@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 2/4 วันที่ 7 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 2/4 วันที่ 7 ก.ย. 55

“ตรวจสอบเรื่องนี้ด่วน อย่าให้ตกข่าว ที่สำคัญ ต้องเป็นกลาง อย่าให้มีใครว่าได้ ว่าเราเป็นฝ่ายไหนฝ่ายหนึ่ง” จ๋าสั่งการ
“มะยมตามแล้วค่ะพี่จ๋า...แต่ติดต่อใครไม่ได้ซักคน ทั้งท่านอารักษ์ คุณภาพิศ คุณหญิงสุดา”
“งั้นคุณสรวง” จ๋าว่า
“ถ้าเป็นคุณสรวง ก็ต้องเป็นกาวแล้วล่ะครับพี่” นิคโบ้ย
“เกี่ยวอะไรกับฉัน?” กรรณนรีงง

“ก็ฉันเห็นแกกับคุณสรวงโทร.คุยกันตลอด แล้วเวลาคุณสรวงโทร.มาแกก็ต้องหลบไปคุยข้างนอกทุกที”
มะยมพลอยพยัก “ใช่! หลบไปคุยส่วนตัวแบบนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องงานแล้วมั้ง ฉันว่าเธอกับคุณสรวงต้องงุงิงุงิ กุ๊งกิ๊งๆ กันแน่เลย”
นิคกะมะยม หัวเราะให้กัน กรรณนรีหน้าเจื่อน จ๋าสั่งเข้ม
“งั้นกาวไปตามขอสัมภาษณ์คุณสรวงเดี๋ยวนี้ ง้างปากคุณสรวงมาให้ได้นะกาว...ทุกเรื่อง”

จ๋าเน้นคำท้ายประโยค กรรณนรีทำหน้าหนักใจ
กรรณนรีลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจโทร.หาสรวง
“ฉันอยากจะขอสัมภาษณ์คุณสรวงค่ะ”
ที่บริษัทสถาปนิกของสรวงเวลาเดียวกันนั้น สรวงนั่งทำงานไปด้วย และถูกนพแซว
“โอ้โห! เดี๋ยวนี้น้องพี่ดังใหญ่แล้ว มีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ด้วย”
สรวงหันไปถามเลขา
“จากฉบับไหน ผมขอประวัติการทำงานของนักข่าวที่จะมาสัมภาษณ์ผมด้วย”



“อะไรนะ ขอประวัตินักข่าว”
มะยมกับนิคร้องประสานเสียงดังลั่นใส่กรรณนรีทันทีที่รู้เรื่อง
กรรณนรีพยักหน้าเซ็งๆ “ตั้งแต่ทำงานมา...ก็เพิ่งเจอคุณคนนี้แหละ”
“แล้วจะทำไง”
กรรณนรีทำหน้าสุดเซ็ง “ทำยังไง”

ที่บริษัทของสรวงเวลานั้น เลขายื่นแฟ้มเอกสารให้
“ประวัตินักข่าวที่จะมาสัมภาษณ์คุณสรวงค่ะ”
สรวงรับมาเปิดดู นพชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วย เห็นเป็นรูปกรรณนรี
“สวยซะด้วย ชื่อแปลกดี..กรรณรี” นพว่า
สรวงยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ เลขาถาม
“คุณสรวงจะให้ขออะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าคะ?”

ทางด้านกรรณนรี ถูกนิคแซวขึ้นมาอีก “หวังว่าคงไม่ขอสูติบัตร เวลาตกฟากเพิ่มนะ
ทุกคนหัวเราะ เสียงมือถือดัง กรรณนรีมองพลางบอก
“จากทางโน้น...” กดรับสาย “กรรณนรีค่ะ” นิ่งฟัง “อะไรนะคะ..จะให้ฉันไปขอคิวสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง เดี๋ยวนี้” มองสองเพื่อนหน้ายุ่ง
นิคหัวเราะ “เอาแล้ว”

เลขาบอกกรรณนรี “คุณสรวงจะคุยสายด้วยค่ะ” ยื่นโทรศัพท์ให้สรวง
“ไง? แค่นี้มีปัญหาเหรอ”
กรรณนรีฉุนขาด “คุณ”
สรวงหัวเราะหยัน “ฉันว่า..แค่นี้มันเล็กน้อยมากนะ ถ้าเทียบกับการที่เธอต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ตามมาสัมภาษณ์ สรวง อริยะวรรต”
กรรณนรีคอแข็งทันที รู้ว่าโดนย้อนเข้าให้

กรรณนรีเดินฉับๆๆ ออกมาหน้าออฟฟิศ มีมะยมกับนิค ตาม กรรณนรีพูดกับเพื่อนอย่างโมโห
“พ่อกับลูกเหมือนกันไม่มีผิด บ้าอำนาจ”
มะยมร้องเสียงหลงแบบขำๆ “เฮ้ย อย่าบอกนะว่า...คุณสรวงจะให้แกไปเป็นกิ๊กน่ะ เพราะถ้าขอ...เดี๋ยวฉันไปเอง”
“โห! มะยม เธอนี่พูดอะไรหน้าไม่อาย” นิคว่า
มะยมถาม “ว่าฉันหน้าด้าน?”
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ? ฉันเบื่อมาก ผู้หญิงสมัยนี้ชอบจิ้น ชอบเสนอตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของผู้ชาย ทั้งๆ ที่ผู้ชายเค้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย” นิคออกอาการเซ็ง
“ฉันแค่พูดเล่น” มะยมว่า
“ถ้าเล่นแล้ว เสียศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิง เล่นอย่างอื่นเหอะ” นิคบอกอีก
กรรณนรีเห็นด้วย “ใช่! เพราะที่ผู้ชายสมัยนี้ดูถูกผู้หญิงก็เพราะผู้หญิงทำตัวเอง แต่ฉันคนหนึ่ง
ล่ะจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น” พลางเชิดหน้าขึ้นอย่างทะนงตน “ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันนายจะเล่นอะไรกับฉันอีก นายสรวง!”

เย็นนั้นกรรณนรีพาตัวเองมาอยู่ที่บริษัทสถาปนิกของสรวง กำลังตรงดิ่งไปหาสรวงที่ห้อง แต่เจอกับเลขา
“ฉันกรรณนรี” กรรณนรีแนะนำตัวยื่นนามบัตรให้ “จาก สตาร์ อินเทรนด์ ที่จะมาขอคิวสัมภาษณ์คุณสรวงค่ะ”
สรวงที่หลบมุมมองอยู่ แอบยิ้มที่ได้แกล้ง เลขาบอกกรรณนรี
“คุณสรวงเพิ่งออกไปตะกี้นี้เองค่ะ” เลขาบอก
“อ้าว! ไหนบอกให้ฉันมาเดี๋ยวนี้” กรรณนรีงง
เลขาหน้าจ๋อย “สงสัยคุณสรวงมีธุระด่วน ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วคุณสรวงจะกลับเข้ามากี่โมงคะ”
“ไม่ได้แจ้งไว้ค่ะ”
“งั้นช่วยโทร.ถามได้มั้ยคะ?”
“ไม่ได้ค่ะ ไว้คุณติดต่อมาใหม่นะคะ”
“ก็ได้ค่ะ ไว้ฉันมาใหม่”
กรรณนรีเดินออกไปผ่านหน้าสรวงที่แอบอยู่ สรวงยิ้มตาวาวอย่างพอใจ

กรรณนรีเดินออกมาหน้าออฟฟิศสรวง พลางบ่น
“นัดฉันมาแล้วไม่อยู่ แกล้งกันชัดๆ”
เสียงมือถือดัง กรรณนรีรับ “คะพี่จ๋า”
จ๋าโทร.มาจากออฟฟิศ “ว่าไงกาว คุณสรวงให้คิวสัมภาษณ์วันไหน”
“ยังไม่เจอเลยค่ะพี่จ๋า...เค้าไม่อยู่” กรรณนรีเสียงอ่อย
จ๋าสั่งเข้ม “ยังไงวันนี้กาวต้องตามตัวเค้าให้ได้ เพราะวงในบอกว่า ท่านอารักษ์ขอหย่าคุณหญิงสุดา”

ที่ห้องพักในรีสอร์ตหรูแห่งนั้น นายพลอารักษ์หลบมาพัก และนั่งหน้าเครียดอยู่ ในมือกำมือถือแน่น เห็นชัดเจนว่ามีข้อความประโยคหนึ่งที่ค้างอยู่บนจอเครื่อง ถูกส่งถึงคุณหญิงสุดา
“คืนอิสระให้ผมเถอะ ผมขอใบหย่า”

แน่นอนว่าสุดาได้รับข้อความนั้น และกำลังร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจอยู่ในห้องโถงที่คฤหาสน์ พร้อมกับโทร.บอกสรวงทันที
“สรวง...ช่วยแม่ด้วย...คุณพ่อขอหย่าแม่ แม่ไม่ยอม แม่ไม่อยากเป็นม่ายผัวทิ้ง แม่อาย สรวงต้องช่วยแม่นะ”
สรวงหน้าซีดเผือดตกใจ “ใจเย็นๆ ครับคุณแม่..คุณพ่อบอกตอนไหน”
“เดี๋ยวนี้เอง...คุณพ่อ sms มาบอก”

สรวงหน้านิ่วผลุนผลันออกไป อย่างเป็นห่วงมารดา
สรวงวิ่งออกมาจากออฟฟิศ ตรงไปยังลาดจอดรถ กรรณนรีเห็นรีบวิ่งตาม

“คุณสรวง”
สรวงหยุดกึกหันมามองคนเรียก กรรณนรีวิ่งมาอย่างเร็วชนหลังสรวงจนล้มลงไป
“โอ๊ย!”
พอเห็นเป็นกรรณนรี สรวงไม่สนใจหันตัวเดินตรงดิ่งไปที่รถ กรรณนรีลุกขึ้นปรี่ไปขวางประตูรถด้วยความโมโห
“ไม่มีมารยาท จะขอโทษซักคำก็ไม่มี”
“เธอต่างหากที่ต้องขอโทษ เพราะเธอเป็นฝ่ายวิ่งมาชนฉัน”
กรรณนรีหน้าเสีย “ขอโทษก็ได้...แล้วการที่คุณนัดฉันให้มาสัมภาษณ์แล้วไม่อยู่ จะ
เรียกว่าอะไร?”
สรวงย้อน “ฉันให้คิวเธอที่ไหน? ฉันแค่บอกว่า ให้เธอมาขอคิวจากฉันเอง”
กรรณนรีอึ้ง “คุณ”
“อ้อนวอนฉันสิกรรณรี เผื่อฉันจะใจอ่อน ให้เธอได้กลืนน้ำลายตัวเอง” สรวงพูดใส่หน้า
“ถึงต้องกลืนน้ำลายตัวเอง..ก็ถือว่าคุ้ม ถ้าฉันได้สัมภาษณ์เรื่องพ่อคุณ ขอหย่าจากแม่คุณ” กรรณนรีสวนกลับ
“เพื่อที่แม่ของเธอจะได้ขึ้นมาเป็นเมียหมายเลข 1 ตามด้วยเธอที่จะตามมาเป็นเมียน้อยแม่เธอนะเหรอ?” สรวงเย้ยหยัน
“คุณ” กรรณนรีบันดาลโทสะ ตบหน้าสรวงฉาดใหญ่ “หยาบคายที่สุด”
สรวงลูบแก้มตัวเอง “ไหนๆฉันก็เป็นคนหยาบคาย งั้น...ฉันก็พูดตรงๆ เลยแล้วกัน” ยั่ว “ก่อนที่จะเป็นเมียพ่อ....มาให้ฉันเชยชมก่อนแล้วกัน”
พูดจบสรวงก็กระชากร่างกรรณนรีเข้ามาจูบ กรรณนรีตกใจ พอตั้งสติได้ ก็ตบหน้าสรวงอีกสามทีรวด
สรวงโกรธมาก “กรรณนรี”
ไม่มีประโยคใดๆ หลุดรอดออกมามาอีก สรวงกระชากลากกรรณนรีตรงไปที่รถ กรรณนรียื้อตัวร้องกรี๊ดๆ
“ปล่อยฉัน ปล่อย!”
สรวงไม่ปล่อย เปิดประตูรถแล้วผลักกรรณนรีเข้าไปในรถอย่างแรง ร่างกรรณนรีล้มหัวคะมำสรวงอาศัยจังหวะนั้น วิ่งขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
สองคนไม่รู้ว่าเวลานั้น นพยืนมองมาจากห้องทำงานด้านบน และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

ค่ำนั้นสรวงขับรถด้วยความเร็วสูง กรรณนรีนั่งข้างๆ ตะโกนโวยวายให้จอด
“จอดรถเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้จอด”
สรวงไม่จอด กลับเร่งเครื่องเร็วขึ้น กรรณนรีตกใจมองอย่างหวาดกลัว
“ไม่จอดใช่มั้ย?” กรรณนรีแย่งพวงมาลัย
รถเสียหลัก สรวงร้องลั่น “เฮ้ย! เธอ” ผลักกรรณนรีออกตะคอกใส่ “อยากตายรึไง?”
“ตายก็ยังดีกว่าต้องไปกับคุณ” กรรณนรีกรีดร้องขึ้นอีก “ฉันบอกให้จอด จอดๆๆๆ”
พร้อมกันนั้นกรรณนรีจะแย่งพวงมาลัยอีก คราวนี้สรวงเบี่ยงตัวบังพวงมาลัย แล้วเบรกกระทันหัน
กรรณนรีเสียหลักหัวทิ่มโขกกับคอนโซลอย่างแรง ร้องลั่น “โอ๊ย!” หันขวับไปมองสรวงตาวาวโรจน์โกรธจนตัวสั่น “ดีแต่รังแกผู้หญิง”
กรรณนรีหันไปจะเปิดประตู แต่สรวงคว้าตัวเอาไว้จ้องหน้า ดวงตาของสรวงก้าวร้าวและดุดัน
“เธอยังไปไหนไม่ได้”
“อย่าทำอะไรฉันนะ”
สรวงเอามือบีบคางกรรณนรีให้หันมามองหน้าตน “คิดว่าฉันจะทำอะไรเธอเหรอ? รู้เอาไว้ ฉันไม่ได้พิศวาสเธอหรอก ขยะแขยงซะด้วยซ้ำ” แล้วผลักหน้าออก
กรรณนรีมองสรวง แววตาเต็มไปด้วยหวาดกลัว และเกลียดชัง สรวงหัวเราะเยาะเย้ยอีก
“เสียใจล่ะซี้ ที่มันไม่ได้เป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้น่ะ”
กรรณนรีฉงน “แผนอะไร”
สรวงบอกด้วยน้ำเสียงเย้ย “ก็..แผนยั่วโมโห ทำให้ฉันโกรธ ฉุดมาเป็นเมีย แล้วสุดท้ายก็มาแบล็กเมลเรียกร้องสิทธิ์จากฉันน่ะ”
“หยาบคายที่สุด” กรรณนรีตบผลัวะ
สรวงลูบหน้าตัวเอง “ก็ทำให้มันเหมาะกับคนอย่างเธอนั่นแหละ รู้ไว้! ฉันไม่มีวันยอมให้คุณพ่อหย่ากับคุณแม่เด็ดขาด น้ำหน้าอย่างแม่เธอ ชาตินี้ เป็นได้แค่เมียเก็บ นางบำเรอเท่านั้น”
กรรณนรีมองสรวงอย่างเจ็บปวด เปิดประตูวิ่งลงไป สรวงมองตามจากกระจกมองหลัง เห็นกรรณนรีวิ่งออกไปไกล ตั้งท่าจะเลี้ยวรถกลับ แต่กลับเปลี่ยนใจ
“จะเป็นจะตายก็ช่าง เรื่องของเธอ กรรณรี” สรวงขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

กรรณนรีวิ่งร้องไห้หนีไป ทั้งเสียใจและเจ็บปวด ถูกดูถูกดูแคลนจนแทบไม่เหลือค่าของคน
คืนนั้นกรรณนรีวิ่งร้องไห้เข้ามาในซอยบ้าน ตะโกนก้องอยู่ในใจ

“คุณสรวง...ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดคุณ!”
เวลานั้นกาวินทร์ขับรถกลับมาบ้าน เห็นกรรณนรีร้องไห้พอดี
กาวินทร์ตกใจมาก “กาว...” รีบลงจากรถ ลงมาถาม “เป็นไรกาว”
กรรณนรีรีบเช็ดน้ำตา “เปล่า...กาวไม่ได้เป็นไร”
“แล้วร้องไห้ทำไม?” กาวินทร์กวาดตามอง พลางจับตามเนื้อตามตัวตรวจดูสภาพน้องสาวอย่างเป็นห่วง “มีใครทำอะไรกาวหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ” กรรณนรีบอกพลางปัดมือกาวินทร์วิ่งเข้าบ้านไป
จังหวะนั้นเกริกเดินออกมาสวนกับกรรณนรี เห็นตกใจ “กาว กาวเป็นไรลูก” ถามกาวินทร์ท่าทีร้อนใจ “น้องเป็นไรแก้ว”
“ไม่รู้เหมือนกันครับพ่อ กาวไม่ยอมบอก”
เกริกยิ่งตกใจ “อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องผู้ชาย”
กาวินทร์หน้าเสีย เพราะเขาเองก็ขึ้นชื่อ เรื่องทำลายผู้หญิง

ในเวลาต่อมาทันทีที่ปิดประตูห้องนอนกรรณนรีก็ร้องไห้โฮออกมา ภาพถูกสรวงจูบพร้อมกับด่าว่าอย่างหยาบคาย ผุดขึ้นมาหลอกหลอน
“น้ำหน้าอย่างแม่เธอ ชาตินี้ เป็นได้แค่เมียเก็บ นางบำเรอเท่านั้น”
กรรณนรีคับแค้นใจ ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อย่างอ่อนแรง
“ฉันเกลียดคุณ คุณสรวง ฉันเกลียดคุณ!”

เวลาเดียวกันสรวงขับรถเข้ามาจอดในบ้าน ก้าวลงมาพร้อมความรู้สึกหลายอย่างอื้ออึงอยู่ในหัว ภาพเหตุการณ์ตอนตนเองจูบกรรณนรี และพูดจาหยาบคายกับหญิงสาวผุดขึ้นมา
“ก่อนที่จะเป็นเมียพ่อ....มาให้ฉันเชยชมก่อนแล้วกัน”
“ทำให้ฉันโกรธ ฉุดมาเป็นเมีย แล้วสุดท้ายก็มาแบล็กเมลเรียกร้องสิทธิ์จากฉันน่ะ”
สรวงยกมือกุมขมับ ละอายใจนัก “ทำไปได้ไงวะสรวง?” อีกใจหนึ่งก็ค้าน “ช่าง! ยังไงเราก็
ไม่ผิด ผู้หญิงคนนั้น เหมือนแม่ แค่นั้น ไม่สึกหรอหรอก” บอกตัวเองน้ำเสียงเข้ม “คนที่เราต้องห่วงคือแม่...คิดแค่นี้พอสรวง” ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านไป

พอก้าวเข้าไปตรงโถงใหญ่ในบ้าน สรวงเห็นคุณหญิงสุดานั่งร้องไห้อย่างหมดแรง ไม่เหลือ
อีกแล้ว ภาพผู้หญิงที่เคยเอะอะวายวาย แค่ไม่กี่ชั่วโมง แม่ทรุดโทรมราวคนละคน
สุดายินเสียงฝีเท้าก็หันมามอง ดีใจนึกว่าเป็นอารักษ์ พอเห็นเป็นสรวง สีหน้าก็หมองลง
“สรวง” สุดาเรียกเสียงแผ่ว
สรวงสงสารมารดาจับใจเดินมานั่งข้าง จับมือเอาไว้ “คุณแม่อย่าเพิ่งเสียใจไปนะครับ คนเรา
ทะเลาะกัน อาจเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ”
สุดาน้ำเสียงแห้งโหย “อารมณ์ชั่ววูบยังไงสรวง..กว่าจะพิมพ์ออกมา...ต้องใช้เวลา”
สุดายื่นมือถือให้สรวง สรวงรับมาอ่านดู เห็นข้อความ
“คืนอิสระให้ผมเถอะ ผมขอใบหย่า”
สรวงพยายามปลอบ “คนที่ส่งอาจไม่ใช่คุณพ่อ แต่เป็นภาพิศ”
สุดาท้วง “ก็ไหนสรวงบอกว่าเค้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน”
“ภาพิศอาจจะไปหาคุณพ่อก็ได้...แล้วอาศัยช่วงที่คุณพ่อเผลอ ส่งข้อความมาเหมือนที่เค้าปล่อยคลิป ส่งโลงให้ตัวเอง” ชายหนุ่มจับมือแม่มากอบกุมแน่นปลุกปลอบอีก “คุณแม่ทำใจดีๆ ก่อนนะครับ ผมจะไปคุยกับคุณพ่อเอง”

บรรยากาศรอบๆ รีสอร์ต ยามเช้าแสนสดใส แสงแดดอ่อนๆ สาดแสงส่องลงมาทั่วบริเวณขับเน้นให้ที่พักสุดหรูแห่งนี้ดูสวยงามและรื่นรมย์ยิ่งขึ้น แต่ต่างกันลิบลับกับบรรยากาศแสนตึงเครียดในห้องพักของนายพลสูงวัย อารักษ์ยืนล้วงกระเป๋า หันหลังให้สรวง ขณะที่สรวงเดินเข้ามาบอกอย่างนอบน้อม
“คุณแม่เสียใจมาก ที่คุณพ่อส่งข้อความให้”
อารักษ์ยืนนิ่ง สรวงใจไม่ดี แต่ยังพูดเหมือนจะย้ำปลอบตัวเองให้เชื่อว่าผู้เป็นบิดาไม่ได้ทำ
“คุณพ่อโทร.ไปบอกคุณแม่นะครับ....ว่าคุณพ่อไม่ได้เป็นคนส่งข้อความบ้าๆ นั่นไป” น้ำเสียงแรงขึ้นเมื่อนึกถึงผู้หญิงอีกคนของผู้เป็นบิดา “คนที่ส่ง คือภาพิศ เหมือนที่เค้าปล่อยคลิป ส่งโลงให้ตัวเอง ทำเรื่องทุกอย่าง คุณพ่อโทรฯไปบอกคุณแม่นะครับ..ว่าไม่ได้ทำ”
อารักษ์บอกเสียงเรียบ “พ่อส่งเองสรวง...พ่อเป็นคนส่งข้อความไปหาแม่เอง”
สรวงทั้งเสียใจ และตกใจ “คุณพ่อ!! ทำไม”
“สรวงก็น่าจะรู้ว่าทำไม?” อารักษ์บอก
สรวงโกรธและโทษภาพิศเช่นเคย “เพราะผู้หญิงคนนั้น”
“เลิกโทษภาพิศได้แล้วสรวงภาพิศเค้าเป็นคนดีน่าสงสาร คนที่ร้ายคือแม่แก” อารักษ์ว่า
“แล้วใครเป็นคนทำให้คุณแม่ต้องร้าย ไม่ใช่คุณพ่อกับภาพิศหรอกเหรอครับ” สรวงย้อน
“สรวง” อารักษ์ขึ้นเสียง อย่างไม่พอใจ
“ผู้หญิงที่ทิ้งลูก ทิ้งผัว มาหาความร่ำรวยสุขสบาย เป็นคนดี คนน่าสงสารตรงไหนครับ? คนที่พ่อว่าดี...ไม่มีตรงไหนเทียบเท่าได้กับปลายเล็บของแม่เลย”
“ภาพิศไม่เคยด่าพ่อ ภาพิศยกย่องให้เกียรติพ่อ ดูแลเอาอกเอาใจห่วงใย แล้วเค้าก็เข้าใจพ่อทุกอย่าง แม่แกที่ว่าดี ดีแต่เรียกร้องให้ตัวเอง”
สรวงมองอารักษ์ยิ่งสะเทือนใจ อารักษ์มอง..เข้าใจสรวง สรวงมองผิดหวัง
“แม่ไม่ได้เรียกร้องเพื่อตัวเอง...แม่เรียกร้องให้ผม แม่เรียกร้องให้ครอบครัวเรากลับมาเหมือนเดิม ครอบครัว ที่ไม่มีผู้หญิงคนนั้น” สรวงเดินออกไปทันที

ภาพิศเดินเล่นรอบๆ คฤหาสน์ กวาดสายตามองรอบบริเวณ เสียงของสรวงก้องอยู่ในหัว
“ไม่ใช่เพราะทรัพย์สมบัติพวกนี้หรอกเหรอ? เธอถึงได้ทิ้งศักดิ์ศรีมาเป็นเมียน้อยพ่อฉันน่ะ”
เสียงกรรณนรีแทรกเข้ามา “คุณอาจจะทนได้...แล้วคุณเคยคิดถึงลูกคุณบ้างมั้ยคะ? ตอนนี้ลูกของคุณอาจจะเป็นอย่างที่คุณสรวงพูดก็ได้อายจนแทบจะเอาหน้าซุกดิน”
ภาพิศน้ำตาไหล รำพึงรำพัน “ลูกของฉันคงอายมาก ที่มีแม่เลวๆ คุณพูดไม่ผิดหรอกคุณสรวง”

สรวงเข้าออฟฟิศ นั่งทำงานไปอย่างไม่มีสมาธิ เครียดคิดแต่เรื่องบิดามารดา จังหวะนั้นนพเดินเข้ามาส่องดู
ก่อนจะแกล้งเอามือทำเป็นเคาะประตู “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“พี่นพ” สรวงเงยหน้าขึ้นมอง
“หน้าเครียดแต่เช้าเลย” นพทัก
“เบื่อ! มีแต่เรื่องปวดหัว”
“เรื่องเมื่อคืนเหรอ? อุ๊ปส์” นพรีบเอามืออุดปากตัวเอง
สรวงตกใจปนงง “อะไรพี่?”
นพเสียงสูงรีบปฏิเสธ “เปล้า..ไม่มีอะไร”
“พี่นพทำท่าอย่างนี้ ต้องมี! บอกมาดีกว่าพี่นพ เรื่องอะไร?”
“ก็..สรวง...กับ..น้องนักข่าว กรรณรี” นพว่า
สรวงตกใจ “พี่นพ”
นพรีบบอก “พี่ไม่ได้ตั้งใจแอบดูนะ พอดีทำงานเสร็จ ลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืนสายหน่อย มองลงไปข้างล่างเกิดเห็นก็เท่านั้น”
สรวงหน้าร้อนผ่าว นึกอายขึ้นมานพพูดต่อ
“ถ้าสรวงไม่สบายใจเรื่องกรรณรี ก็..คุยกับเค้าให้รู้เรื่องสิ...ขนาดสรวงเองยังไม่สบายใจ พี่ว่ากรรณรีก็ไม่สบายใจเหมือนกันล่ะ”
สรวงเครียด สีหน้าไม่สบายใจหนัก

สรวงยืนอยู่ด้านนอกออฟฟิศ ในมือถือนามบัตรของกรรณนรี ทำท่าจะโทร. ไม่โทร.
“ขืนโทร.ไปหาเสียฟอร์มแย่... โทร.เข้าออฟฟิศแล้วกัน” สรวงกดสายโทร.เข้าเบอร์ออฟฟิศ
เวลาเดียวกันที่ออฟฟิศ สตาร์ อินเทรนด์ ทุกคนทำงานแข่งเวลาปิดต้นฉบับกันอยู่ เสียงโทรศัพท์ที่กองบรรณาธิการโต๊ะดัง มะยมรับสาย
“สวัสดีค่ะ สตาร์ อินเทรนด์ค่ะ
สรวงเอามือบีบจมูกดัดเสียงเป็นผู้หญิง “เอ่อ..คุณกรรณรีอยู่มั้ยคะ”
“กาวยังไม่เข้ามาเลยค่ะ”
สรวงตะกุกตะกัก “แล้วคุณกาวจะเข้ามากี่โมงคะ? พอดีมีเรื่องด่วน”
“ซักครู่นะคะ” เอามือปิดหู แล้วตะโกนถาม “นิค..รู้เปล่า วันนี้กาวเข้ากี่โมง”
นิคตะโกนตอบ “ไม่รู้เหมือนกัน แต่ปกติกาวเข้าเช้าตลอด สงสัยวันนี้ไม่สบาย”
“วันนี้ไม่ทราบว่ากาวเข้ากี่โมง..จากใครคะ? ถ้ากาวเข้ามา จะได้ให้ติดต่อกลับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวป้าโทร.มาใหม่” วางสาย

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 2/4 วันที่ 7 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager