@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 1/4 วันที่ 3 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 1/4 วันที่ 3 ก.ย. 55

เกริกกำลังจะเดินออกมาด้านนอกบ้าน แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นใหม่ เกริกหันไปมอง
“บ๊ะ!!ใครโทร.มา” เดินไปรับสาย “สวัสดีครับ”
“พ่อ” กรรณนรีอยู่ในสายแล้ว
เกริกแปลกใจ “อ้าว! กาวเองเหรอลูก? มีอะไร?”
“มีคนอยู่หน้าบ้าน ถ้าเค้าถามอะไร พ่อไม่ต้องบอกเค้านะ” กรรณนรีบอก

เกริกตกใจนิดๆ ถามเสียงรัวเร็วอย่างสงสัย “ทำไม มีอะไรกาว”
กรรณนรีเฉไฉ “ก็กาวเป็นนักข่าว เค้าอาจจะมาสืบอะไรเกี่ยวกับกาว เกี่ยวกับบ้าน
เราก็ได้...เค้าถามอะไรก็บอกไม่รู้ไม่เห็น....ค่ำๆ กาวกลับมาเราค่อยคุยกัน”
เกริกรับคำ “จ้ะๆ”
แล้ววางสาย จากหันไปมองสรวงท่าทางไม่ค่อยไว้ใจ ขณะที่กรรณนรีมองสรวง ใจเต้นตึกตัก



เกริกเดินออกมา มองสรวงอย่างพินิจพิเคราะห์ ระแวง ตามที่กรรณนรีบอก ก่อนจะถามขึ้น
“มีอะไรกับผมหรือคุณ?”
“ขอโทษนะครับ....คุณคือคุณเกริก สามีของคุณภาพิศใช่มั้ยครับ”
เกริกตกใจ พยายามคุมตัวเอง มองระแวง รีบบอก “ไม่ใช่”
สรวงมองงวยงง ท่าทีสงสัย “แต่มีคนบอกผมว่า นี่คือบ้านคุณเกริก”
“คงเข้าใจผิด.....ผมไม่เคยรู้จักคนชื่อภาพิศ ขอตัว” จะเดินหนีเข้าไปในบ้าน
ป้าจักจั่นกับป้าตั๊กแตน แข่งกันแต่งตัวตามประสาสาวแก่ สองคนต่างสไตล์ เน้นสีสันจัดจ้าน อินเทรนด์แต่ไม่สมวัยพอ และชอบถือถ้วยชามใส่อาหารมาคนละใบเสมอเมื่อมาที่บ้านเกริก

สองป้าขาเมาท์ยิ้มย่ิอง ประสานเสียงเรียก “พ่อเกริก”
เกริกสะดุ้งโหยง สรวงจ้องเขม็งแน่ใจทันทีว่าเกริกโกหก สองป้าขาเมาท์ไม่รู้เรื่อง หัวเราะคิกคัก

ป้าตั๊กแตนนำร่อง “ตะลึงความสวยของป้าจักจั่นล่ะซี้”
“ของป้าตั๊กแตนต่างหาก” ป้าจักจั่นว่า สองคนอวยกันไปมา
ป้าตั๊กแตนรีบรับทันที “เหรอๆๆ..นี่ขนาดเบาๆ แล้วนะ ตอนสาวๆ สวยกว่านี้อีก”
ป้าจักจั่น ไม่ยอม “ตอนสาวๆฉันก็สวยกว่านี้อีก...วันนี้ก็..แต่งมาเบาๆ เหมือนกัน”
ป้าตั๊กแตนบุ้ยใบ้ไปทางสรวง “แล้วนี่ใคร แฟนกาวเหรอ หล่อจัง”
เกริกตกใจรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่...เค้ามาตามหาคน...ไม่มีอะไรหรอก สองป้าเข้ามาข้างในก่อน เดี๋ยวจะตักข้าวต้มกุ้งให้” เดินเข้าไปด้านในเก็บอาหารและขนม
ป้าตั๊กแตนยิ้มให้สรวง บุ้ยใบ้ไปทางเกริก “หวงลูกสาว”
ป้าจักจั่นเม้าท์กับสรวงมั่ง “อย่างว่า เลี้ยงลูกมาคนเดียว เมียทิ้ง เค้าก็เลยหวงลูก”
สรวงตัดสินใจถาม “แล้วทำไมคุณอาเค้า...ไม่ตาม...” เขินๆ คำนี้ “เมียกลับมา”
“โอ๊ย! ผู้หญิงหน้าโง่ที่ไหนจะกลับ” ป้าตั๊กแตนหลุดปากเม้าท์
ป้าจักจั่นเม้าท์จัดเต็ม “ผัวใหม่ รวยจะตาย แถมมีอำนาจวาสนา ก็...ที่ชื่อ” ทำท่านึก
ป้าตั๊กแตนเติมให้ “พลตรีอารักษ์...ที่มีข่าวลงนสพ.บ่อยๆ ไง ที่เอาเมียน้อยออกหน้าออกตา มองไม่เห็นหัวเมียหลวงเลยน่ะ”
สองป้าหัวเราะตามประสาชาวขาเม้าท์ตัวแม่ ก่อนเดินเข้าไปข้างในบ้านตามเกริกไป
คำพูดเมื่อครู่ทำเอาใบหน้าของสรวงร้อนผ่าว กรรณนรีที่แอบมองอยู่ มองสรวงอย่างสงสัย
สรวงหันกลับมาเห็นกรรณนรีพอดี กรรณนรีรีบวิ่งผละหนีไปทันที สรวงตามติด

กรรณนรีวิ่งหนี สรวงวิ่งตามมากระชาก สองคนยื้อยุดกันไปมา จนกรรณนรีทำกระเป๋า
สตางค์หล่นโดยที่ไม่รู้ตัว สรวงกระชากกรรณนรี ถามเสียงเข้ม
“เธอตามฉันมาทำไม?”
กรรณนรีไม่ยอมรับ “ฉันตามคุณที่ไหน คุณต่างหากที่วิ่งตามฉันมา แล้วยังมาฉุดกระชากฉันอีก ปล่อย” สะบัดตัวออก
“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน” สรวงจ้องหน้า
“คุณนั่นแหละ อย่าสำคัญตัวผิดคุณมีดีอะไร ที่ฉันต้องอยากรู้...สังคมต้องอยากเห็น งานของฉันคือตามติดคนเด่นคนดังซึ่งไม่ใช่คุณ” รีบเดินกลับเนียนๆ
สรวงหัวเราะหยันตะโกนตามหลัง “จำคำนี้ไว้นะ เธอจะได้ไม่กลืนน้ำลายตัวเอง....ถ้าต่อไปเธอจะต้องมาสัมภาษณ์ สรวง อริยะวรรต”
กรรณนรียืนนิ่ง ก่อนเดินกลับไปรวดเร็ว สรวงมองตามไม่ชอบใจ และมั่นใจว่ากรรณนรีตามตัวเองแน่นอน พอจะเดินกลับแต่แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นกระเป๋าสตางค์กรรณนรีหล่นอยู่ สรวงหยิบขึ้นมา

กรรณนรีเดินแกมวิ่งมาตามทาง บ่นงึมงำกับตัวเองหน้าตาหงุดหงิดไม่พอใจสรวงมากๆ
“นายตั้งใจมาหาเรื่องพวกฉันชัดๆ นายสรวง”
สรวงวิ่งตามมา กะจะเอากระเป๋าตังค์มาคืน
“เธอ”
กรรณนรีหน้าเจื่อน เหมือนวัวสันหลังหวะ เพราะเพิ่งแก้ตัวว่าไม่ได้ตามสรวง ก่อนจะกลั้นใจตั้งหลัก หันมาจ้องตา แต่สรวงใช้สายตาเป็นอาวุธ
“นี่! ฉันไม่เคยตามสรวง อริยะวรรต เลยนะ มีแต่สรวง อริยะวรรตที่ตามฉัน”
“ฉันแค่..” สรวงโมโห จะบอกว่า...จะเอากระเป๋าตังค์มาคืน
กรรณนรีกวน ขัดขึ้น “อยากจะดัง.....เลยอยากตามมาให้ฉันสัมภาษณ์” พลางยิ้มยั่ว “บอกแล้วไงคนที่ฉันจะสัมภาษณ์” เหน็บอีก “คอยตอแยตามติด เค้าต้องเป็นคนเด่นคนดัง...ซึ่ง มองยังไงก็ไม่ใช่คุณ”
กรรณนรีเชิดสะบัดหน้าพรืด หมุนตัวกลับแต่ร่างกลับเซถลาล้ม ร้อง “ว๊าย” รีบเงยหน้าขึ้นมามองสรวง ทั้งเขินทั้งอายที่เสียฟอร์ม
สรวงหัวเราะเยาะ “อ้าว!! ฉันไม่ใช่คนเด่นคนดัง แล้วไหงมาสะดุดรักฉันซะนี่”
กรรณนรีรีบลุกขึ้นเถียง “สะดุดรักนาย มุขปลวกมาก...มีแต่คุณต่างหากที่สะดุดรักฉัน”
สรวงชี้ตัวเองขณะถาม “ฉัน..สะดุดรักเธอ”
“ใช่ ไม่งั้น คุณจะตามฉันมาทำไม? นี่บอกไว้เลย นายจะได้ไม่มีความหวัง” เดินวนรอบตัว มองหัวจรดเท้า “รูปร่างหน้าตาอย่างนาย ผอมกะหร่องตัวซีดตัวขาวยังกับจิ้งจกอยู่ในโหลดอง....อย่าว่าแต่แฟนเลย กิ๊กฉันก็ไม่ให้เป็น”
กรรณนรีเบ้ปากใส่สรวง เดินเชิดหน้าสะบัด คราวนี้ระวังตัวแจจึงไม่ล้ม พอกรรณนรีเดินกลับไป สรวงมองตามโมโห ชูกระเป๋าในมือขึ้น
“ว่าจะเป็นพลเมืองดี เอากระเป๋ามาคืน แต่ปากเจ็บ ปากเก่ง กร่างขนาดนี้ ไม่ต้องเอาแล้วกันเธอ”
สรวงเดินกลับไปที่รถพร้อมกระเป๋าตังค์ของกรรณนรี โดยที่กรรณนรียังไม่รู้ตัวเลยว่ากระเป๋า
เงินหาย

อารักษ์ฟังโทรศัพท์หน้าเครียด พอวางสายสุดาก็เดินเข้ามาพอดี อารักษ์ถามอย่างมีอารมณ์ขึ้นทันที
“คนของผมบอกว่า เมื่อเช้าสรวงไปบ้านเก่าภาพิศ คุณให้ลูกไปที่นั่นทำไม?”
“อย่าบอกนะคะว่าที่ให้คนตามเป็นเพราะห่วงลูก ฉันว่าคุณหวงเมียน้อยมากกว่า กลัวว่ามันจะกลับไปหาผัวเก่า”
“ผมถามคุณหญิงว่า...ให้ลูกไปบ้านนั้นทำไม? ทำไมต้องพูดซะยืดยาว”
“ก็ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะห่วงลูกจริงๆ นะสิ”
“คุณหญิง...99.99 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายที่เบื่อเมีย เบื่อบ้าน คุณรู้มั้ยว่าเป็นเพราะอะไร?”
สุดาหันมามองสู้สายตา “เพราะพวกผู้ชายตาต่ำน่ะสิ”
อารักษ์ตะเบ็งเสียงใส่อย่างเหลืออด “ก็อย่างนี้ไง้? ทำตัวอย่างคุณไง้ ถ้าเหยียบหัวผมได้ คงเหยียบไปแล้ว น่าเบื่อ” เดินหนีไปอย่างฉุนเฉียว
“คุณอารักษ์” สุดาได้แต่กรี๊ด “ไม่ต้องมาด่าฉัน เหตุผลของคุณ มันเป็นเหตุผลของผู้ชายมักมาก เห็นแก่ได้ ฉันไม่มีทางปล่อยให้ คุณกับนังภาพิศไปเสวยสุขกันตามลำพังหรอก หญิงร้ายชายเลว”

คุณหญิงสุดาคิดบางอย่างในใจ แล้วเดินออกจากบ้านไปทันที
ไม่นานต่อมา ในขณะที่ภาพิศง่วนอยู่กับเครื่องเพชรในตู้โชว์ให้ลูกค้าดู หางตาเธอเห็นสุดาเดินยิ้มเข้ามาในร้าน ภาพิศหันไปบอกลูกค้าเสียงสุภาพ

“เชิญตามสบายนะคะ” เดินมาหาสุดา “มีอะไรคะ...ทำไมถึงได้มาถึงที่นี่”
สุดามองเหยียด “มาดูกิจการของเมียน้อย” พลางหันไปหาลูกค้า “ทราบมั้ยคะว่านี่เป็นร้านเมียน้อยของพลตรีอารักษ์....ถ้าทราบดิฉันว่าคุณไม่ควรที่จะสนับสนุนนะคะ...นอกซะจากว่า...คุณเป็นพวกเมียน้อยเหมือนกัน”
“ไม่นะ...ฉันไม่ใช่เมียน้อย” ลูกค้าตกใจรีบลนลานออกไป
ภาพิศตาเขียวปั้ด แอบคว้ามือถือมาอัดคลิป ตามเคย พร้อมถามแบบข่มอารมณ์ตัวเอง
“คุณพี่ทำไมต้องตามมาหาเรื่องน้องด้วย”
สุดาหวานใส่อย่างรู้แกวกัน แต่แววตานั้นเกลียดชังเปิดเผย “อุ๊ยตาย คุณน้องขา...อย่าเข้าใจพี่ผิดสิคะ ที่พี่มาวันนี้ พี่อยากจะมาอุดหนุนน้อง” พลางเดินนวยนาดไปดูเพชร แต่หันมายิ้มหาเรื่อง
“อุดหนุนที่ไหนคะ? คุณพี่ไล่ลูกค้าน้องชัดๆ” ภาพิศเหน็บ
สุดาทำเสียงเหนื่อยใจ แต่ในสีหน้าเย้ยหยัน “คุณน้องขา...ทำไมต้องมาใส่ไฟพี่ด้วยคะ....พี่ต้องการมาอุดหนุนจริงๆค่ะ ไหน...พี่ขอดูเพชรน้ำงามที่สุดในร้าน..พี่จะซื้อไปฝากท่าน”
ภาพิศทำท่าเหมือนว่าจะโกรธ แต่ยิ้มข่มแบบไม่ยอม แกล้งหวานใส่ “อุ๊ยตาย...น่าเสียดายจังค่ะคุณพี่...เม็ดงามที่สุด อยู่ในมือของน้องแล้ว” ยกนิ้วขึ้นกรีด “แต่ถ้าคุณพี่อยากจะได้จริงๆ น้องจะถอดให้...” ทำท่าจะถอด “ถ้าคุณพี่จะทำใจยอมรับได้ว่า...เป็นของมือสอง ของน้อง
สุดาโกรธแต่หัวเราะร่วน “น่าเสียดายจริงๆ...เพราะพี่เป็นคนถือตัว ต่อให้ของดีขนาดไหน แต่ถ้าเป็นของมือสองพี่ก็ไม่เอา” มองอย่างเหยียดเย้ย
ภาพิศยืนหน้าบึ้ง อาการโกรธเกรี้ยว สุดาหัวเราะเบาๆ เดินมากระซิบที่หู
“หวังว่าจะได้ฟังคลิปชุดนี้นะคะ...คนเค้าจะได้รู้ว่าน้องน่ะหน้าด้านหน้าทน พี่พูดดีด้วยก็แล้ว ด่าก็แล้ว น้องก็ยังไม่เลิกยุ่งกับผัวพี่ซะที” จ้องตาจิกใส่ “ถ้าเธอจะแย่งผัวฉันน่ะ อย่าใช้แต่มุขเดิมๆ” แล้วเดินเชิดออกไป
สุดาเดินยิ้มย่องออกมาจากร้านเพชร หน้าตาพึงพอใจมาก เพราะวันนี้เธอชนะ สุดาควักมือถือออกมายิ้มอย่างพอใจ

ภาพิศมองตามสุดาตาวาวสีหน้าโกรธจัด แต่เห็นลูกค้าเข้าร้านมา ภาพิศรีบยิ้มหวานต้อนรับทักทาย แล้วพาดูเพชร
ระหว่างนั้นกาวินทร์เดินมาหยุดยืนบริเวณหน้าร้าน เขม้นมองดูภาพิศ เห็นรอยยิ้มของภาพิศสุดจะมีความสุขมาก ท่วงท่าก็งามสง่าแบบคนรวย กาวินทร์มองจ้องด้วยดวงตาขมขื่น ก่อนเดินผละมา ในจังหวะที่ภาพิศ บอกลูกน้อง
“ดูร้านไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา” พอเดินพ้นออกมาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นบูดบึ้งเหมือนพยายามข่มอารมณ์เต็มที่

ภาพิศเดินลิ่วเข้ามาในห้องน้ำ หน้าตาบึ้งตึงเหมือนคนกำลังโกรธจัด ยินเสียงเย้ยของสุดาดังก้องในหัว
“พี่เป็นคนถือตัว ต่อให้ของดีขนาดไหน แต่ถ้าเป็นของมือสองพี่ก็ไม่เอา”
ภาพิศคิดในใจ “ถ้าถือตัวจริง จะมาใช้ของร่วมกับฉันทำไม”
มาลีนียืนอยู่ในห้องน้ำก่อนแล้ว พอเห็นภาพิศก็ตกใจ รีบทำทีเป็นแต่งหน้า ดูกระจกไป แต่แอบปรายตาเหลือบมองภาพิศตลอด และเห็นใบหน้าภาพิศเหมือนคนอารมณ์ไม่ดี ดูไม่มีความสุข ภาพิศล้างมือ วางที่ขอบอ่าง มาลินีเห็นมือนั้นเกร็งและกำแน่น ก่อนที่ภาพิศจะเดินออกไป มาลินีมองตาม ท่าทางภาพิศดูขุ่นเคือง และไม่มีความสุขเอาเสียเลย

มาลินีเดินมาตามทางในห้าง ทำท่าจะกดมือถือในมือ แต่เปลี่ยนใจ
“อย่าเพิ่งบอกตอนนี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่แก้วทำงานไม่รู้เรื่อง”
มาลินีจะเก็บมือถือ แต่แล้วต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น
“คะพี่แก้ว”
กาวินทร์ยืนมองมาลินีอยู่อีกมุม ก่อนเดินเข้ามาหา
“อยู่นี่” กาวินทร์เรียก

ที่โต๊ะตรงมุมหนึ่งภายในร้านกาแฟ สองคนนั่งดื่มด้วยกัน
“มาทำอะไร?” กาวินทร์ถาม
“พบลูกค้าค่ะ เค้าอยากเอาเค้กของมดมาลงที่ร้าน มดเลยแวะมาดูร้านเค้าหน่อย พี่แก้วล่ะคะ มาทำอะไร” มาลินีย้อนถาม
กาวินทร์กลบเกลื่อน “พบลูกค้า”
“ทำหน้ายักษ์อย่างนี้ ลูกค้าที่ไหนจะอยากคุยด้วยคะ” มาลินีแซวเอา
กาวินทร์รู้สึกตัว “นั่นน่ะสิ....พี่ไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัว มาปนกับเรื่องงาน โอเค.มด แล้ว
คุยกัน”
เห็นกาวินทร์จะผละไป มาลินีรีบบอก “ถ้าพี่แก้วเลิกงานไม่ดึกมาก...แวะไปบ้านมดนะคะ...มดจะทำของโปรดพี่แก้วไว้รอ แล้ว..มดก็มีเรื่องจะคุยกับพี่แก้วด้วย”
กาวินทร์มองมายังมาลินีเห็นสายตาเปี่ยมรักคู่นั้นฉายชัด กาวินทร์เมินมองไปอีกทางทำเหมือนไม่รู้ แล้วเดินออกไป

ส่วนทางกรรณนรีนั่งมอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าออฟฟิศ พอจะล้วงเอากระเป๋าตังค์ ถึงรู้ว่ากระเป๋าตังค์หาย
“เฮ้ย! กระเป๋าตังค์อยู่ไหน?”
กรรณนรีล้วงค้นในกระเป๋าสะพาย แทบทุกซอก ล้วงกระเป๋ากางเกงอีกรอบ แล้วนึกภาพตอนลงจากรถ ตอนเหน็บกระเป๋าตังค์ใส่กระเป๋ากางเกง และตอนที่ฉุดกระชากลากถูกับสรวง
กรรณนรีหน้าซีด “ต้องหล่นตอนนั้นแน่ๆ” เสียงมือถือดังขัดจังหวะ กรรณนรีรีบรับ “คะพ่อ”
“กาว....ตกลงผู้ชายคนนั้น เค้าเป็นใคร” เกริกโทร.มาจากบ้าน
กรรณนรีรีบบอก “กลับไปบ้านค่อยคุยกัน แค่นี้ก่อนนะคะ กาวยุ่งมาก” ตัดบทรีบวางสาย “อย่าให้นายสรวงเก็บกระเป๋าเราได้เลย เจ้าประคู้ณ...”

กรรณนรีหน้ามุ่ย เครียดจัด
เวลานั้น สรวงนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะในห้องแล้ว ชายหนุ่มนึกได้จึงหยิบกระเป๋าตังค์ของกรรณนรีขึ้นมาดู เห็นนามบัตรเสียบอยู่ตรงช่องด้านใน

“กรรณรี ชื่อแปลกดี”
สรวงพลิกดูในกระเป๋า คราวนี้ต้องทำหน้าฉงน เมื่อเห็นรูปใบหนึ่ง เป็นภาพิศสมัยก่อนกอดเด็กชายหญิงสองคน
“ภาพิศ”
ภาพตอนที่เห็นกรรณนรีออกมาจากในซอยบ้านเกริก ผุดขึ้นมาในความคิดทันที
“อย่าบอกนะกรรณรี เธอคือลูกของภาพิศ” สรวงใจเต้นระรัว

ด้านภาพิศอยู่ที่โถงในคฤหาสน์ นั่งตาวาวโรจน์ดูออกว่าโกรธจัด แฉล้มยิ้มในสีหน้าขณะเอ่ยถามขึ้น
“ถ้าไม่ได้ฟังจากปากคุณ...ฉันไม่มีทางเชื่อเลยว่าคุณหญิงเค้าจะหาทางแก้ทางคุณได้เจ็บขนาดนี้”
ภาพิศยิ้มบางๆ “แค่เบาๆ”
“อ้าว แล้วไหงคุณทำท่าเหมือนนกปีกหักกลับบ้าน” แฉล้มงง
ภาพิศยิ้มอีก “ฉันแค่อยากให้คุณหญิงสุดาตายใจเล่น”
แฉล้มฉงน “ตายใจ”
“เล่นกับคุณหญิง ต้องมีแผนที่เหนือกว่า และคนที่เจ็บ ยังไงก็ไม่ใช่ฉัน”
แฉล้มมองภาพิศสีหน้าทึ่ง นิ่งคิดว่าภาพิศมีแผนอะไรอีกแล้ว รู้ดีว่าบ้านใหญ่ บ้านเล็ก สองคนนี้ไม่มีใครยอมใคร

สุดานั่งคุยกับสรวงท่าทางอารมณ์ดี เปิดคลิปขณะโต้เถียงกับภาพิศให้ลูกชายดู
“น่าเสียดายจริงๆ...เพราะพี่เป็นคนถือตัว ต่อให้ของดีขนาดไหน แต่ถ้าเป็นของมือสองพี่ก็ไม่เอา” เสียงสุดาในคลิปดังขึ้น
สรวงตกใจ “นี่คุณแม่ไปหาเค้าอีกแล้วเหรอครับ”
“มันหาเรื่องแม่ตลอด แม่ก็ต้องไปเอาคืนบ้างสิ” สุดาหัวเราะสะใจ “และครั้งนี้แม่ชนะ เพราะแม่ไม่หลงกลมันอีกแล้ว ต่อให้มันอัดคลิป มันก็ไม่กล้าเอาไปให้ใครดู ใครฟัง เพราะมันด่าแม่”
“แต่แม่เคยบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนร้ายกาจ ดีไม่ดี ภาพิศอาจจะมีสื่อในมือก็ได้”

กรรณนรีกังวลหนัก นั่งทำงานแทบไม่ติด บ่นเบาๆ
“ถ้านายสรวงเก็บกระเป๋าเงินเราได้จริงๆ เละแน่ๆ เลยกาว”
ระหว่างนั้นจ๋าเดินเข้ามา มีมะยมกับนิคตามหลัง ทันได้ยินประโยคท้ายของกรรณนรี
“เละอะไร? ถูกคุณภาพิศเค้าเหวี่ยงมาเหรอ?”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วมีอะไร?” กรรณนรีนิ่ง จ๋าจ้องอย่างสงสัย “ตกลงที่พี่ให้ไปตามสัมภาษณ์คุณภา
พิศ เค้าว่าไงมั่ง”
กรรณนรีกลบเกลื่อน “เค้าไม่เปิดโอกาสให้กรรณนรีคุยเลยค่ะพี่จ๋า”
“กาวพูดอย่างนี้ไม่มีวิญญาณนักข่าวเอาซะเลย แล้วไหนคอลัมน์ที่ให้ไปเขียน” กรรณนรีเงียบอีก “นี่มันอะไรกันกาว ปกติ กาวเป็นเสือปืนไวนี่”
มะยมเห็นท่าไม่ดีรีบแก้แทน “คือเมื่อวาน มะยมขอเขียนแทนกาวน่ะค่ะ”
จ๋าหันมาทางมะยม “แล้วไหนงาน”
มะยมยิ้มแหะๆ “ขอห้านาทีค่ะ” รีบเดินกลับไปที่โต๊ะเร็วรี่
“ห้านาทีแน่นะ” จ๋าหันมาดุกาวต่อ “ส่วนกาว...ยังไงก็ต้องไปสัมภาษณ์คุณภาพิศมาให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน แต่ต้องได้ข่าวกลับมา” พูดจบก็หันตัว เดินกลับห้องทำงาน
นิคกะมะยมมองกรรณนรีอย่างเห็นใจ

ที่หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ กรรณนรี มะยม และนิคเดินออกมาด้วยกัน
“นังเจ้...เป็นไรแก” นิคถามอย่างสงสัย
“นั่นสิกาว...เสียชื่อ เสือปืนไว หมด” มะยมว่า
กรรณนรีบอกเสียงเนือยๆ “มีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อย....ไม่เป็นไร ฉันจะรีบจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด ไปก่อนนะ” ฝืนยิ้มให้ พูดสัพยอก “อ้อ! ขอบใจมากที่ให้ยืมตังค์ แต่ตอนจ่ายคืนห้ามคิดดอกล่ะ”
“ยังจะงกอีก” มะยมมองกรรณนรีขี่รถมอเตอร์ไซค์ หันมาพูดกับนิค “ฉันว่ากาวต้องมีอะไรแน่ๆ”
“ฉันก็ว่างั้น” นิคว่า สองคนมองตามกรรณนรีด้วยความเป็นห่วง

สรวงนั่งทำงานอยู่ในห้อง แต่นั่งไม่ติดที่ สมาธิแตกซ่าน ฉุกคิดคำพูดมารดาที่บอกว่าภาพิศมีลูกติด
“ผู้หญิงที่ทิ้งลูกทิ้งผัวมาหาผู้ชายอื่นได้ มันเป็นคนดีหรือ”
สรวงคิดถึงคำพูดกรรณนรีที่คุยกันในรถ
“เค้าอาจจะรักพ่อคุณจริงๆก็ได้....ไม่อย่างนั้น เค้าคงไม่ทิ้งลูก ทิ้งครอบครัวมาอยู่กับพ่อคุณ”

สรวงดึงตัวเองกลับมา พลางหยิบมือถือขึ้นมาโทร.ถามคนขับรถของอารักษ์
“บ้านภาพิศอยู่ที่ไหน?”

กรรณนรีพาตัวเองมายืนอยู่หน้าประตูบ้าน มองคฤหาสน์หลังใหญ่โตของภาพิศด้วยความสะเทือนใจ ทำท่าจะกดออดหลายครั้ง แต่ก็ไม่กดสักที
คนด้านในเห็นภาพหน้าบ้านจากกล้องวงจรปิด น้อยมองจ้องแล้วเอ่ยขึ้นกับเมตตี้
“ใครน่ะมาทำท่าลับๆ ล่อ เอ๊ะ! หรือจะเป็น คนที่คุณแฉล้มส่งมา”
“ส่งมาทำไมล่ะป้า?”
น้อยลดเสียงเบาลง “ก็ส่งมาเอาใจท่านอารักษ์น่ะสิ...แกไม่รู้หรอกรึเมตตี้....ว่าร้านเสริมสวยน่ะแค่บังหน้า อาชีพหลักของคุณแฉล้มคือมาม่าซัง”
สองคนมองหน้ากันตาโต
ภาพิศเดินลงมาพอดี “ซุบซิบอะไรกัน”
สองคนสะดุ้งโหยง
“ใครก็ไม่ทราบมาด้อมๆ มองๆ ที่หน้าบ้านค่ะ” น้อยบอก

ภาพิศมองที่กล้องวงจรปิด เห็นเป็นกรรณนรีก็ทำหน้าฉงน จำได้

“นักข่าวคนนั้นนี่” ภาพิศพึมพำ
ด้านกรรณนรียืนหน้ามุ่ยอยู่ตรงประตูใหญ่หน้าบ้าน ท่าทีลังเลหนัก คิดไม่ตกว่าจะกลับ...หรือไม่กลับ ก่อนจะปลุกปลอบบอกตัวเอง

“มันเป็นงานกาว เค้าไม่เกี่ยวอะไรกับเรา อย่าอ่อนแอ” ยื่นมือจะกดกริ่ง “เรายังทำใจไม่ได้...” จะหันหลังเดินกลับ
แต่แล้วประตูรั้วถูกเปิดออกมา ยินเสียงประตูเปิดกรรณนรีหันกลับไปมองเห็นใครบางคนยืนอยู่
กรรณนรีเสียงสั่น “คุณภาพิศ” หลบตาทันที
ภาพิศทักทายขึ้น “ฉันเห็นเธอจากกล้องวงจรปิด มีธุระอะไรกับฉัน? เข้ามาก่อนสิ” ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แล้วหันตัวเดินเข้าไป กรรณนรีเงยหน้ามองภาพิศอึ้ง คาดไม่ถึง

ภาพิศเดินนำกรรณนรีเข้ามาตรงทางเดินในบ้าน ความกว้างขวางใหญ่โตโออ่า บ่งบอกฐานะอันร่ำรวยของภาพิศอย่างดี นั่นยิ่งทำให้กรรณนรีรู้สึกตัวเล็กไปถนัดตา ภาพิศเดินนำไปเรื่อยๆ ความเงียบของกรรณนรีทำให้ภาพิศหันกลับมามองโดยไม่ทันตั้งตัว
จังหวะนั้นกรรณนรีเงยหน้าขึ้นมามองภาพิศพอดิบพอดี นี่เป็นครั้งแรกที่แม่...ลูกเผชิญหน้ากันสองต่อสองแบบจังๆ สายตาของกรรณนรีมีทั้งความรัก ตื่นเต้น โหยหา ระคนน้อยใจ เสียใจ ปนเปกันไป ภาพิศเองก็มองจ้องกรรณนรีเขม็ง

วินาทีนั้นภาพิศกลับเห็นเป็นดวงตาของเกริกที่มองมาด้วยสายตาเดียวกัน ดวงตาของกรรณนรีตอนเด็ก ภาพิศอึ้ง นิ่งงันไป

ภาพิศไม่ได้ฉุกคิดสักนิดว่าเด็กสาวตรงหน้าเป็นลูกสาว กรรณนรีมองภาพิศด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ฉันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าคะ”
ภาพิศรีบกลบเกลื่อน “เปล่าเพียงแต่ฉันเห็นเธอเงียบไป ตามสบายนะไม่ต้องเกรงใจ”
กรรณนรีพูดออกมาน้ำเสียงเจือความน้อยเนื้อต่ำใจ “บ้านสวยจังเลยนะคะ”
ภาพิศยิ้มบางๆ “เหรอ?...จริงๆ ฉันไม่ชอบบ้านสไตล์นี้หรอก...แต่ท่านชอบ”
กรรณนรีอึ้ง ถ้อยคำแสนธรรมดาของภาพิศกระทบใจจังๆ
“แล้วคุณภาพิศชอบแบบไหนคะ?”
ภาพิศนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนบอก “ตอนแรก...ฉันเคยคิดว่าฉันชอบบ้านหลังใหญ่ๆ แต่พอ
มาอยู่จริงๆ บ้านหลังนี้...มันใหญ่เกินไป ถ้ามีเด็กๆ มาวิ่งเล่นด้วย ก็คงจะดี
กรรณนรีซัก “คุณภาพิศอยากมีลูก?”
“ใช่...ฉันอยากมีลูก ท่านเองก็อยากมี...แต่ก็ยังไม่มีซักที”
กรรณนรีสะอึก มองหน้าภาพิศ ทั้งเสียใจ น้อยใจ ระคนโกรธ
“เด็กที่เป็นลูกคุณภาพิศคงโชคดีมาก”
คราวนี้ภาพิศเป็นฝ่ายสะอึกบ้าง น้ำตาคลอขึ้นมาทันที แต่รีบยิ้มกลบเกลื่อน
“นั่งสิ” ภาพิศทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน กรรณนรีนั่งลงตามข้างๆ
จังหวะนั้นน้อยเดินเอาน้ำใบเตยมาเสิร์ฟ
“น้ำใบเตย หอมอร่อยดีนะ...ลองดื่มดู”
กรรณนรีจ้องมองดูน้ำใบเตย หวนคิดถึงอดีต

ภาพที่ภาพิศขณะยังเป็นนุดีเอาน้ำใบเตยมาให้ลูกชายหญิงดื่ม
“น้ำใบเตย หอมเย็น ชื่นใจลูก”
ลูกๆ สองคนไม่ยอมดื่ม นุดีย้ำขึ้นอีก
“น่า...ลองดื่มดู แม่ทำเอง ไม่ขม หวานอร่อย มีประโยชน์...นะลูก..ลองดื่มดู”
กาวินทร์กับกรรณนรีดื่มแล้วทำหน้าเบ้ นุดีหัวเราะขำ
“แม่ทำไม่อร่อยเหรอ เอาน่า..ดื่มบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชอบเอง ดื่มน้ำสมุนไพรซะบ้างลูก อย่าดื่มแต่น้ำอัดลม ไม่ดี ไม่มีประโยชน์”

กรรณนรีมองจ้องแก้วน้ำใบเตยในมืออยู่นานจนภาพิศถาม
“ลองดื่มดู สูตรของฉันเอง มีประโยชน์นะ” กรรณนรียังนิ่งอยู่ “ไม่ชอบเหรอ”
กรรณนรีจ้องหน้า “ชอบค่ะ.....พ่อต้มให้กินบ่อยๆ”
“แล้วแม่ล่ะ ชอบทำอะไรให้เธอทาน” ภาพิศพูดถามตามประสา
“ฉันไม่มีแม่ค่ะ” กรรณนรีว่า
“ขอโทษ...ที่ฉันถามให้เธอสะเทือนใจ”
เมตตี้กับน้อยเอาของว่างมาให้....เป็นเค้กหน้าตาน่ากินมาก
“ทานของว่างก่อนจ้ะ”
กรรณนรีมองจ้องขนมเค้ก ก่อนจะลุกขึ้น
“ขอตัวนะคะ...ฉันรู้สึกไม่สบายมาก” กลั้นก้อนสะอื้น แล้วเดินแกมวิ่งออกไปทันที
ทุกคนมองตกใจ
“หนู...ไหวรึเปล่า เดี๋ยวฉันพาไปหาหมอ” ภาพิศตกใจมาก รีบตามออกไปดู

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 1/4 วันที่ 3 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager