@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 3/2 วันที่ 9 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 3/2 วันที่ 9 ก.ย. 55

ภาพิศดวงตากร้าว โกรธขึ้ง อารมณ์กรุ่นๆ จะเดินเข้าข้างใน สรวงอยู่ด้านหลังปรบมือให้
“มิน่า... รู้ใจผู้ชายขนาดนี้ คุณพ่อถึงไปไหนไม่รอด”
“รวมทั้งคุณสรวงด้วยหรือเปล่าคะ? ถึงได้เทียวมาหาฉันอยู่บ่อยๆ
“อย่าพูดอะไรน่ารังเกียจภาพิศ ฉันขยะแขยง”
“งั้นก็อย่ามาสิคะ. .พ่อออกไป ลูกเข้ามา..จะให้ฉันเข้าใจว่ายังไง” เดินเข้าบ้านไป
สรวงตาม “มีความสุขมากใช่มั้ยที่ทำแบบนี้”

ภาพิศหันมามอง สรวงว่าต่อ
“แต่ที่ฉันเห็นมันไม่ใช่....ทั้งลูก ทั้งสามีเก่าเธอ รวมทั้งเธอเองไม่มีใครมีความสุข เลิกจุดไฟเผาตัวเอง รวมทั้งคนรอบข้างซักที”
“ว่าฉันจุดไฟ แล้วทำไมคุณถึงก้าวเข้ามาล่ะ? อย่ามายุ่งกับฉันดีกว่าคุณสรวง ไม่อย่างนั้นฉันจะเข้าใจว่าคุณหึงฉันนะคะ”
“ฉันไม่รู้จะพูดกับเธอยังไงจริงๆ” สรวงได้แต่โมโห มองภาพิศอย่างเข้นเขี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินกลับไป
ภาพิศมองตามด้วยแววตายิ้มเย้ย แต่กลับดูขมขื่นเหลือแสน



หัวค่ำวันนั้น ภาพิศทำกับข้าวอยู่ในครัวกับแฉล้มท่าทีผ่อนคลายสบายๆ จังหวะหนึ่งแฉล้มหัวเราะ หลังฟังเรื่องราวจบ
“โห! คุณพูดดักอย่างนั้น คุณสรวงไม่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปเลยเหรอคะ”
“ดี...จะได้ไม่มายุ่งกับฉันอีก”
“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอกค่ะ ยิ่งต่อไป คุณมีลูกกับท่านอารักษ์ คุณสรวงยิ่งต้องเข้ามายุ่ง เพราะมันหมายถึงมรดกที่จะตกถึงคุณสรวง ถูกแบ่งครึ่งทันที” แฉล้มเอื้อนเอ่ยชี้แนะ

ภาพิศผุดยิ้มร้ายตรงมุมปาก ดวงตาบ่งบอกว่าพอใจยิ่งนัก
คืนเดียวกันนั้น ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งสรวงนั่งหน้าเครียด ในขณะที่สุขฤทัยจีบปากจีบคอพูด ให้สรวงหาทางจัดการกับภาพิศ

“สรวงจะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้วนะคะ”
“หมายความว่ายังไง?”
“เราก็รีบแต่งงานกันสิคะ...แล้วก็รีบมีลูก ชิงมีก่อนนังภาพิศไปเลย คุณปู่จะได้รักหลาน หลงหลาน ยกสมบัติให้หลานแค่คนเดียว” สุขฤทัยเพ้อ
โดยไม่รู้ว่าที่โต๊ะด้านหลัง นิคกับมะยมนั่งทานข้าวกันอยู่ ถึงกับชะงัก ส่วนอีกฝั่งโต๊ะติดกัน เป็นกาวินทร์นั่งหันหลังให้โต๊ะสรวงอยู่ ยินสรวงเอ่ยขึ้นว่า
“เพ้อเจ้อ”
มะยมกะนิคแอบกลั้นหัวเราะ กาวินทร์เองก็ยิ้มเยาะ
สุขฤทัยเหวอ แต่ยังแถต่อ “เพ้อเจ้อตรงไหน? คนแต่งงานกัน ก็ต้องมีลูก มีทายาทเป็นเรื่องธรรมดา”
สรวงพูดช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ “แต่ผมไม่คิดจะแต่งงานกับคุณ”
สุขฤทัยหน้าคว่ำ “สรวง”
“ที่ผ่านมา” สรวงเน้นคำต่อมา “เราเป็นแค่เพื่อนกันนะฤทัย ผมไม่อยากให้คุณคิดอะไรอย่างนี้
หวังว่าคุณคงเข้าใจ” ลุกขึ้นเดินหนีไป
สุขฤทัยหน้าซีด มะยมกับนิคยังกลั้นหัวเราะกันอยู่ แต่กาวินทร์หัวเราะดังลั่น สุขฤทัยหันขวับไปมอง และจำได้
“แก”
กาวินทร์ยียวน แนะนำตัวเอง “ผมชื่อแก้ว”
“บอกทำไม? ฉันไม่ได้อยากรู้จัก” สุขฤทัยแว๊ด
“แต่ผมอยากให้คุณรู้จักไว้....เพราะยังไงเราต้องได้เกี่ยวพันกันแน่นอน” กาวินทร์บอก มองจ้องหน้า
สุขฤทัยเยาะเย้ย “แสดงว่ายังไม่เข็ด”
กาวินทร์หัวเราะเยาะ “หมาลอบกัด กระจอก มาอีกครั้งสิจะได้เตะปากหมา”
สุขฤทัยโกรธจันตัวสั่น “ไอ้บ้า...ฉันไปทำอะไรให้แก...อย่ามาตามหาเรื่องฉันนะ”
“ผมไม่ได้ตามหาเรื่อง แค่อยากแนะนำตัว ผม...พี่ชายของกาว กรรณรี...พี่ชายนักข่าวที่คุณด่าไงล่ะ อย่ามีเรื่องกับน้องผม” เปิดกระเป๋าตังค์หยิบเงินมาวาง แล้วเดินออกไป
สุขฤทัยหน้าเหวอไปเลย นิคกับมะยมเอาเงินวางบนโต๊ะ เดินผ่านเมียงมองขำๆ สุขฤทัยแว๊ดใส่
“มองทำไม? อยากมีเรื่องกับฉันเหรอ?”
“ไม่อยากมี แค่อยากถาม ไหวป่ะ?” นิคทำท่าล้อเลียนไปด้วย กิริยาเหมือนที่สุขฤทัยทำใส่นิค
กับมะยมที่ออฟฟิศ แล้วนิคก็เดินออกไป
“คืนเดียวมีผู้ชายเดินหนีตั้งสามคน” มะยมยั่วล้ออีกคน “ไหวป่ะคะ คุณฤทัย” วิ่งตามนิคไป
สุขฤทัยได้แต่ร้องกรี๊ดๆ

นิคเดินนำมะยมมาที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ สองคนหัวเราะ นิคเปรยขึ้น
“โลกกลมชะมัดเลย”
“เค้าถึงบอกไง ว่าอย่าเกลียดอะไร เพราะเกลียดอย่างไหน จะได้อย่างนั้น...” มะยมบอก
“งั้น...ฉันไม่เกลียดเค้าแล้วดีกว่า” นิคว่า
“ฉันก็ไม่เกลียด....เพราะฉันกลัวเจอเค้าอีก...”
“โอ้! ถ้าเจออีก ไม่ไหวแน่ๆ เลยแก”
สองคนหัวเราะกันสนุก ก่อนที่นิคจะขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ มะยมกระโดดซ้อนท้ายหมับ
นิคว่าขำๆ “มอเตอร์ไซค์นังเจ้ ขี่ดีชะมัด เดี๋ยวยึดมันซะเลย”

ภายในห้องนอน สรวงนอนไม่หลับ เอาแต่ตำหนิตัวเองเรื่องล่วงเกินกรรณนรี
“ไม่เป็นลูกผู้ชายเลยสรวงเอ๊ย...ต่อให้ฉันจะโกรธเกลียดแม่เธอแค่ไหน? ฉันก็ไม่ควรระบายอารมณ์ใส่เธอ”
สรวงกังวลจนนอนไม่หลับทั้งคืน

เช้าตรู่ สรวงขับรถมาจอดที่หน้าปากซอยบ้านกรรณนรีก่อนเดินเข้าไป
ภายในบ้านยามนั้น เกริกกอดกรรณนรีที่มีหน้าหมองเศร้า ขณะเดินออกมา บอกอย่างอ่อนโยน
“ดูแลตัวเองด้วยนะลูก ช่วงนี้กาวหมองๆไปเยอะเลย”
“พ่อก็เหมือนกันนะคะ...กาวรักพ่อค่ะ” กรรณนรีกอดและหอมพ่อ
เกริกก็กอดและหอมลูกสาว สรวงยืนมองภาพความอบอุ่น สายตาสรวงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเดินกลับออกไป

กรรณนรีเดินมาถึงที่หน้าปากซอยบ้าน หญิงสาวจะเดินต่อ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นสรวงยืนอยู่ พอกรรณนรีเลี่ยงไปอีกทาง สรวงขยับขวางทุกที่
“อย่าคิดว่าจะใช้ไม้เดิมได้นะ”
“ไม้ไหน” สรวงเน้นคำ “ตบ” ยิ้มยั่ว “จูบ”
กรรณนรีทั้งโกรธทั้งอายแต่ทำเสียงเข้มใส่ “พิศวาสฉันล่ะสิ”
สรวงตอบหน้าตาเฉย แกล้งเล่น “คงงั้นมั้ง”
กรรณนรีตกใจ คาดไม่ถึง “คุณ”
สรวงอมยิ้ม พูดยั่ว “แน่ะ! ดีใจ จนเนื้อเต้น” พร้อมกับทำท่าเอามือชี้ตามแขนกรรณนรี
“อย่ามาทำหมาหยอกไก่กับฉันนะ ฉันมันไก่เดือยแข็ง เดี๋ยวมีเจ็บ”
“ก็อยากจะรู้เหมือนกัน....ว่าจะเจ็บขนาดไหน?” เดินเข้ามาให้อย่างไม่กลัว
“คุณ” กรรณนรีตกใจถอยหลังกรูด
ระหว่างนั้นภรตขับรถมาจอด ก้าวลงมาทันที เดินมาคั่นกลาง “มีอะไรกาว”
กรรณนรีไม่ตอบ ภรตจ้องหน้าสรวงแทน ท่าทางเอาเรื่อง “มีปัญหาอะไร...คุยกับผมได้”
สรวงมองไปยังกรรณนรี “แน่ใจเหรอ? จะให้ผมคุยเรื่องของ...เรา”
“อย่านะ” กรรณนรีร้องลั่น
ทำเอาภรตตกใจ “กาว”
กรรณนรีตัดรำคาญคว้ามือภรตไว้ “ไม่ต้องสนใจคนบ้าหรอกค่ะพี่ภรต ไปกันดีกว่า”
กรรณนรีจูงมือภรตตรงไปที่รถ สรวงมองตามอย่างไม่พอใจ

ภรตขับรถอยู่ มีกรรณนรีนั่งข้างๆ แต่กรรณนรี จ้องกระจกมองหลังตลอดว่าสรวงจะตามมาหรือเปล่า
ภรตมองตามสายตากรรณนรี “กาวมีเรื่องอะไรกับเค้าเหรอ?”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วทำไม...เค้าถึงได้กล้าพูดกับกาวว่า...เรื่องของเรา”
กรรณนรีนิ่งไปไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่ถอนหายใจ ภรตถามย้ำ
“ตกลงเค้าเป็นใคร บอกพี่ได้มั้ย”
“เค้าชื่อสรวง อริยะวรรต ลูกชายของพลตรีอารักษ์ ค่ะ”
ภรตตกใจรีบจอดรถทันที หันไปถาม “เค้ามาทำไม”
“เค้าคิดว่ากาว สมคบกับแม่ ไปปอกลอกสมบัติเค้า”
“ในเมื่อกาวไม่ได้ทำ ไม่เห็นต้องแคร์” ภรตบอกเชิงปลอบ
“กาวก็ไม่ได้แคร์ค่ะ” กรรณนรีบอก
“แต่สายตากาวบอกว่าแคร์” ภรตทักท้วง
กรรณนรีซ่อนน้ำตา “กาวถูกตราหน้าตลอด ว่าลูกเมียเก็บ ลูกเมียน้อย กาวเป็นคนเลวร้าย ถึงจะบอกว่าไม่แคร์...แต่กาวเจ็บค่ะ”

ภรตทอดสายตามองกรรณนรีด้วยความเห็นใจ
กรรณนรีเดินเข้ามาในออฟฟิศ มะยมหันมาเห็นก็ถามขึ้นทันที

“กาว...พี่จ๋าฝากถาม เรื่องสัมภาษณ์คุณสรวง”
“ฉันสัมภาษณ์เค้าไม่ได้”
นิคงง “อะไร โทร. คุยกันขนาดนี้ เค้าไม่ให้สัมเหรอ” นิคใช้สัมฯ แทนคำว่าสัมภาษณ์ ภาษานักข่าว
“ฉันนี่แหละ ไม่อยากไป” กรรณนรีบอกอีก
“ทำไมล่ะกาว เดี๋ยวพี่จ๋าก็โกรธหรอก” มะยมท้วง
“ฉันเกลียดเค้า ฉันไม่อยากเห็นหน้าเค้า ต่อให้ฉันขอคุยกับเค้าดีๆ เค้าก็คงไม่คุยกับฉันอยู่ดี” กรรณนรีเดินเลี่ยงไป ด้านในเลยทันที
นิคเกาหัวแกรกๆ “คราวก่อนก็คุณภาพิศ มันเรื่องอะไรวะ กาวถึงสัมภาษณ์คนในครอบครัวนี้ไม่ได้ ปกติ กาวกัดไม่ปล่อยนี่หว่า”
“นั่นน่ะสิ...เอางี้...เดี๋ยวฉันจะขอสัมภาษณ์คุณสรวงเอง ก่อนพี่จ๋าจะมา” มะยมบอก

ที่นพ คุยงานอยู่กับสรวง เห็นภาพแปลนงานวางอยู่ตรงหน้า
“ปีนี้ไม่แน่ใจว่าน้ำจะท่วมหรือเปล่า ผมเลยออกแบบ สู้น้ำไว้เลย เผื่ออนาคตด้วย
“ดี เรื่องผนังกั้นน้ำ เดี๋ยวเราคุยกับวิศวกรอีกที”
เลขาเดินเข้ามา “คุณสรวงคะ..นักข่าวจาก สตาร์ อินเทรนด์ มาขบพบค่ะ”
สรวงหน้าตึง เหตุการณ์ตอนกรรณนรีไปกับภรตแวบเข้ามา สรวงโกรธขึ้นมาทันทีทันควัน
“บอกว่าฉันไม่ว่าง”
นพท้วงเบาๆ “เฮ้ย! มีเรื่องอะไรไปคุยกันดีกว่า...นายเป็นผู้ชาย หลบหน้าพี่ว่าไม่ดี”
สรวงเสียงเข้มพาล “ไม่ได้หลบ แต่ผมไม่อยากเจอ”
“โอเคๆ เดี๋ยวพี่ออกไปเอง”
นพเดินออกไปกับเลขา สรวงเงยหน้ามองด้วยความอยากรู้

มะยม...ยืนหันหลังอยู่ นพเดินยิ้มอย่างเป็นมิตรเข้าไปหา พลางเอ่ยทักเสียงสุภาพ
“สวัสดีครับคุณกรรณรี”
มะยมหันไปมอง เบื้องแรกที่เห็นคือรอยยิ้มของนพ พอนพเห็นว่าไม่ใช่กรรณนรี ก็หน้าเจื่อน
มะยมยิ้ม “ไม่ใช่กาวค่ะ ฉันชื่อมะยม”

ในร้านกาแฟเล็กๆ ใกล้ออฟฟิศ นพกับมะยมนั่งคุยกันตรงโต๊ะที่มุมหนึ่ง นพเอ่ยขึ้น
“ปกติ...สรวงก็เป็นคนน่ารักนะครับ แต่กับคุณกาวผมไม่รู้เหมือนกัน ทำไมสรวงถึงเหมือนตั้งแง่ตลอดเวลา”
“ยังไงรบกวนคุณนพด้วยนะคะ...เพราะถ้ากาวสัมภาษณ์คุณสรวงไม่ได้” พูด
เวอร์ๆ ให้น่าสงสารเข้าไว้ “กาวถูกไล่ออกแน่ๆ เลยค่ะ”
นพยิ้มใจดี “ยินดีครับ”
“งั้นฉันไม่รบกวนแล้วค่ะ ขอบคุณคุณนพมากนะคะ” มะยมจะเดินไปจ่ายเงิน
“คุณผู้ชายจ่ายแล้วครับ” พนักงานบอกมะยม
มะยมหันมามองนพ นพยิ้มเยื้อนมาให้อย่างอบอุ่น และเป็นมิตร
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณมะยม”
“เช่นกันค่ะคุณนพ” ยิ้ม เดินถอยหลังออกไป เป็นจังหวะเดียวกับมีลูกค้าเปิดประตูเข้ามา ชนมะยมจังๆ มะยมร้อง “โอ๊ย”
“เจ็บมั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
มะยมหน้าเสีย อายเล็กๆ รีบเดินออกไป นพมองตามยิ้มขำอย่างเอ็นดู

สรวงนั่งทำงานอยู่ พลางมองดูนาฬิกา เห็นว่าเย็นมากแล้ว
“ทำไมพี่นพ คุยกับยัยนั่นนานจัง”
สรวงเดินออกมาหน้าห้องทำงาน ถามหานพกับเลขา
“พี่นพล่ะ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”
“คุณนพบอกว่า ไม่กลับเข้ามาแล้วค่ะ” หันไปทำงานต่อ
สรวงหน้าหงิก บ่นเบาๆ “ไม่กลับเข้ามาแล้ว กรรณรีต้องพาพี่นพไปไหนต่อแน่ๆ ไวไฟเหมือนแม่ไม่มีผิด” ไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว “ฉันไม่ให้เธอทำลายครอบครัวพี่นพ เหมือนที่แม่เธอทำลายครอบครัวฉันแน่ กรรณรี”

กรรณนรีนั่งทำงาน ปิดต้นบับอยู่ที่โต๊ะในออฟฟิศ พลางหาวหวอดๆ นิคมองมาพลางเอ่ยขึ้น
“กาว..ง่วงก็กลับไปนอนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยกลับมาทำต่อก็ได้”
“ไม่ได้ พรุ่งนี้ถ้าไม่ส่งงาน ถูกพี่จ๋าด่าแน่”
นิคยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ “ฉันแอบได้ยินมาว่า พรุ่งนี้พี่จ๋ามีประชุมข้างนอก กว่าจะเข้าก็บ่ายโน่นแกกลับไปนอนก่อนเถอะ เช้าค่อยมา”
“ก็ดีเหมือนกัน” กรรณนรีเผลอหลุดปาก “ไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ช่วงนี้ฉันเห็นแกเครียดๆ ไปนะ” นิคถามอย่างเป็นห่วง
กรรณนรียิ้มเศร้า “ไม่มีอะไร”
“โอเค..ตอนนี้แกอาจจะไม่อยากพูด อยากบอกอะไร...ไว้ตอนไหน แกพร้อม...” กอดไหล่กรรณนรีแบบเพื่อน “นึกถึงฉันเป็นคนแรกแล้วกัน”
“ขอบใจมากนิค ขอบใจจริงๆ”
ระหว่างนั้นมะยมเดินเข้ามา เห็นนิคกอดกรรณนรี ก่อนที่กรรณนรีจะจับมือนิคออก แล้วเดิน
ออกไป มะยมหน้าเศร้า อย่างไม่เข้าใจตัวเอง ก่อนพูดเบาๆ เชิงปลอบใจ
“นิคกับกาว ก็แค่เพื่อนกันน่า...มะยม”

กลางดึกคืนนั้น ขณะที่กรรณนรีเดินหาวหวอดๆ และกำลังจะเข้าบ้าน จู่ๆ สรวงเดินออกมาจากมุมมืด ทักยียวน
“กลับมาซะดึกเลยนะ”
“แล้วมันเรื่องอะไรของคุณ”
“ใช่...ไม่ใช่เรื่องของฉัน...แต่ฉันจำเป็นต้อง เผือก” สรวงจงใจใช้ ‘เผือก’ แทน ‘เสือก’ ที่กำลังฮิต “เพราะเธอกำลังทำลายครอบครัวคนอื่น”
กรรณนรีงง “ฉันทำลายครอบครัวใคร?”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 3/2 วันที่ 9 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager