมันไปดีกว่า....ไปทำงานเถอะ สายแล้ว”
ภรตแตะไหล่กาวเป็นเชิงปลอบใจ กาวยิ้มก่อนทรุดตัวลงนั่ง ภรตปิดประตูก่อนขับออกไป
สองคนไม่รู้ว่าที่ด้านหลัง สรวงจอดรถแอบมองดูอยู่ สายตาของสรวงมีแววเย้ยหยันและดูถูกอยู่ในที ก่อนจะจอดรถและก้าวลงมา

เวลานั้น เกริกกำลังซักเสื้อผ้าอยู่ ท่าทางของเกริกโทรมและแก่กว่าวัย แต่ดูใจดี สรวงเดิน
เข้าไปหา ยินเสียงฝีเท้า เกริกเงยหน้าขึ้นมามอง สรวงถามเสียงสุภาพ
“นี่บ้านของคุณเกริกใช่มั้ยครับ”
เกริกยิ้มอ่อนโยนแกมแปลกใจ “ใช่...ฉันนี่แหละเกริก คุณมีอะไร”

เกริกมองหน้าสรวงอย่างงุนงง
เช้าวันเดียวกันนั้น ภาพิศยังอยู่ในห้องนอน เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และกำลังเดินมาที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดสวยสำหรับแต่งตัว ขณะเดียวกันก็เปิดทีวีดูข่าวเช้าไปด้วย จังหวะนั้นภาพิศได้ยินเสียงผู้ประกาศข่าวรายงาน

“พบเด็กแรกคลอดถูกทิ้งข้างกองขยะ ตำรวจกำลังเร่งติดตามหาแม่ใจร้าย”
มือที่เปิดตู้เสื้อผ้าของภาพิศชะงักงัน ร่างสั่นเทาไปทั้งร่าง รู้สึกเหมือนใจถูกกระตุกอย่างแรง

เกริกกับสรวงมองจ้องหน้ากันไปมา สรวงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ที่เห็นชายสูงวัย
กำลังซักผ้า งานซึ่งควรเป็นของผู้หญิง เกริกเห็นท่าทางของสรวงก็สงสัย ถามย้ำ
“มีอะไรหรือครับคุณ?”
สรวงนิ่งไปนิด ก่อนทำท่าจะตอบ เสียงโทรศัพท์ดังแว่วออกมาจากในบ้าน
เกริกขอตัว “ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์เดี๋ยว” แล้วเดินเข้าไปเร็วรี่ สรวงมองตาม

เกริกเดินมารับโทรศัพท์บ้าน “สวัสดีครับ”
เป็นภาพิศที่โทร.มา แต่พอได้ยินเสียงเกริก ก็รีบวางโทรศัพท์ลงทันที ดวงหน้าซีด มือสั่น
“สวัสดีครับ” เกริกฟัง พร้อมกับทำหน้าฉงน พอมั่นใจว่าไม่มีคนพูดจึงวางหูแล้วเดินออกไป
ภาพิศทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง มือหนึ่งยังกำมือถือไว้แน่น ขณะที่อีกมือยกมากุมขมับตัวเอง บ่งบอกถึงความร้าวรานสุดขีด

แฉล้มแต่งหน้าทำผมให้ภาพิศเสร็จ พลางเอ่ยขึ้น
“เหมือนที่ท่านสั่งห้ามแหละ จริงๆ แล้วคุณไม่ควรติดต่อทางนั้นอีก”
ภาพิศหน้าเศร้า “ฉันคิดถึงลูก ฉันหวังว่า...ลูกอาจจะมารับสาย”
“แต่ก็ไม่ใช่....กลับเป็นสามีเก่าของคุณ”
ภาพิศหน้าเศร้าลงอีก สีหน้าสับสนว้าวุ่นใจ แฉล้มวางอุปกรณ์แต่งหน้าในมือลง มองจ้อง
“ตัดบัวอย่าให้เหลือใยสิ คุณเดินมาตั้งไกลขนาดนี้แล้ว จะหันหลังกลับไปมองทำไม?”
“สำหรับพี่เกริก เยื่อใยมันหมดไปนานแล้วล่ะ แต่ลูก...เลือดเนื้อเชื้อไขของฉันฉันตัดไม่ได้”
ภาพิศสะเทือนใจจนน้ำตาปริ่ม

ภรตขับรถมาตามทาง กรรณนรีนิ่ง ขณะที่ภรตคุยโทรศัพท์ด้วยอุปกรณ์รับสายในรถ
“ครับๆ ผมจะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้” ภรตวางสาย
กรรณนรีเกรงใจจึงรีบบอก “พี่ภรตมีงานด่วน....เดี๋ยวกาวไปทำงานเองดีกว่าค่ะ”
“ไม่เป็นไร...ไงก็มาทางนี้แล้ว”
กรรณนรีเกรงใจมาก “ขอบคุณนะคะ” ก้มลงควานหาของในกระเป๋าทำหน้าเครียด
“มีอะไรกาว?” ภรตฉงน
“กาวลืมงานไว้ที่บ้าน พี่ภรตจอดให้กาวตรงนี้ดีกว่าค่ะ” กรรณนรีบอก
ภรตอิดออด “แต่...”
กรรณนรีรีบบอก “พี่ภรตมีงานด่วน เลยไปเถอะค่ะ...กาวไปเองได้”
ภรตจำต้องจอดรถให้ที่ข้างทางนั้นเอง กรรณนรีเปิดประตูก้าวลง
“แล้วเจอกันกาว”
ภรตบอก ขณะที่กรรณนรีโบกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่วิ่งมา ตรงกลับไปยังบ้าน

กรรณนรีซ้อนมอเตอร์ไซค์เข้าปากซอยใกล้จะถึงหน้าบ้านแล้ว หญิงสาวเห็นรถหรูจอดอยู่
กรรณนรีคิดในใจ “รถใคร” รีบบอกมอเตอร์ไซค์ “จอดตรงนี้แหละค่ะ”
มอเตอร์ไซค์จอด กรรณนรีควักกระเป๋าเงินหยิบเงินยื่นให้ ก่อนจะเหน็บกระเป๋าตังค์ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังแบบลวกๆรีบๆ ค่อยๆ เดินเข้าไปตามทาง ระมัดระวังตัวอย่างนักข่าว มองรถอย่างสงสัย

เวลานั้นสรวงอยู่นอกตัวบ้าน เดินสำรวจดูโน่นนี่ ไปมา ชายหนุ่มมองสภาพตรงหน้าด้วยความสลดใจ บ้านหลังนั้นเก่า หาความเป็นระเบียบเรียบร้อยแทบไม่มี สรวงเดินไปรอบๆ ผ่านหน้าต่าง จนถึงด้านใน ซึ่งมีรูปเกริกกอดกรรณนรี และกาวินทร์อยู่ สรวงเดินผ่านไป โดยไม่ได้สังเกตถี่ถ้วนแต่อย่างใด
สรวงมองแล้วรำพึง “บ้านที่ไม่มีแม่บ้านอยู่ดูแล มันเป็นอย่างนี้เอง”
กรรณนรีมองเห็นสรวงจังๆ รีบฉากหลบ
“นายสรวง? มาทำไม?....หรือว่า....เค้าจะมาเรื่องแม่”
ไวเท่าความคิด กรรณนรีควักมือถือขึ้นมาทันที

เกริกกำลังจะเดินออกมาด้านนอกบ้าน แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นใหม่ เกริกหันไปมอง
“บ๊ะ!!ใครโทร.มา” เดินไปรับสาย “สวัสดีครับ”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 1/3 วันที่ 2 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager