@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 2/2 วันที่ 5 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 2/2 วันที่ 5 ก.ย. 55

ศาลได้เลย ฉันจะฟ้อง ฟ้องพวกเธอทุกคน รวมทั้งนสพ.เธอด้วย” สุดาโกรธ ก้าวเดินฉับๆ ออกไปกับสมหญิง
สุขฤทัยจ้องหน้ากรรณนรี “ถ้าเธอฉลาด อย่ามีเรื่องกับพวกเราจะดีกว่า”
กรรณนรีกวน “อาชีพของฉันคือนักข่าว ยินดีมากค่ะที่จะมีเรื่อง”
“งั้นเธอได้เรื่องแน่” สุขฤทัยมองจ้องอย่างโกรธขึ้ง ก่อนสะบัดหน้าเดินออกไป
กรรณนรียิ้มขำ “ฉันพูดผิดตรงไหน เราเป็นนักข่าวก็มีหน้าที่ออกไปหาข่าวใช่มั้ย”

“ใช่! แถมวันนี้คนเป็นข่าว ก็ยังอุตส่าห์เอาข่าวมาให้ถึงที่” นิคว่า
“แต่จะมาตราหน้า หมิ่นประมาทถึงอาชีพ ฉันไม่ยอม”
กรรณนรีเอ่ยขึ้น พลางมองตามคุณหญิงสุดา และพรรคพวก หน้าตาขึงขังไม่ยอม!
สรวงนั่งยกมือกุมขมับ ขณะคลิกเมาส์เปิดไล่เช็คข่าวมารดาตามเว็บไซต์ชื่อดังต่างๆ คุณหญิงสุดาโดนยำเละโดยบรรดานักเลงคีย์บอร์ด



“เละ! แม่ผมเละอย่างเดียว” สรวงเครียด ดูเป็นกังวลใจหนัก
“ตอนแรกพี่ก็ไม่อยากบอกสรวง แต่คิดว่ายังไงสรวงก็ต้องรู้ เลยรีบมาบอก จะแก้ยังไงจะได้รีบแก้”
สรวงคิดหนัก “บอกตามตรง ไม่รู้จะแก้ยังไงพี่ จะให้ตามเช็ก ตามลบ ทุกเว็บก็ไม่ไหว ป่านนี้เค้าแชร์คลิปกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ผู้หญิงคนนั้นร้ายจริงๆ”
นพติงพูดให้ใจเย็น “เรายังไม่รู้เลยนะสรวง ว่าใครเป็นคนปล่อยคลิป”
“ถ้าไม่ใช่เค้าแล้วจะเป็นใคร?”
“ใครก็ได้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เพราะถ้าเป็นคุณภาพิศจริง เค้าน่าจะปล่อยตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง”

นพพูดชวนคิด
สรวงทวนคำพูดรุ่นพี่
“ใครก็ได้ที่อยู่ในเหตุการณ์?” นิ่งคิด แล้วหวนนึกถึงกรรณนรีตอนทำมือถือหล่นจนรำพึงออกมาอีก “กรรณนรี”
“กรรณนรี ใคร”
“นักข่าวจอมจุ้น” เสียงมือถือดังสรวง ชายหนุ่มกดรับ “ครับคุณพ่อ”
นายพลอารักษ์นั่งอยู่ในรถยนต์ตู้คันใหญ่ มีคนขับนั่งด้านหน้า อารักษ์บอกสรวงน้ำเสียงไม่พอใจนัก
“แกดูแม่ของแกยังไงสรวง มีคนโทรฯมาบอกพ่อว่าแม่แกไปบุก Star in trend”
“อะไรนะครับ? แม่บุกไป Star in trend”
อารักษ์กลุ้มใจมาก “หาเรื่องพ่ออยู่บ้านไม่พอ ตามไปหาเรื่องนักข่าวอีก ไม่รู้จะบ้า
ไปถึงไหน? ฉันล่ะขายขี้หน้าจริงๆ แกรีบไปตามแม่แกกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
สรวงยิ่งกลุ้มหนัก

สรวงเดินดุ่มมาที่รถพลางกดโทรศัพท์มือถือ โทร.ออก สุดานั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านหลัง โดยมีคนขับรถขับมาตามทาง
สุดารับสาย “ว่าไงลูก”
“คุณแม่อยู่ที่ไหนครับ”
สุดาแปลกใจกับคำถาม “กำลังจะกลับบ้าน”
สรวงถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้วครับ ..ผมนึกว่าแม่ยังอยู่ที่ Star in trend”
สุดายิ้มเยาะในสีหน้า “อ๋อ…มีคนรายงานลูกใช่มั้ยว่าแม่อยู่ไหน ทำอะไร ฮึ! พ่อแกคงกลัว”
ล่ะสิว่าแม่จะทำอะไรนังเมียน้อยน่ะ ถึงได้ให้คนตามติดแม่น่ะ”
“ไม่ใช่คุณพ่อหรอกครับ” สรวงพยายามเลี่ยง “มีคนโทร.บอกผมว่าคุณแม่ไปมีเรื่องกับนักข่าว”
สุดาเถียง “แม่ไม่ได้มีเรื่อง พวกมันต่างหากรวมหัวกับนังภาพิศหาเรื่องแม่ แล้วพวกมันยังขู่จะฟ้องหมิ่นประมาทแม่อีก สรวงต้องไปจัดการให้แม่ ได้ยินมั้ย? สรวงต้องไปจัดการมันให้แม่”
คุณหญิงบ้านใหญ่ของพลตรีอารักษ์วางสายด้วยกิริยาหงุดหงิด
สรวงมึนตึ้บ เหนื่อยใจเหลือทน
“เธออีกแล้ว กรรณรี”

ที่ออฟฟิศหนังสือพิมพ์สตาร์อินเทรนด์ กรรณนรี มะยม และนิคต่างหน้าหงิกใส่กัน กรรณนรีเอ่ยขึ้น
“เป็นไงมะยมเมียหลวงที่แสนดีของเธอ?”
“แล้วก็ไม่ต้องไปโทษคุณภาพิศว่ายั่วโมโหก่อนนะ ขนาดเราอยู่เฉยๆ เค้ายังมาชี้หน้าด่าได้เลย” นิคบอก
มะยมออกอาการเซ็ง “ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่าคุณหญิงสุดาจะเป็นไปได้ขนาดนี้ คิดเองเออเอง ผูกเรื่องไปเอง สรุปไปเองหมด คุณภาพิศก็คงจะโดนอย่างเราแหละ เพราะในคลิปก็มีคุณหญิงสุดาโหวกเหวกโวยวายอยู่คนเดียว”
“แล้วจะเอายังไง ยัยคุณหญิงขู่จะฟ้องถึงพี่จ๋า ถึงสำนักพิมพ์เราด้วย”
กรรณนรียักไหล่ “เราไม่ผิด กลัวอะไร?”
“กลัวสิ! เล่นกับคนบ้าอำนาจ กร่างขนาดนั้น ดีไม่ดีตอนนี้คงไปหาพรรคพวกมาขู่เรา” มะยมนึกหวั่น
เสียงมือถือของกรรณนรีดังขัดขึ้น ทุกคนเหลียวมองหน้ากันไปมา
นิคยิ้มเจื่อนๆ “เอาแล้ว”
กรรณนรีมองเบอร์มือถือไม่คุ้นเบอร์ แต่ก็กดรับ “กรรณรีค่ะ”
สรวง ยืนหน้าเครียดอยู่ในห้อง ท่ามกลางบรรยากาศโปร่งๆ โล่งในออฟฟิศ
สรวงพูดถามเสียงเข้ม “เธอทำอะไรแม่ฉัน?”
“คุณสรวง” กรรณนรีตกใจ
นิคกับมะยมมองมา อย่างตกใจเหมือนกัน

กรรณนรีเดินออกมานอกออฟฟิศ สรวงถามต่อ ประชดอยู่ในที
“ใหญ่จริงนะแม่คุณ..ถึงได้ขู่จะฟ้องคนนั้นคนนี้น่ะ”
“คนนั้นคนนี้คนไหนไม่มี เพราะตั้งแต่ฉันทำงานมา คนแรกที่ฉันคิดจะฟ้อง คือคุณหญิงสุดา” กรรณนรีบอก
“แหงล่ะ...เพราะเธอทำงานให้ภาพิศนี่...อ้อ! จะเรียกภาพิศก็คงไม่ได้ เพราะถ้าจะเรียกให้ถูก ต้องพูดว่า ทำงานให้แม่เธอ”
กรรณนรีตะลึง “คุณสรวง”
“ฉันพูดแทงใจดำล่ะสิ” น้ำเสียงสรวงเยาะเย้ยถากถาม “ไง? พ่อฉันเอาเงินไปปรนเปรอแม่เธอไม่พอรึไง? ถึงได้รวมหัวกันจะฟ้องแม่ฉันเพื่อเอาเงินน่ะ”
กรรณนรีโกรธ แต่นึกสนุกพูดยั่วออกไป “คิดตื้นๆ ได้แค่นี้เองเหรอคะ คุณสรวง....” ลากเสียงยาว “ฉันจะบอกอะไรให้ ถ้าฉันจะทำอะไร พวกคุณตามฉันไม่ทันหรอก”
สรวงโกรธ ของขึ้นเช่นกัน “เชื้อไม่ทิ้งแถว มารยา เจ้าเล่ห์เพทุบาย รู้ไว้กรรณนรี ตราบใดที่มีฉัน...แม้แต่สตางค์แดงเดียว พวกเธอก็ไม่มีทางได้”
กรรณนรีเหน็บแนม “คุณกับแม่คุณเหมือนกันไม่มีผิด คิดเอง เออเอง แล้วความคิดแต่ละอย่าง ก็มีแต่เรื่องเลวๆ....ไม่ต้องห่วงแม่คุณหรอก ห่วงตัวเองดีกว่า เพราะคนที่ฉันจะฟ้องคนต่อไป ก็คือคุณนั่นแหละ คุณสรวง!” กดวางสายทันที
“เธอ”
ทั้งกรรณนรีกับสรวง ต่างอยู่ในอาการโกรธเกลียดกันทั้งคู่

ในออฟฟิศยามนั้น พนักงานกองบบรณาธิการแต่ละฝ่ายต่างคนทำงานอย่างคร่ำเคร่ง สักครู่หนึ่งกรรณนรีเดินเข้ามาอย่างอารมณ์เสีย นิคถามทันที
“ไง? คุณสรวงเค้าโทร.มาว่าอะไรแกกาว”
“ไม่มีอะไรหรอก....ก็แค่ผู้ชายวัยทอง บ่นไปเรื่อย” กรรณนรีตัดบท ท่าทีหงุดหงิดไม่หาย
มะยมงง “คุณสรวงวัยทองที่ไหนกัน? หน้าออกจะใสกิ๊ก” ยิ้มขำ “แกสิผู้หญิงวัยทองว่าไปเรื่อย นี่ บอกมาตามตรงดีกว่า เค้าโทร.มาเรื่องแม่เค้าใช่มั้ย”
กรรณนรีนิ่งคิด นิคหันไปมองมะยมบอกทันที

“ลองนังเจ้ ทำหน้าอย่างนี้ ใช่ชัวร์”
กรรณนรีเอ่ยขึ้นอย่างมีอารมณ์

“ฉันเกลียดที่สุดคือพวกที่สำคัญตัวเองผิด บ้าอำนาจ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงได้วีนเหวี่ยงคนนั้นคนนี้ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลย ความจริงเป็นยังไง”
มะยมบอกอย่างปลงๆ “ธรรมดาของคนรวย อีกอย่าง.! ต่อให้เรื่องจริงมันเป็นยังไง เค้าก็ต้องเข้าข้างแม่เค้าอยู่ดี”
“ก็แค่คนคนหนึ่ง ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้มีความหมายอะไรกับชีวิตเราซักนิด จะไปคิดมากทำไม? ปล่อยเค้าไปเหอะ” นิคปลอบ
“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นล่ะ แค่ลมพัดผ่าน ลมปากเน่าๆ เดี๋ยวมันก็ลอยผ่านไป มะยม...เดี๋ยวฉันจะไปสัมภาษณ์คุณภาพิศเอง”
มะยมมองกรรณนรีอย่างแปลกใจ “อ้าว! ทำไมเปลี่ยนใจซะแล้วล่ะ”
“ฉันเคยปิดหูปิดตาไม่อยากรับรู้เรื่องฉาวๆ แบบนี้ แต่ต่อไป...ฉันจะไม่ปิดกั้นตัวเองอีกแล้ว อะไรจะรู้ก็ต้องรู้ อะไรจะเห็นก็ต้องเห็น ถึงมันอาจจะกระทบใครบ้าง แต่ความจริงมันก็ต้องเป็นความจริงอยู่ดี”
นิคยิ้ม หันไปพยักเพยิดกับมะยม “บ๊ะ! วันนี้นังเจ้มาแปลก?”
มะยมกับนิคมองกรรณนรีอย่างแปลกใจ

ที่ร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมหรู ในห้าง ภาพิศเดินซื้อของอยู่กับแฉล้มด้วยท่าทางสบายใจ
“ถ้าฉันเป็นคุณหญิงสุดา ป่านนี้คงชักแหงกๆ อกแตกตายไปแล้ว ฮู้ย! แต่ละคำที่ด่าในอินเตอร์เน็ต ราวกับเกลียดคุณหญิงมาแต่ชาติปางไหน?” แฉล้มว่าหน้ายิ้มเสียงระรื่น
“ต่อให้ไม่รู้จัก แต่ถ้าพูดจาหยาบคาย ถ่อย อันธพาล กร่าง ก็ทำให้คนเกลียดได้เหมือนกัน...อย่างคุณหญิงสุดา” ภาพิศบอก
“คุณกะจะใช้กระแสสังคม ฆ่าคุณหญิงให้ตายทั้งเป็นเลยเหรอ” แฉล้มถาม
“ฉันทำที่ไหน? คุณหญิงทำตัวเอง! และถ้าคุณหญิงยังไม่หยุด คุณหญิงจะไม่เหลืออะไรเลย”
จังหวะนั้น เสียงมือถือดังขึ้น ภาพิศมอง แล้วรับ ปรับลดโทนเสียงเป็นเศร้าทันที
“สวัสดีค่ะ”
เป็นกรรณนรีซึ่งโทร.มาจากออฟฟิศสำนักพิมพ์
“คุณภาพิศนะคะ....ฉันกาวค่ะนักข่าวที่เคยไปขอสัมภาษณ์คุณภาพิศที่บ้าน”
ภาพิศจำได้ ถามกลับอย่างอาทร “อ้อ! จำได้ๆ...หายป่วยแล้วเหรอจ้ะ”
กรรณนรีแสลงหู “ขอบคุณค่ะ...” เสียงเครือนิดๆ “ที่เป็นห่วง แล้วคุณภาพิศเป็นอย่างไรบ้าง? สะดวกมั้ยคะถ้าฉันจะขอสัมภาษณ์”
ภาพิศบีบเสียงเศร้าใส่ “ถ้าหนูจะถามฉันถึงเรื่องข่าวที่เกิดขึ้น ฉันไม่สะดวก”
“แล้วถ้าเป็นเรื่องอื่นล่ะคะ”
“จะเรื่องไหนๆ ตอนนี้ฉันก็ไม่อยากจะพูดทั้งนั้น ขอโทษนะ..ฉันไม่ค่อยสบาย”
ภาพิศตัดสายไปเลย กรรณนรีเรียกเสียงค้าง
“คุณภาพิศ” กรรณนรีมองมือถือในมือด้วยสายตาเป็นห่วง

ภาพิศหันไปเลือกซื้อของด้วยสีหน้ายิ้มละไมเหมือนเดิม แฉล้มได้ยินที่คุย มองงงๆ ทำหน้าเสียดาย
“นักข่าวอุตส่าห์ยื่นไมค์ให้แล้วทำไมคุณไม่ให้สัมภาษณ์โจมตียัยคุณหญิงไปเลยคะ”
“ฉันไม่อยากให้คนมองว่า ฉันกระหาย อยากจะเป็นข่าว”
“แต่คุณกำลังเป็นต่อ คุณน่าจะฉวยโอกาสนี้ ให้สัมภาษณ์ไปเลย” แฉล้มว่า
“อะไรที่มันมากไปก็ใช่ว่าจะดูดี” ภาพิศยิ้มเยื้อนมองแฉล้ม “ถ้าคิดจะเล่นกับสื่อ คุณ
ต้องใช้สื่อให้เป็น”
“งั้นก็แปลว่าคุณกำลังคิดจะใช้สื่อทำอะไรซักอย่างตามวิธีของคุณใช่มั้ยคะ”
ภาพิศยิ้มอย่างมีเลศนัย

เวลาต่อมา สรวงนั่งกุมขมับอยู่ในห้องทำงานที่ออฟฟิศ งานการไม่เป็นอันทำ เพราะมัวดูข่าวจากอินเตอร์เน็ต แล้วถอนหายใจเฮือกๆ เมื่อเห็นเป็นภาพภาพิศนอนอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาลท่าทางแย่มาก สรวงอ่านพาดหัวข่าว
“ภาพิศเครียดจัด ถูกหามเข้ารพ. วอนขอยุติเรื่องราวทั้งหมด” สรวงอารมณ์เสีย พึมพำกับตัวเองพาลใส่กรรณนรี “มารยา ต้องเป็นแผนของเธอแน่ๆ กรรณรี”

“แม่เข้าโรงพยาบาล”
กรรณนรีหน้าซีดพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อมองข่าวในเว็บจากจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า
มะยมตะโกนมา “คนที่เข้ารพ.ไม่น่าเป็นคุณภาพิศเลยน่าจะเป็นคุณหญิงสุดามากกว่า”
“เธอ....เรื่องอะไรไปแช่งเค้า” นิคว่า
มะยมตบปากตัวเอง “ไม่แช่งก็ได้....วิ่งพล่านขาดสติขนาดนั้น คุณหญิงสุดาก็คงไม่ได้อยู่ดีสุขสบายหรอก เออ...แล้วไม่ไปเยี่ยมคุณภาพิศหน่อยเหรอ เผื่อจะได้ข่าวอะไรกลับมา” มะยมถามกรรณนรี
นิคบอกท่าทีขำๆ “ดีไม่ดี...อาจจะได้ภาพเด็ด”
กรรณนรีไม่เก็ต “เด็ดอะไร”
“เก๊าะคุณหญิงสุดาอาจจะตามไปตบคุณภาพิศอยู่โรงพยาบาลก็ได้”
นิคพูดไม่ทันจบคำ กรรณนรีก็คว้ากระเป๋าเดินลิ่วออกไปทันที นิคตะโกนตามหลัง
“กาวฉันพูดเล่น” ลดเสียงเบาลง “ปูนนั้นแล้ว คุณหญิงสุดาไม่มีแรงไปตบใครหรอกมั้ง”
มะยมยกมะเหงกใส่นิค “ตะกี้ล่ะว่าฉันแช่ง ทีแกพูด ไม่แช่งเลยนะไอ้นิค”

กรรณนรีวิ่งออกมาจากด้านหน้าออฟฟิศ เจอพี่นักข่าวคนหนึ่งเดินมา
“กาว...พี่เอารถมาคืนแล้วนะ ขอบใจมาก” รุ่นพี่ยื่นกุญแจรถให้ “เอารถใหม่วิ่งไปต่างจังหวัดเนี่ย วิ่งฉิวจริงๆ” พูดจบก็เดินไป
กรรณนรีตะโกนแซว ออกแนวกัดเบาๆ “ดีขนาดนี้ไม่ซื้อต่อเลยล่ะพี่”
กรรณนรีจะเดินตรงไปที่รถ แต่ต้องชะงัก เมื่อถูกสรวงเดินเข้ามาขวาง มองมาหน้าตาดุดัน

“มาขวางอะไรฉัน? หลีกไป”
สรวงไม่หลีก กรรณนรีมองสู้สายตา สรวงมองดุ กรรณนรีจะขยับไปทางอื่น สรวงก็เดินขวางอีก และไม่ว่ากรรณนรีจะขยับไปทางไหน สรวงก็ขวางเหมือนเดิม

“เป็นบ้าอะไรของคุณ หลีกไปนะ คนกำลังรีบ” กรรณนรีด่าอย่างเหลืออด
“รีบไปบอกภาพิศที่โรงพยาบาลเหรอ ว่ามีคนรู้ทันแล้ว”
กรรณนรีมองตาสรวงชะงัก “คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ”
“แผนของเธอกับแม่เธอไงล่ะ” มองตากรรณนรีพูดเยาะ “ถ้าให้ลูกสาวสัมภาษณ์ ก็ได้
ลงแค่ฉบับเดียว แต่พอแกล้งเป็นแกล้งตายหน่อยเท่านั้น ทุกสำนักพิมพ์ วิ่งเข้าหา”
กรรณนรีฉุน “คุณจะบ้าไปถึงไหน? ปรักปรำอยู่ได้ว่าฉันเป็นลูกคุณภาพิศ”
สรวงเย้ย “ปรักปรำหรือกรรณนรี” ควักกระเป๋าเงินของกรรณนรีออกมา พร้อมหยิบรูปชูต่อ
หน้า “แล้วนี่มันอะไร? เธอตอบฉันมาสิกรรณนรี..ว่ารูปภาพิศกับใคร”
กรรณนรีจะคว้ากระเป๋าคืน สรวงเบี่ยงกระเป๋าเงินหลบ กรรณนรีจ้องหน้าสรวง
“ผู้หญิงที่อยู่ในรูปไม่ใช่คุณภาพิศ”
สรวงโมโห “ยังจะเถียงอีก...ทั้งๆ ที่สองตาเธอก็เห็นว่าเป็นรูปภาพิศ”
กรรณนรีโต้เสียงดัง “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ใช่คุณภาพิศ”
“อ้อ! ไม่ใช่ภาพิศ...แต่ชื่อนุดี...งั้นเธอกล้าปฏิเสธมั้ยล่ะ ว่าผู้หญิงในรูปนี้ไม่ใช่แม่เธอ”
กรรณนรีมองดูรูป เนื้อตัวสั่นสะท้าน ขณะที่เงยหน้ามองสรวง ดวงตาร้าวราน สรวงเดินกลับไปทันที กรรณนรีตะโกน
“ขอฉันคืนเถอะค่ะคุณสรวง”
สรวงหยุดกึก หันมาบอก เย้ย “ไม่...จนกว่าเธอจะยอมรับ ว่าภาพิศคือแม่ของเธอ อ้อ! แล้วถ้าเธอยังยืนกรานว่าเธอไม่ใช่ลูกภาพิศ...ก็อย่าเสนอหน้าไปเยี่ยมเค้าล่ะ เพราะมันไม่จำเป็น” สรวงสะบัดตัวเดินออกไปทันที
กรรณนรีมองตามอึ้ง น้ำตาคลอ คำพูดของสรวงกระทบใจทุกคำ

ตกกลางคืน กรรณนรีนอนครุ่นคิด เสียงของสรวงดังก้องในหัว
“อ้อ!ถ้าเธอยังยืนกรานว่าเธอไม่ใช่ลูกภาพิศ...ก็อย่าเสนอหน้าไปเยี่ยมเค้าล่ะ เพราะมันไม่จำเป็น”
กรรณนรีผลุดลุกขึ้นมานั่งชันเข่า ร่ำร้องในใจ
“ใช่! ในเมื่อเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้น” สะอื้นไห้ “เราก็ไม่ควรไปยุ่งกับเค้าอีก” กรรณนรีบอกตัวเอง “ทำงานแค่ตามหน้าที่เท่านั้นก็พอ..กรรณนรี”
กรรณนรีปาดน้ำตา แต่น้ำตาก็ไหลออกมาอยู่ดี

ในคืนเดียวกัน ภาพิศนอนอยู่บนเตียงในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างด้านนอก เห็นท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆดำทะมึน ฝนตั้งเค้าและกำลังจะตกอีกไม่นานนี้
ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมา ไฟในห้องดับพรึ่บ ภาพิศร้องกรี๊ด ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด
ความรู้สึกของภาพิศยามนั้น รับรู้ได้ถึงความเงียบเหงา อ้างว้าง
เพียงแค่เสี้ยววินาทีไฟก็สว่างขึ้น แต่ในความรู้สึกของภาพิศ มันช่างยาวนานเหลือเกิน และทันทีที่ไฟสว่าง ภาพิศกวาดตามองไป เห็นแต่ความว่างเปล่า ทั่วทั้งห้อง มีแต่ภาพิศนอนอยู่คนเดียว
เสียงมือถือดังขึ้นขัดจังหวะ ภาพิศกดรับสาย
“เป็นไงบ้างคุณ โอเคหรือเปล่า? คืนนี้ฉันคงไปเยี่ยมไม่ได้นะ ลูกค้าเต็มเลย” แฉล้มนั่นเองโทร.มา
“ไม่เป็นไร”
“แล้วท่านล่ะ..มารึยัง”
ภาพิศพูดเสียงแผ่ว “ยัง”
“ดี...คุณจะได้คุยกับแขกคนอื่นๆ ไปก่อน ตอนท่านมาท่านจะได้อยู่ลำพังกับคุณแค่สองคน ฉันไปดูลูกค้าก่อน แค่นี้นะ”
ภาพิศวางสาย ขณะกวาดสายตามองรอบห้อง ทั่วทั้งห้องที่ไม่มีใครเลย ก่อนบอกตัวเองเสียงแผ่ว “คุยกับใคร...ไม่เห็นจะมีใครเลย” ยิ้มหยันตัวเอง “นี่ถ้าฉันป่วยจริง...ฉันจะเป็นยังไง”
ภาพิศทอดสายตามอง รับรู้ได้ถึงความเหงา อ้างว้าง จับขั้วหัวใจ ก่อนหยิบมือถือขึ้นมาโทร.ออกพูดน้ำเสียงอ้อน “คุณพี่...รีบมาหาภานะคะ...”

สรวงเองก็นอนไม่หลับ หยิบกระเป๋าตังค์ของกรรณนรีขึ้นมา ก่อนจะดึงรูปออกมาดู คิดอยู่ในใจ
“สองแม่ลูกนี่ ร้ายกว่าที่เราคิดไว้เยอะ โดยเฉพาะเธอ.....กรรณนรีแต่ไม่ว่าพวกเธอจะมาไม้ไหน ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้พวกเธอเด็ดขาด...แม่จะไม่มีวันต้องเจ็บเพราะพวกเธออีกต่อไป”
สรวงเพ่งมองรูปเกลียดชังเหลือแสน

รุ่งเช้าสรวงหล่อเท่อยู่ในชุดสูทสุดเนี้ยบ กำลังจะออกไปทำงาน เดินลงมาจากชั้นบน เห็นสุดานั่งนิ่ง เอนร่างพิงพนักโซฟาแบบหมดแรง ตรงโถงใหญ่ ท่าทางแตกต่างจากทุกที สรวงเดินไปหาสุดาเป็นห่วง
“คุณแม่ไม่สบายเหรอครับ? ผมจะพาไปหาหมอ” ทำท่าจะกอดประคอง
สุดาโบกมือห้ามน้ำตาคลอ “แม่ไม่ได้เจ็บได้ไข้อะไรหรอก”
“แล้วทำไมคุณแม่เป็นแบบนี้?”
สุดาพูดแทรกเสียงแผ่วๆ ท่าทีเหนื่อยอ่อน “เมื่อคืนคุณพ่อไม่กลับ” ยื่นหนังสือพิมพ์ให้ “ข่าวลงว่าไปเฝ้าภาพิศทั้งคืน” สุดาน้ำตาไหล “แม่เจ็บ...เจ็บจนแม่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วสรวง” คุณหญิงบ้านใหญ่ร้องไห้ฟูมฟายไม่เหลือมาด ระบดระบาย “ทั้งๆ คนที่ถูกทำร้ายคือแม่..คนที่ถูกกระทำคือแม่ แต่คนที่คุณพ่อไปดูแลใส่ใจกลับเป็นนังภาพิศ หลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น”
“อย่าเพิ่งโทษคุณพ่อครับคุณแม่”
“ทำไมแม่จะโทษไม่ได้...ไม่ใช่เพราะคุณพ่อหรอกเหรอ ที่พามันเข้ามาทำลายชีวิตแม่ เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของแม่น่ะ”
“ที่ผ่านมาคุณพ่อก็มีส่วนผิด แต่ครั้งนี้..คุณพ่ออาจจะเป็นฝ่ายที่กำลังตกอยู่ในหลุมพรางของเค้าก็ได้” สรวงตั้งข้อสังเกต
สุดาถามเร็วปรื๋อ “สรวงหมายความว่าอะไรลูก”
“ภาพิศอาจจะไม่ได้ป่วยจริง แต่แกล้งเข้าโรงพยาบาลเพื่อเรียกร้องความสงสาร ความเห็นใจ”
สุดาตาเป็นประกายวาบขึ้นมาทันที “แม่ลืมนึกถึงข้อนี้ไปได้ยังไง?”
สรวงพูดต่อ “ผมจะสืบเรื่องนี้เอง และจะทำทุกอย่างให้คุณพ่อได้เห็นธาตุแท้ของผู้หญิงคนนั้น ถ้าคุณพ่อรู้ ผมมั่นใจว่า..ท่านไม่มีทางเลือกก้อนกรวดอย่างภาพิศแทนเพชรอย่างคุณแม่หรอกครับ”

คุณหญิงสุดายิ้มอย่างพอใจ สีหน้าดีขึ้น เริ่มมีความหวัง
กรรณนรี เดินลิ่วมาที่โรงพยาบาล ท่าทางของกรรณนรีไม่สบายใจนัก เพราะไม่อยากมา เสียงจ๋ายังดังก้องในหัว

“ถึงคุณภาพิศเค้าจะปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์ กาวก็ต้องตาม อย่างที่นิคว่า เผื่อจะเจออะไรเด็ดๆที่โรงพยาบาล”
กรรณนรีถอนหายใจ มองซ้ายแลขวา กลัวสรวงเห็น แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นสรวงเดินอยู่ข้างหน้า กรรณนรีทำหน้าแหย รีบหาที่หลบอย่างรวดเร็ว แต่จดสายตามองสรวงตลอด พร้อมถ่ายรูปเป็นระยะ
“ถ้าคุณภาพิศเป็นอะไร? นายตกเป็นผู้ต้องสงสัยแน่....นายสรวง”
กรรณนรีรีบตามสรวงไปรวดเร็ว อย่างระแวดระวังตัวแจ

สรวงเดินลิ่วไปที่หน้าห้องภาพิศ และถือวิสาสะจะเปิดประตูเข้าไปเลย แต่ต้องชะงัก เมื่อมองลอดผ่านช่องหน้ากระจกหน้าห้องแล้วเห็นอารักษ์นั่งกุมมือภาพิศที่อยู่ข้างเตียง
สรวงค่อยๆ เปิดประตูอย่างแผ่วเบา และก็ได้ยินภาพิศอ้อนอารักษ์
“ภาขอบคุณนะคะที่คุณพี่อุตส่าห์สละเวลามาดูแลภาทั้งคืน” ยกมือไหว้
นายพลอารักษ์จับมือเอาไว้อย่างนั้น “เล็กน้อย...” ลูบหน้าลูบตาทั้งเอ็นดูและห่วงใย “ภาดีขึ้นหรือยัง”
สรวงมองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด สะเทือนใจ ยินภาพิศพูดต่ออีกว่า
“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
“งั้นออกจากโรงพยาบาล เดี๋ยวพี่พาภาไปยุโรปนะ เปลี่ยนบรรยากาศ ภาจะได้สบายใจ”
“ภาไม่ไปหรอกค่ะ”
“อ้าว ทำไมล่ะจ้ะภา” ทั้งอารักษ์กับสรวงมองภาพิศอย่างแปลกใจ “งั้น..ถ้าไม่ไปยุโรป ไปไหนก็ได้ ที่ภาอยากไป”
ภาพิศน้ำตาคลอ บอกเสียงสั่น “ภาอยากจะหนีไปจากความวุ่นวายอย่างเดียวค่ะ”
อารักษ์จับมือปลอบ “ภาจ๋า..พี่ขอโทษ...พี่รับปาก พี่จะไม่ให้คุณหญิงมาระรานภาอีก”
ภาพิศพูดอย่างเจียมตน “10 กว่าปีที่ผ่านมา..ภารู้...มันเป็นไปไม่ได้ค่ะ สิ่งที่เป็นไปได้คือ ภาต้องออกมาจากชีวิตของคุณพี่”
อารักษ์ตกใจ “ภา...ไม่..พี่ไม่ให้ภาไปไหนทั้งนั้น”
“ให้ภาไปเถอะค่ะ” ปากบอกไปอย่างนั้น แต่มือคว้ามืออารักษ์มากุม เกาะเกี่ยวจับยกมาแนบ
แก้มอย่างอาวรณ์ “เพราะถ้าไม่มีภา คุณหญิงกับคุณพี่จะได้ไม่มีปัญหากัน”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 2/2 วันที่ 5 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager