@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 2 วันที่ 4 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 2 วันที่ 4 ก.ย. 55

“หนู...ไหวรึเปล่า เดี๋ยวฉันพาไปหาหมอ” ภาพิศตกใจมาก รีบตามออกไปดู
ภาพิศวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน เห็นกรรณนรีวิ่งออกไปไกลลิบแล้ว กรรณนรีปาดน้ำตาแต่ภาพิศไม่เห็น เห็นแต่ด้านหลัง
“เค้าเป็นอะไรของเค้า” ภาพิศมองตามอย่างงุนงง และไม่เข้าใจ
กรรณนรีกลั้นน้ำตาไม่อยู่ วิ่งร้องไห้หนีมา ภาพเค้กสวยผุดขึ้นมาพร้อมเสียงเชื้อชวนของภาพิศ
“ทานของว่างก่อนจ้ะ”

กรรณนรีหวนคิดถึงภาพในอดีต
ครั้งนั้น...ภาพิศขณะยังเป็นนุดีจูงมือเด็กหญิงกรรณนรี วัย 7 ขวบผ่านร้านเค้ก เป็นเค้กในร้านเล็กๆ ทั่วไป ปอนด์ละไม่ถึงร้อย ครีมเยอะ ดูก็รู้ว่าไม่อร่อย แต่สำหรับความรู้สึกเด็กหญิงตัวน้อยช่างน่าทานมาก กรรณนรีชี้ไปที่เค้กในตู้

“แม่...กาวอยากกินเค้ก”
นุดียืนมองอึ้งไป มือที่กำเงินอยู่แบออกมา มีไม่ถึงร้อย “วันนี้แม่มีเงินไม่พอ ไว้วันเกิดแม่ซื้อให้นะ”
“จริงนะคะแม่” เด็กหญิงดีใจ
“จริงจ้ะ...ไว้วันเกิด แม่ซื้อแบบนี้ให้กาวเลย”
นุดีจูงมือกรรณนรีเดินออกไป แต่สายตาของกรรณนรียังมองเค้กในตู้
“วันเกิด..วันเกิด..วันเกิด”



กรรณนรีวิ่งร้องไห้มา ยินเสียงของตัวเองตอนเป็นเด็กกับภาพิศเมื่อก่อนหน้านี้ดังก้องอยู่ในหัว
“วันเกิดๆๆ” / “ของว่างๆๆๆ”
นัยน์ตาของกรรณนรีพร่าพรางไปด้วยน้ำตา มองไม่เห็นข้างหน้า เพราะมีม่านน้ำตากั้นไว้
สรวงเลี้ยวรถมาในจังหวะเดียวกับที่กรรณนรีวิ่งร้องไห้มา
“เฮ้ย!”
สรวงร้องลั่น ขณะที่หักรถหลบ กรรณนรีเองก็หลบจนเซล้มลงไปนั่งที่พื้น สรวงลงรถเดินเข้ามาหาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เป็นไงมั่งคุณ”
กรรณนรีเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
สรวงเห็นเป็นกรรณนรีก็ชะงัก “อ้าว! เธอ”

สรวงมองจ้องหน้าอย่างแปลกใจ ที่เห็นกรรณนรีร้องไห้

สรวงจอดรถตรงบริเวณข้างๆสะพานริมน้ำ ก่อนจะเดินลงมาพร้อมกรรณนรี
กรรณนรีเช็ดน้ำตา ทำท่าจะเดินไป
“ขอบคุณมาก ที่ไม่ขับรถชนฉัน ฉันกลับก่อนแล้วกัน”
สรวงรีบบอก “ตกลง...ฉันขับรถมานี่ เพื่อดูเธอร้องไห้นี่นะ”
กรรณนรีหันขวับมามอง “แล้วคุณต้องการอะไร”
“เธอไปร้องไห้อะไรแถวนั้น” สรวงถาม
กรรณนรีกลับกวนใส่ “เอ๊อ..คุณนี่ก็แปลก คนจะร้องไห้ ตรงไหน มันก็ร้องได้ทั้งนั้นแหละ”
“มันก็จริง.... ถ้าแถวนั้นจะไม่ใช่บ้านคุณภาพิศ”
กรรณนรีมองสรวงใจหายแว๊บ สรวงเดินไปที่รถ หยิบกระเป๋าตังค์กรรณนรีออกมาชูตรงหน้า
“ฉันสงสัยว่าคุณภาพิศทำให้เธอร้องไห้” สรวงว่า กรรณนรีจะคว้า แต่สรวงดึงกลับ
กรรณนรีอึ้ง “คุณ”
“ว่าไง...? คุณภาพิศทำให้เธอร้องไห้ใช่มั้ย” สรวงย้ำ
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” กรรณนรีบอก
“แต่ฉันมีสิทธิ์สงสัยว่าเธอเป็นลูกภาพิศ? ถ้าอยากได้กระเป๋าของเธอคืน เธอต้องพูดความจริงกับฉัน”
กรรณนรีนิ่ง ไม่ตอบ สรวงดึงเงินจากในกระเป๋าของกรรณนรีออกมา แล้วจับยัดเงินนั้นใส่มือกรรณนรี ก่อนจะเดินถือกระเป๋าของกรรณนรีเดินตรงไปที่รถ
กรรณนรีวิ่งตาม “คุณ...เอากระเป๋าฉันคืนมานะคุณ”
สรวงไม่ฟังเสียงกรรณนรี ขับรถออกไปทันที กรรณนรีหน้าซีด ครางออกมา
“เราไม่น่าเก็บรูปนั้นไว้ในกระเป๋าเลย เดือดร้อนกันหมดแน่..พ่อ..พี่แก้ว”

กาวินทร์ทำงานอยู่ที่บริษัทโฆษณา ในตำแหน่งเออี และเวลานั้นยังอยู่ที่บริษัท
“ไง? คืนนี้จะไป ที่ไหนแก้ว” เพื่อนพนักงานถาม
“ที่” กาวินทร์ชะงัก นึกถึงเรื่องที่มาลินี บอกมีเรื่องจะคุยด้วยขึ้นมา “ไม่ล่ะ..ไม่ไปไหน จะกลับบ้าน”
เพื่อนไม่อยากเชื่อ “โอ้โห! กลับบ้าน เป็นไปได้ไง...โอเค...พรุ่งนี้เจอกัน” เพื่อนเดินออกไป
กาวินทร์บอกกับตัวเอง “ไปให้มันจบๆไปแก้ว...ถ้ามดบอกรัก...จะได้บอกๆ มดไปเลยว่าเราไม่ได้คิดอะไร”
กาวินทร์คิดกับมาลินีแค่นั้นจริงๆ

เวลาต่อมากาวินทร์จอดรถไว้หน้าบ้านของมาลินี โดยจอดห่างออกมาหน่อย แล้วจึงเดินเข้าไป
ที่หน้าบ้าน
ภายในบ้านหลังเล็กๆ หลังนั้น มาลินีง่วนอยู่กับการอบขนม ทำกับข้าวตามประสา กาวินทร์อมยิ้ม รู้ว่าหญิงสาวตั้งใจทำให้ตัวเอง กดมือถือโทร.ออก มาลินีเห็นเบอร์โทร.กาวินทร์ จึงรีบเช็ดมือ
รับสายท่าทีดีใจมาก
“เลิกงานแล้วเหรอคะ”
“ฮื่อ” กาวินทร์ว่า
“แล้วถึงไหนแล้วคะ? กับข้าวที่มดทำให้พี่แก้ว จวนเสร็จแล้ว”
“พี่จะเลยไปทานข้าวกับเพื่อนน่ะ คงไม่ได้เข้าไปหามด”
มาลินีหน้าจ๋อยทันที “ไม่เป็นไรค่ะ.....มดทานเองก็ได้...”
“แล้วเจอกันจ้ะ”
กาวินทร์วางสาย มองมาลินีแล้วอมยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ ย่องเข้าไปในบ้าน ขณะที่มาลินีวางโทรศัพท์นั่งลงอย่างห่อเหี่ยว
กาวินทร์เดินเข้าไปจ๊ะเอ๋ทัก “พี่อยู่นี่”
“พี่แก้ว” มาลินีหันมามองสายตาบ่งบอกว่าดีใจมาก

กาวินทร์นั่งก้มหน้าก้มตากิน ไม่ได้สนใจมาลินี อีกฝ่ายยิ้มถาม
“อร่อยมั้ยคะ”
“กินได้ ...เออ..แล้วไหน มีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่” กาวินทร์นึกได้
มาลินีน้อยใจ “ที่แท้..พี่แก้วก็แค่อยากรู้ว่ามดจะคุยเรื่องอะไร”
กาวินทร์ไม่ได้ใส่ใจ “งั้นมดจะบอกมั้ยล่ะ ถ้าไม่บอก พี่จะได้กลับ” ลุกขึ้น
มาลินีน้อยใจมากขึ้น พูดตัดพ้อ “พี่แก้วไม่เคยสนใจคนอื่นเลยว่าเค้ารู้สึกยังไง”
“สนใจแล้วได้อะไร ต่อให้เราทุกข์...เค้าก็สุขอยู่ดี” กาวินทร์บอก
“พี่แก้วคิดถึงแม่อีกแล้วใช่มั้ยคะ บางทีแม่พี่แก้วอาจไม่ได้มีความสุขอย่างที่พี่แก้วคิดหรอกค่ะ”

กาวินทร์ออกจากบ้านมาลินี กำลังขับรถกลับบ้านด้วยอาการสับสน เสียงมาลินีดังก้องในหู
“วันนี้มดเจอแม่พี่แก้ว....ท่าทางแม่ของพี่แก้วเหมือนกำลังทุกข์อะไรซักอย่าง คนบางคน ภายนอกเราอาจจะเห็นแต่ภาพที่สวยงามหรูหรา..อยู่บ้านหลังใหญ่ นอนอยู่บนกองเงินกองทอง แต่เอาเข้าจริง...เค้าอาจจะมีความทุกข์อย่างที่เราคาดไม่ถึงก็ได้นะพี่แก้ว”
กาวินทร์เบนรถเข้าไปจอดข้างทาง ดวงตาหม่นหมองขมขื่น

“แม่น่ะหรือจะทุกข์ ไม่มีทาง” กาวินทร์ขับรถออกไป ด้วยแรงโทสะ
เวลานั้นภาพิศอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่โตโอฬาร นั่งเหม่อลอยเดียวดายอยู่เพียงลำพัง หวนคิดถึงคำพูดกรรณนรีก่อนหน้านี้

“ลูกของภาพิศคงมีความสุขมาก”
ภาพิศน้ำตาคลอ “ลูกที่ไม่มีแม่ ยังไงก็มีความสุขมากกว่าลูกที่ถูกแม่ทิ้งอยู่ดี” ปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยล้า “แผลในใจของฉันจะไม่มีเลย...ถ้าวันนั้นฉันเลือกคนไม่ผิด”
ภาพิศน้ำตาไหลรินเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต

ที่บ้านหลังเก่า ภาพิศเมื่อ 10 ปี ก่อนขณะยังใช้ชื่อนุดี แม้จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าไม่เริดหรูแต่ทว่าภาพิศก็สวยผุดผาด แม้จะมีลูกน้อยสองคนแล้วก็ตาม
เวลานั้น เกริกกับนุดีช่วยกันเลี้ยงลูก ซึ่งกาวินทร์วัย 10 ขวบ ไม่สบาย อาเจียนตลอดเวลา นุดีลูบหลังลูก พลางร้องบอกเกริก
“พี่...เอาผ้ามาหน่อย...ลูกอาเจียน”
“จ้ะๆๆ” เกริกงกๆ เงิ่นๆ หันรีหันขวาง ไม่รู้จะหยิบผืนไหนดี
นุดีรอนานจนหงุดหงิด จึงออกเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจขึ้น “ผืนไหนก็ได้พี่หยิบมา เร็ว”
“จ้ะๆๆ”
เกริกเอาผ้ามาให้ นุดีเอาผ้าเช็ดปากให้กาวินทร์ บอกสามีขึ้นอีก
“พี่...ไปเอาผ้ามาเช็ด ไม่เห็นรึไง บ้านเลอะหมดแล้วน่ะ”
“จ้ะๆๆๆ” เกริกลนลานจะวิ่งไปเอาผ้า
ระหว่างนั้นเพื่อนบ้านคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามาในบ้าน
“พ่อเกริก ลุงเสาโดนรถชน เป็นตายไม่รู้ ไปช่วยหน่อยเร็ว”
“ได้ๆๆๆ” เกริกตะโกนบอก “นุดี...ลุงเสาถูกรถชน อาการหนัก พี่ไปช่วยแกก่อนนุดีดูลูกไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา” วิ่งออกไปกับชาวบ้านทันที
นุดีหน้าเหลอหลา เรียกไว้ “อย่าเพิ่งไปพี่เกริก ช่วยฉันดูลูกก่อน”
กรรณนรีในวัยเจ็ดขวบ หยิบปลั๊กพัดลมจะไปเสียบเต้า นุดีเห็นร้องลั่น
“อย่า!กาว! เดี๋ยวไฟดูด” รีบผละจากกาวินทร์มาหา ดึงปลั๊กออกจากมือกรรณนรี
จังหวะนั้นกาวินทร์ทรุดลง เหมือนจะเป็นลม ภาพิศหน้าซีด ห่วงหน้าพะวงหลัง รีบดึงกรรณนรีมาหากาวินทร์ ท่าทางยุ่งมาก
พร้อมกับพิไล พ่อและแม่ของนุดีเดินเข้ามาในบ้านพอดี
“อ้าว! ลูกเป็นไร” พร้อมถามขึ้น
“แก้วไม่สบายพ่อ อาเจียนทั้งวันเลย ฉันจะพาลูกไปหาหมอ”
พิไลมองหา “อ้าว!แล้วไอ้เกริกล่ะ” นุดีนิ่ง พิไลว่าต่ออย่างรู้ทัน “มัวแต่ไปช่วยชาวบ้านล่ะสิ ดีแต่เรื่องนอกบ้าน ลูกเมียไม่เคยสนใจ ผู้ชายแบบนี้เหรอจะมาเป็นผู้นำ”
“นำไปตายหมดบ้านน่ะสิ ผัวไม่ได้เรื่องแบบนี้ จนก็จน เลิกๆ ไปเลย” พร้อมว่า น้ำเสียงไม่พอใจพอกับผู้เป็นมีย
นุดีนิ่งงันไป สีหน้ามีแต่ความยุ่งยากลำบากใจ

รูปภาพครอบครัวใบนั้น เป็นภาพของภาพิศขณะยังเป็นนุดีกำลังกอดกาวินทร์กับกรรณนรีเอาไว้ ดวงหน้ายิ้มพรายอย่างความสุข
ภาพิศนั่งหน้าเศร้าน้ำตาคลอดูรูปอยู่ ยกมือไล้ที่รูปเบาๆ
“แม่คงเป็นแม่ที่เลวมาก แต่ลูกรู้มั้ยแม่ใจจะขาดทุกครั้งที่นึกถึงตอนที่ทิ้งลูกมา”

ภาพจำที่ลืมไม่เคยลง ผุดขึ้นมาในภวังค์อีกคำรบ ตอนนั้นภาพิศที่ยังใช้ชื่อนุดี ตัดสินใจเดินออกจากบ้านไป โดยไม่หันกลับมามอง
“แม่..อย่าไปแม่” กาวินทร์กับกรรณนรีวิ่งมากอดรั้งไว้
นุดีปลดมือลูกออก “ปล่อยแม่...” แล้วเดินออกไป
ในสายตากรรณนรีกับกาวินทร์เห็นผู้เป็นแม่เดินหันหลังออกไป โดยไม่ยอมเหลียวมองมา กิริยาใจดำมาก
ขณะที่ใบหน้าของนุดียามนั้น สองตาเต็มไปด้วยน้ำตาแล้ว เสียงของกาวินทร์กับกรรณนรีร้องดังลั่นขึ้นพร้อมๆ กัน “แม่..อย่าไป..แม่”
นุดีชะงักนิดหนึ่ง อยากจะกลับไป แต่ทำใจแข็ง ก้าวเดินออกมาแบบไม่ยอมหันกลับไป
มองอีก กลัวตัดใจไม่ได้ น้ำตานุดีไหลรินออกมาด้วยความเจ็บปวดใจ

น้ำตาของภาพิศไหลหยดลงมาที่รูป มือของภาพิศสั่นระริก ขณะที่กอดรูปลูกแนบอก ร่ำไห้บอกออกมา
“แม่คิดถึงลูกตลอดเวลา แก้ว...กาว”

ทางด้านกรรณนรีนั่งแท็กซี่มาลงที่ข้างถนนก่อนเดินเข้าบ้าน โดยไม่รู้ว่าตรงมุมมืดริมถนนอีกฝั่ง สรวงนั่งอยู่ในรถมองจ้องจับตามองมาที่กรรณนรีตลอดเวลา ทันทีที่เห็นกรรณนรีเดินเข้าไปในบ้าน สรวงก็หรี่ตามองพูดเสียงกร้าว

“กรรณนรี เธอเป็นลูกของภาพิศจริงๆ”
เกริกเดินกระวนกระวายไปมารอกรรณนรีอยู่ในบ้าน ทันทีที่เห็นกรรณนรีที่เดินแบบหมดแรงเข้ามาในบ้าน เกริกก็ถามอย่างร้อนใจโดยลืมมองดูอาการเหนื่อยล้าของลูกสาว

“ทำไมเพิ่งกลับมาล่ะลูก พ่อรอตั้งนาน”
กรรณนรีเผลอตัวหงุดหงิดใส่ผู้เป็นบิดา “ก็กาวงานยุ่ง”
“พ่อขอโทษ....ความจริงกาวก็กลับดึกอย่างนี้ทุกวัน เพียงแต่วันนี้พ่อรอกาว” เกริกหน้าเสีย
กรรณนรีนึกได้ “ขอโทษค่ะพ่อ”
เกริกยิ้มออกมาได้ “ตกลง..ผู้ชายคนนั้นเค้าเป็นใครลูก? ทำไมเค้าถึงได้มาถามเรื่องพ่อกับแม่”
กรรณนรีพูดกลบเกลื่อน “เค้าอาจจะทำงานให้คุณหญิงสุดาก็ได้”
“งั้นก็แปลว่า...เค้าตั้งใจหาข้อมูล เพื่อทำลายแม่...ดีแล้ว ที่กาวโทร.มาบอกพ่อก่อน ไม่งั้นพ่ออาจจะหลุดปาก ทำให้แม่เดือดร้อนไปแล้วก็ได้”
ท่าทีของเกริกห่วงภาพิศมาก กรรณนรีได้แต่มองพ่อ ด้วยความสงสารและเห็นใจ

คืนนั้นกรรณนรีนอนลืมตาโพลงมองเพดานห้องนอน
“ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน? พ่อก็ยังรักแม่อยู่ดี แต่จะมีสักวันมั้ย ที่แม่คิดถึงพ่อ...นอกจากคิดถึงแต่ตัวเอง”
พูดแค่นี้ น้ำตากรรณนรีก็ไหลรินออกมา

เช้านั้นมะยม นั่งหน้ามุ่ยอยู่หน้าคอมพ์ นิคกระเซ้า
“เวลาโลกไหนของแกวะมะยม ห้านาทีของแกมันถึงได้ยาวนานนัก จนเช้าแล้วงานก็ยังไม่เสร็จอีก”
มะยมหน้ามุ่ย “ก็มันยากนี่ จะเขียนยังไง ภาษาก็ไม่แสบ ไม่แซบ เท่ากับกาว”
“คิดถึงตอนถูกพี่จ๋า ด่าสิ...เดี๋ยวภาษาแกก็แสบก็แซบเอง” นิคว่า
“จะแสบแซบยังไงก็ไม่สู้คุณเมียน้อยด่าเมียหลวงหรอก แกฟังดู”
มะยมเปิดคลิปภาพิศกับสุดาเถียงกัน
“สามีคุณหญิงพี่ต่างหากล่ะคะ ที่ไม่ยอมเลิกยุ่งกับหนูซะที อุ๊ย คุณหญิงพี่ดูสิคะ...ท่านแมสเสจมา...”Miss U “ คิดถึง...ขนาดห่างกันแค่ไม่ถึงชั่วโมงนะเนี่ยวันนี้ตั้งหลายสิบครั้ง แล้วของคุณหญิงพี่ล่ะคะปีนี้ ได้ซักครั้งรึยังเอ่ย?”
“คุณภาพิศนี่หน้าไม่อาย ก็คงจะส่ง sms ไปหาท่านอารักษ์ก่อนล่ะซี้....ท่านถึงได้ตอบกลับมา...แล้วยัยคุณภาพิศก็เอามาเยาะเย้ยเมียหลวง” มะยมบอก
“เฮ้ย! จริงๆ อาจไม่มีอะไรก็ได้นะมะยม...คุณภาพิศอาจจะส่งsms ไปถามท่านอารักษ์ วันนี้ดูหนังเรื่องอะไรดีค้า? ท่านอารักษ์ก็ตอบกลับมา ว่า “ I miss u “ ก็เท่านั้น...คุณหญิงสุดาคิดมากไปเอง 555” สองคนหัวเราะสนุก
“แกนี่มันโลกสวยจริงๆ เลยนิค ถ้าเรื่องแค่นี้คุณหญิงสุดาคงไม่ตามรังควานหรอก แต่ยัยคุณภาพิศ คิดจะเป็นหนึ่งน่ะสิ ถึงได้ทำเรื่องให้คุณหญิงสุดาเจ็บตลอด เลว” มะยมด่า
กรรณนรียืนนิ่งได้ยินทั้งหมด เท้าที่จะเดินเข้าออฟฟิศ ชะงัก กรรณนรีเดินกลับออกไป
กรรณนรีเดินออกมาด้านนอกออฟฟิศแล้ว พูดกับตัวเอง
“เธอจะต้องทนฟังคนด่าแม่ตัวเองอีกนานแค่ไหน กาว”

ที่ร้านเพชร ภาพิศต้อนรับลูกค้าตามปกติ เสียงมือถือดัง ภาพิศรับ
“ว่าไงคะคุณแฉล้ม”
แฉล้มอยู่ที่หน้าร้านเสริมสวยหรูหราของตัวเอง ภายในร้านสุดานั่งทำผมพลางคุยกับเพื่อนหน้าระรื่น แฉล้มรายงาน
“คุณหญิงสุดาอยู่ที่ร้านฉันค่ะ ด่าคุณให้เพื่อนฟังใหญ่เลย คุณฟังเองแล้วกัน”
สุดามองมาที่แฉล้ม รู้ดีว่าเป็นเพื่อนภาพิศ สุดาปรายตามองเหยียด
“ฉันอยากให้คุณเห็นหน้านังภาพิศตอนนั้นจริงๆ ค่ะ หน้าเหลือไม่ถึงสองเซ็นคงคิดจะยั่วให้ฉันด่า หล่อนจะได้อัดคลิป พอฉันเปลี่ยนแผนเท่านั้นล่ะ นังเมียน้อยนักอัดคลิป เซโรงังไปไม่เป็นเลย” หัวเราะเย้ย “อย่างว่า...ใช้แต่มุขเดิมๆ”
ภาพิศหน้าบึ้ง ตาวาวโรจน์ ได้ยินหมดทุกอย่าง แฉล้มถาม
“คุณจะให้ฉันทำอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เรื่องเด็กอนุบาลแค่นี้ ฉันไม่ถือหรอกค่ะ”
ภาพิศวางสาย ปากพูดไปงั้นแต่สายตาขุ่นเคือง

เวลต่อมาภาพิศเดินมานั่งที่ร้านกาแฟ ด้วยท่วงท่าสบายๆ พร้อมรอยยิ้มพราย แต่แววตาเอาเรื่อง ภาพิศคิดในใจ “ถ้าไม่มีดิฉัน ชีวิตคุณพี่คงขาดรสชาติน่าดู งั้น...มุขเดิมๆ นี่แหละค่ะจะช่วยสร้างรสชาติในชีวิตให้คุณพี่”
ภาพิศยิ้มขณะอัพไฟล์เสียงขึ้นยูทูป

คืนนั้นทุกคนนั่งทำงานอยู่ จ๋าเดินเข้ามาหน้าตายิ้มแย้มแบบอารมณ์ดีมาก
“ข่าวซุบซิบเรื่องคุณหญิงสุดากับเมียน้อยคนสนใจมาก เก่งมากมะยม”
มะยมยิ้ม กรรณนรีหน้าสลด จ๋าสั่งต่อ
“ถ้ามีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้รีบลงให้หมดเลย เข้าใจมั้ย”
มะยมกับนิครับพร้อมกัน “ค่ะ” / “ครับ”
“กาว...สัมภาษณ์คุณภาพิศมาได้หรือยัง”
กรรณนรีนิ่งอีก จ๋าทำหน้าเอือม เหนื่อยใจ
“ถ้ากาวทำไม่ได้” หันมาทางมะยม “มะยมทำแทนแล้วกัน” เดินเข้าไปข้างใน
“กาวถ้าเธอไม่อยากทำ ฉันทำเอง ฉันเกลียดพวกเมียน้อย” มะยมบอก
“ไปเกลียดเค้าทำไม? เค้าอาจจะมีเหตุผลที่เราไม่รู้ก็ได้” กรรณนรีว่า
มะยมโวยใส่ “เหตุผลของเมียน้อย จะมีอาไร้ นอกจากอยากได้ของๆ คนอื่น”
กรรณนรีเถียงอีก “เธอก็เป็นผู้หญิง ทำไมต้องด่าผู้หญิงด้วยกันด้วย ทำไมด่าไม่โทษผู้ชายเพราะเรื่องแบบนี้มันผิดกันทุกฝ่าย”
“แต่ผิดที่สุดคือพวกผู้หญิงหน้าด้าน ต่อให้ผู้ชายยื่นขนาดไหน ถ้าผู้หญิงมียางอาย ไม่เล่นด้วย มันก็จบ แต่ที่ไม่จบ เพราะเจอติ่งมนุษย์ที่เรียกว่าเมียน้อยไงล่ะ”
เพื่อนสองคนมองหน้ากัน ไม่ได้ทะเลาะ แค่ความคิด ไม่ตรงกัน นิคมอง
“จะไปทะเลาะเรื่องคนอื่นเค้าทำไม โหย...ยังหาแฟนกันไม่ได้ซักคน...ไป..ไปกินข้าว จะได้ทำงาน”
นิคสวมกอดทั้งกรรณนรีและมะยม ก่อนจะเดินออกไป

สรวงนั่งทำงานอยู่ นพรุ่นพี่เดินเข้ามา
“ยุ่งหรือเปล่าวันนี้”
“ก็นิดหน่อย มีอะไรครับพี่นพ”
นพไม่ตอบเดินมาที่คอมพ์ แล้วเปิดคลิปยูทูป เป็นคลิปเสียงตอนสุดาด่าภาพิศดังลั่นให้สรวงดู

สรวงตกใจ รำพึงออกมา พร้อมๆ กับนึกเป็นห่วงมารดา “คุณแม่”
เวลาเดียวกันคุณหญิงสุดานั่งเนื้อตัวสั่นเทา ในอาการโกรธจัด ขณะนั่งอ่านคอมเม้นท์ใน web site ดัง ที่นำคลิปเสียงของตนมาโพสต์ลง ซึ่งเป็นคอมเม้นท์ที่รุนแรงทุกถ้อยคำ
“เป็นคุณหญิงเสียเปล่า ทำตัวอย่างกับแม่ค้า มิน่า...ผัวถึงไปมีเมียน้อย”
สุขฤทัยอ่านต่อ “ทั้งแก่ ทั้งเหี่ยว แต่เมียน้อยสวยเด๊ะ เป็นผม ผมก็เลือกเมียน้อย กรั่กๆๆ”
“ตามไปหาเรื่องเค้า โดนแค่นี้ยังน้อยไป เราเป็นเมียน้อย จะยั่วให้อกแตกตายไปเลย” สมหญิงมารดาของสุขฤทัยอ่านต่อ
สุดาหายใจหอบถี่ “พวกที่ด่าฉัน ก็มีแต่พวกเมียน้อยทั้งนั้นแหละ”
“ดีไม่ดีอาจจะเป็นพวกของนังภาพิศที่ปล่อยคลิป แล้วด่าคุณหญิงก็ได้” สมหญิงว่า
สุดากรี๊ด ขว้างปาข้าวของอาละวาด “มันจะบ้ากันไปหมดแล้วรึไง ถึงได้มาด่าฉัน ไปเข้าข้างคนผิด”
“แต่หนังสือพิมพ์เล่มนี้เค้าเข้าข้างคุณน้านะคะ เค้าบอกว่า..นังภาพิศมันร้าย” สุขฤทัยบอก
สุดานิ่งคิด ก่อนจะเอ่ยออกมา “งั้นฉันจะใช้สื่อนี่แหละ เล่นงานมัน”

ไม่นานต่อมา มะยมนั่งอยู่ตรงหน้าของคุณหิงสุดา สมหญิง สุขฤทัย
“ฉันชื่อมะยมค่ะ เป็นคนเขียนคอลัมน์นี้เอง” มะยมมีท่าทียำเกรงนิดๆ
สุดายิ้ม “ขอบใจมาก...ที่เธอไม่เข้าข้างคนผิด”
“ฉันเขียนตามที่ฉันรู้ ฉันเห็นน่ะค่ะ” มะยมบอกต่อ
สุขฤทัยมองเหยียด “งั้นที่เธอรู้มาน่ะมันน้อยไป ฉันจะบอกเรื่องเลวๆ ของนังภาพิศ
ให้เธอรู้...มีอีกเยอะ ใช่มั้ยคะคุณน้าขา”
“ใช่! แต่ไม่ใช่เล่าให้ฟังเฉยๆ นะ...ฉันจะจ้างให้เธอเขียนลงคอลัมน์ด้วย เธอจะเอาเท่าไหร่ว่ามา” สุดาว่า
มะยมอึ้ง เห็นรัศมีแห่งความร้ายกาจของอีกฝ่าย จึงพยายามเลี่ยง
“หนังสือพิมพ์ของเรา ทำแค่ความเหมาะสม แต่จะไม่ยอมเป็นเครื่องมือทำร้ายใครค่ะ” มะยมว่า
สุดาโกรธ “นี่ตกลง เธอเข้าข้างเมียน้อยใช่มั้ย”
มะยมตกใจ “คุณหญิง”
สุดาสวนคำ “หรือว่าที่เธอเขียนคอลัมน์ขึ้นมา เป็นแค่จุดประเด็นให้คนมาด่าฉัน”
สุขฤทัยสอด ลากเสียงยาว “อ้อ... ใช่แน่ๆ เลยค่ะคุณน้า...ทำเป็นเขียนเข้าข้างคุณน้าแล้วปล่อยคลิปให้กระแสตีกลับไปเห็นใจนังภาพิศ”
สมหญิงผสมโรง “จริงๆ แล้ว เธอเป็นคนของภาพิศใช่มั้ย”
“ใช่! ฉันจำเธอได้ วันนั้นเธอก็อยู่ เธอปล่อยคลิปทำลายฉัน ฉันจะฟ้อง” สุดาว่า
“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้ทำ” มะยมอธิบาย
สุดาไม่สน “เธอทำ ฉันจะฟ้อง”
เสียงเอะอะโวยวายดังลั่น กรรณนรีกับนิควิ่งหน้าตาตื่นขึ้นมา
กรรณนรีตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “คุณหญิงสุดา”
สุขฤทัยจำได้ “อ้อ! เธอนี่เอง”
“อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันก็ดีแล้ว เลือกเอา เธอจะเขียนด่านังภาพิศ หรือจะให้ฉันฟ้อง”
กรรณนรีงง “ฟ้องอะไรคะ”
“ฟ้องว่าพวกเธอรับเงินจากนังภาพิศ ปล่อยคลิป ทำลายชื่อเสียงฉัน”
สีหน้ากรรณนรีทั้งเจ็บปวดและงุนงง มะยม กับนิคมองหน้าคุณหญิงสุดา เห็นรังสีร้ายกาจฉายโชน กรรณนรีเชิดหน้าบอก
“ถ้ามีหลักฐานก็เชิญคุณหญิงฟ้องได้เลยค่ะ เพราะฉันมั่นใจว่าไทยนิวส์ทุกคนไม่เคยทำอะไรที่ผิดจรรยาบรรณ แต่พวกฉันก็มีสิทธิ์ที่จะฟ้องคุณหญิงกลับได้เหมือนกัน เพราะสิ่งที่คุณหญิงกำลังทำ มันคือการหมิ่นประมาท”
สุดาของขึ้น “เธอ”
สมหญิงแว๊ดใส่ “ยัยนักข่าวสามหาว เธอรู้มั้ยว่ากำลังพูดอยู่กับใคร?”
สุขฤทัยพูดขู่ทีท่ากร่างหน่อยๆ “อยากมีเรื่องกับพวกเรา ไหวป่ะ”
“เธอรู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นใคร?” สุดาถาม
กรรณนรีตอบนิ่งๆ “คุณหญิงสุดา ภรรยาพลตรีอารักษ์ ที่กำลังดังเรื่องคลิป ถูกต้องมั้ยคะ”
“ชัดเจน! ชัดเจนว่าพวกแกเป็นคนของนังภาพิศ ถึงได้มาก้าวร้าวกับฉัน ฉันฟ้องแน่ เตรียมรับหมายศาลได้เลย ฉันจะฟ้อง ฟ้องพวกเธอทุกคน รวมทั้งนสพ.เธอด้วย” สุดาโกรธ ก้าวเดินฉับๆ ออกไปกับสมหญิง

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 2 วันที่ 4 ก.ย. 55
ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager