@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 3/4 วันที่ 11 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 3/4 วันที่ 11 ก.ย. 55

มะยมทำหน้ายั่วล้อ “จริงดิ! ฉันเห็นตอนเค้ายังไม่ให้สัมภาษณ์ แกหน้าเหี่ยวยังกับอายุแปดสิบ”
นิคผสมโรง “ทีตอนนี้หน้ายังกับสาวสิบแปดเลย”
“งั้นถ้ายังเจ๊อยากจะเป็นสาวสิบแปดทุกวัน ก็ต้องคุยกับคุณสรวงทุกวันสิ” มะยมสัพยอก
“ขืนคุยกับคุณสรวงทุกวัน ฉันคงได้ตายก่อนเหี่ยว” กรรณนรีเดินตัวปลิวออกไป

สองคนแซวพร้อมกัน “จริงเหร้อ นังเจ๊” กรรณนรีไม่ตอบ สองคนหันมาหัวเราะกันสนุก
มะยมตะโกนตามหลัง “กาว..คุณสรวงเค้านัดสัมภาษณ์เฉยๆนะแก ไม่ได้นัดเดท” หันกลับมาหานิคตั้งข้อสังเกต “นังเจ๊ทำท่ายังกับคนอินเลิฟเลยนะนิค ว่าป่ะ”
“เหรอ?” นิคหน้าสลดลง มะยมแอบมอง
ไม่นานต่อมากรรณนรีเดินมาอย่างสุขใจ ฮัมเพลงเบาๆ
“แค่เพียงได้รู้ว่าคิดถึงกัน แค่เพียงเท่านั้น ที่ฉันต้องการ” พอรู้สึกตัวนึกได้ จึงหยุดร้อง “ร้องอะไรเนี่ยกาว”
กรรณนรีเดินอมยิ้มในทีท่าขวยเขิน เหมือนคนอินเลิฟ



เวลาเดียวกัน สรวงนั่งทำงานไปยิ้มไป ยินเสียงเพลงจากเครื่องเล่นซีดีแว่วหวาน ดังคลอเบาๆ สรวงลุกเดินไปที่หน้าต่าง ทอดสายตามองดูท้องฟ้ากรุงเทพฯ ยามราตรี ช่างเป็นท้องฟ้าที่สวยงามจับมากกว่าคืนไหนๆ มองไกลออกไปเห็นท้องถนนแสนวุ่นวาย รถยนต์แน่นิ่งอยู่เต็มท้องถนน แต่สรวงกลับยิ้มอย่างมีความสุข เสียงเพลงดังถึงท่อน
“คำว่ารักที่เธอให้มาไม่ได้เป็นเพียงแค่คำหนึ่งเท่านั้น ..”

สรวงกดรีโมตปิดเครื่อง เดินยิ้มออกจากห้อง
เวลาต่อมา กรรณนรีอยู่ที่ปากซอย กำลังจะเดินเข้าบ้าน แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นรถสรวงจอดรออยู่แล้ว สรวงก้าวลงมา อมยิ้มเล็กๆ แต่พยายามเก็ก กลั้นยิ้ม กรรณนรีมองงงๆ

“อย่าบอกนะว่าคุณเปลี่ยนใจ”
สรวงวางท่ากวน “ฮื่อ”
กรรณนรีเครียด “คุณสรวง...อย่าทำตัวเป็นเด็กได้มั้ย? ฉันต้องทำงาน”
“ผมก็ต้องทำงานเหมือนกัน”
กรรณนรีโกรธ “คุณจะเอาไงว่ามา”
“ก็...ก่อนที่เราจะนัดสัมภาษณ์กันจริงๆ ผมอยากรู้คร่าวๆ ว่าคุณจะถามอะไร ผมบ้าง?” สรวงวางฟอร์ม “คุณ...จะ คุยกับผมได้หรือเปล่า”
กรรณนรีขำ ลอบอมยิ้ม

เวลาต่อมาสองคนเดินคุยกันมาตามทางริมน้ำ กรรณนรีเอ่ยขึ้น
“ก็..อย่างที่ฉันบอกคุณแหละ ฉันคงต้องถามหมด ตั้งแต่ชีวิตส่วนตัว ชีวิตทำงาน แล้วก็...” อึดอัดไม่ค่อยกล้าพูด “เรื่องครอบครัว คุณว่าไง”
“จริงๆ...ผมก็ไม่อยากพูดหรอก แต่ยังไงคุณก็ต้องถามใช่มั้ย” สรวงว่า
กรรณนรีรู้สึกลำบากใจ “ค่ะ คุณโอเครึเปล่า”
“แล้วคุณโอเค.หรือเปล่า? เพราะคำถามที่ถาม คงไม่พ้นคำตอบที่ เราสองคนต้องเจ็บเหมือนกัน” สรวงย้อนถามด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร
กรรณนรีนิ่ง สีหน้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต่างจากสรวง

สรวงเดินมาส่งกรรณนรีที่หน้าบ้าน พูดบอกกรรณนรี “ขอบใจที่มานั่งเป็นเพื่อน”
“งานของฉันเหมือนกันค่ะ”
“จริงๆ ที่ตั้งใจมาหาคุณ..ไม่ได้อยากมาคุยเรื่องคำถามหรอก เพราะยังไง คุณก็ต้องถามผมเรื่องพวกนั้นอยู่ดี” สรวงว่า
กรรณนรีงง “แล้วคุณมาทำไม”
สรวงมองนิ่ง พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผม...ผมอยากมาขอโทษ”
กรรณนรีมองสรวงคาดไม่ถึง สองคนไม่รู้ว่าที่ด้านหลัง ภรตขับรถมาจอดเห็นสรวงกับกรรณนรีมองจ้องกัน
“ผมอยากขอโทษ...ที่ผมทำไม่ดีกับคุณ”
กรรณนรีเย้า “แล้วถ้าฉันไม่ยกโทษให้ล่ะ”
“คุณจะให้ผมทำยังไง ผมก็ยอม”
“งั้นขอฉันชกหน้าคุณหนึ่งที” กรรณนรียกมือจะชก
สรวงจับมือกรรณนรีไว้ กรรณนรีทั้งตกใจทั้งเขิน สองคนประสานสายตา ต่างรู้สึกดีต่อกัน ภรตตกใจรีบลงมา
กรรณนรีเขิน เอ่ยขึ้น “ปล่อยฉันนะ”
สรวงจับมือนิ่ง “ขอโทษจริงๆ แต่วันหลังอย่าทำอย่างนี้อีก เพราะมันเสี่ยงกับการที่คุณจะถูกผม...” จังหวะที่สรวงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ เสียงภรตก็ดังขัดจังหวะขึ้น
“กาว!”
สองคนปล่อยมือจากกัน ภรตเดินมาขวางกรรณนรีเอาไว้ มองหน้าสรวง
“มีอะไร”
“เปล่าค่ะ” กรรณนรีบอก ก่อนจะหันมาพูดกับสรวง “คุณสะดวกให้คิวฉันวันไหน บอกมานะคะ”
กรรณนรีเดินเข้าบ้าน ภรตมองสรวงอย่างไม่พอใจ ก่อนเดินตามกรรณนรีเข้าบ้านไป สรวงมอง
ตามอารมณ์หวานเมื่อครู่หายไป งอนขึ้นมาอีก

สองคนอยู่ในบ้าน กรรณนรีวางถ้วยกาแฟลงตรงหน้าภรต “กาแฟค่ะ”
ภรตหน้าเครียดเคร่งแต่ไม่กล้าแสดงออกว่าโกรธ “พี่มานี่ไม่ได้อยากดื่มกาแฟ”
กรรณนรีงง “แล้วพี่ภรตมาทำไมคะ”
“บังเอิญพี่ผ่านมา แล้วเห็นกาวอยู่กับผู้ชาย ค่ำๆ มืดๆ อย่างนั้นมันอันตราย”
“คนรู้จักกัน ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” กรรณนรีบอก
“ไม่มีได้ยังไง? พี่เคยเห็นกาวอยู่กับเค้าหลายครั้งและทุกครั้งเค้าก็ล่วงเกินกาว” ภรตหลุดปาก
กรรณนรีอึ้ง นิ่งงันไป ภรตเห็นท่าทีของกรรณนรีก็เดาออก ถามเสียงเข้มปนน้อยใจ
“ตกลง...คุณสรวงกับกาว เป็นอะไรกัน”
“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ เค้าแค่เป็นคนที่กาวต้องไปสัมภาษณ์”
“แค่นั้น…”
“ค่ะแค่นั้น” แม้กรรณนรีจะยืนยันหนักแน่น แต่สายตาภรตไม่เชื่อเลย

พอกลับมาถึงบ้านภรตเอาแต่ถอนหายใจ และบอกกับหมอบุญยิ่งผู้เป็นพ่อ
“ผมไม่เชื่อหรอกครับคุณพ่อว่าคุณสรวงเค้าจะไม่คิดอะไรกับกาว”
“แค่เรื่องงานมั้ง” บุญยิ่งปลอบ
“ผมว่าไม่ใช่ ผู้ชายด้วยกันดูออก”
บุญยิ่งถามตรงๆ “แล้วถ้าเค้าคิด แกจะไปมีสิทธิ์อะไรไปห้าม”
“คุณพ่อก็รู้ผมรักกาว”
“แล้วกาวเค้ารู้มั้ย?..แกบอกแต่พ่อ แต่พ่อไม่เคยเห็นแกบอกกาว”
ภรตเสียงอ่อยๆ “ผมไม่กล้า เพราะผมรู้ดีว่า กาวจะตอบผมว่ายังไง สายตากาวบอกตลอดเวลาว่าผมคือพี่ชาย”
ภรตหน้าหมองลงอย่างน่าสงสาร บุญยิ่งมองลูกด้วยความเห็นใจ

ด้านสรวงเดินอยู่ที่สนามหญ้าหน้าตึก เดินไปวนมา นึกถึงตอนภรตมองตนอย่างหึงหวงกรรณนรี สรวงเกิดไม่พอใจขึ้นมาเฉยๆ
“ผู้ชายคนนั้นจะเป็นใครก็ช่าง ไม่ต้องไปสนใจ ...หน้าที่ของเราคือให้สัมภาษณ์เท่านั้น”

รุ่งเช้า ระหว่างรับประทานอาหาร อารักษ์ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตกใจ
“อะไรนะ ลูกจะเปิดบ้านให้สัมภาษณ์”
“ครับ คุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยนะครับ เค้าอยากได้ภาพความเป็นแฟมิลี่” สรวงว่า
อารักษ์แปลกใจ “เกิดอะไรขึ้น...เมื่อก่อนลูกไม่ชอบเรื่องแบบนี้เลยนี่”
“ในเมื่อคนเค้าสนใจครอบครัวของเรา ยิ่งปิด คนเค้าก็ยิ่งอยากรู้ และถ้ารู้ไม่จริงก็จะเอาไปพูดในทางที่เสียหาย ผมเลยตัดสินใจให้เค้าสัมภาษณ์พวกเราทั้งครอบครัวเลย” สรวงบอก
อารักษ์ท้วง “แต่พ่อว่า...”
สุดารีบแทรกขึ้น “แต่ดิฉันว่าดีนะคะ....เพราะตอนนี้ครอบครัวของเราก็อบอุ่น มีความสุข อีกอย่าง” อดเหน็บสามีไม่ได้ “จะได้ลบภาพเสียๆ ที่เคยมีซะที”

สุดา ชวนสุขหฤทัย ออกมาช้อปปิ้งในห้างหรู ที่ร้านเพชรของภาพิศตั้งอยู่นั่นเอง สองคนจับจ่ายซื้อของแบรนด์เนมกันอย่างมีความสุข
“ใครจะว่าเชยก็ช่างแต่ฤทัยขอเอามาใช้หน่อยนะคะคุณหญิงแม่ หัวเราะทีหลังดังกว่า” สุขหฤทัยหัวเราะร่วน สะใจมาก
สุดายิ้มพราย “ใช่! หัวเราะทีหลัง สะใจกว่าจริงๆ”
สุขหฤทัยชวนขึ้น “งั้นไปหัวเราะหน้าร้านมันเลยดีมั้ยคะคุณหญิงแม่? ร้านมันอยู่หัวมุมนี่เอง”
“อย่าเล้ย...แม่ไม่ชอบเหยียบซ้ำคนล้ม” ปากสุดบอกว่าไม่ แต่หน้าตาขณะที่พูดดูเป็นมารร้ายชัดๆ “กลัวเผลอไปกระทืบมัน...แม่ว่ารอให้มันเห็นบทสัมภาษณ์เองดีกว่า...มันจะได้รู้ว่าแม่กับมัน ยังไงก็คนละชั้นกัน”
“งั้น...เดี๋ยวฤทัยจะบอกนักข่าวเองค่ะคุณหญิงแม่ บอกให้ครบทุกฉบับเลย” สุขหฤทัยประจบ พลางหยิบรองเท้าคู่สวย “รองเท้าคู่นี้สวย ฤทัยหยิบเลยนะคะ”
สุดาพยักหน้าโดยไม่ได้ดู มัวแต่ยิ้ม “หยิบเลยลูก เหมาให้หมดห้างเลยก็ได้ แล้วอย่าลืม บอกนักข่าว บอกให้ครบทุกฉบับเลย”

คุณหญิงสุดายิ้มย่องอย่างสะใจ
ที่สนามกอล์ฟ ตอนกลางวัน นายพลอารักษ์ตีกอล์ฟด้วยท่าทีไม่สบายใจ จนหมอบุญยิ่งสังเกตเห็นและบอกขึ้น

“คงไม่มีอะไรมังครับ....ถ้าคำถามไหนไม่สบายใจ คุณก็ไม่ต้องตอบ”
“ผมไม่ได้ห่วงเรื่องคำถาม คำตอบ แต่ภาพครอบครัวที่เสนอออกไป ผมเป็นห่วงความรู้สึกของภาพิศ” อารักษ์ว่า
“แต่คุณตัดสินใจแล้วที่เลือกครอบครัว เพราะคำว่าครอบครัว มันควรมีแค่ พ่อแม่ลูก เท่านั้น” บุญยิ่งเตือนสติ
“ผมยังไม่ได้เลิกกับภาพิศ เพราะภาพิศเป็นผู้หญิงที่เข้าใจ รู้ใจผมทุกอย่าง” อารักษ์บอก
บุญยิ่งติง “แต่ยังไงคุณก็ต้องนึกถึงสรวง ถ้าในอนาคตสรวงแต่งงานแล้วมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน คุณคิดว่า...ครอบครัวของสรวงจะมีความสุขหรือเปล่า?”
เห็นอารักษ์นิ่ง บุญยิ่งพูดต่อ
“ก็คงจะไม่มีความสุขเหมือนกับคุณ....ที่นั่งบนกองไฟตลอดเวลา”

ภาพิศอยู่ที่ร้านเพชรมองโทรศัพท์มือถือเหมือนรอคอย มือถือไม่มีคนโทร.เข้ามา ภาพิศหยิบมาดูหน้าตากังวล ก่อนตัดสินใจโทร.ออก ปลายสายเป็นอารักษ์ซึ่งออกรอบตีกอล์ฟอยู่กับหมอบุญยิ่ง
“ว่าไงจ๊ะภา? พี่เล่นกอล์ฟอยู่”
ภาพิศดีใจ “วันนี้คุณพี่มาหาภานะคะ...ภาจะทำของอร่อยๆ ที่คุณพี่ชอบไว้ให้ทาน”
อารักษ์รับคำไปส่งๆ “จ้ะๆ”
“ภาจะรอค่ะ” ภาพิศยิ้มพรายสีหน้าระรื่น มีความสุขมาก “ดีที่เราไม่วู่วาม น้ำร้อนปลาเป็น น้ำ
เย็นปลาตายจริงๆ” นิ่งมองโทรศัพท์เหมือนในใจคิดอะไรอยู่

เสียงโทรศัพท์ที่ออฟฟิศ สตาร์ อินเทรนด์ ดัง มะยมเป็นคนรับสาย
มะยมรับสาย “สตาร์ อิน เทรนด์ ค่ะ”
“ขอสาย..น้องก้างค่ะ” ภาพิศยังอยู่ที่ร้านเพชรในห้างสรรพสินค้า โทร.หากรรณนรี
มะยมงง “อะไรนะคะ ก้าง”
กรรณนรีได้ยินเงยหน้าขึ้นมามอง
ภาพิศพูดสายหน้าระรื่น “ค่ะน้องก้าง...ที่เคยมาขอสัมภาษณ์ พี่ภาพิศไงคะ”
มะยมนึกออก ร้อง “อ๋อ.คุณภาพิศ...ที่นี่ไม่มีก้างนะคะ มีแต่…”
กรรณนรีรีบบอกทันที “ฉันเอง” กระโจนมาคว้าโทรศัพท์
มะยมมองงงๆ หันไปถามนิค “กาวมันเปลี่ยนชื่อตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
นิคส่ายหน้า กรรณนรีคุยสายกับภาพิศ สมอ้างเป็น “ก้าง” อย่างที่ภาพิศเรียก
“สวัสดีค่ะคุณภาพิศ ก้างค่ะ”
“หนูก้างเหรอ? เรายังคุยกันค้างอยู่นะ วันนี้ สองทุ่ม หนูมาหาฉันที่บ้านนะ ฉันพร้อมเปิดใจทุกเรื่อง..พร้อมกับท่านอารักษ์” ภาพิศยิ้มมีความสุข

กรรณนรีเพิ่งวางสายจากภาพิศ นิคกับมะยมนิ่วหน้า มะยมถามอย่างสงสัย พร้อมตั้งข้อสังเกต
“ฉันว่าคุณภาพิศต้องมีอะไรเด็ดๆ แน่ๆ เลย ถึงได้ให้แกไปหาที่บ้านน่ะ”
“หรือท่านอารักษ์จะหย่ากับคุณหญิงสุดาจริงๆ” นิคออกความเห็น
กรรณนรีเสียงอ่อยๆ “คงไม่ใช่หรอก...ไม่งั้นคุณสรวงจะเปิดบ้านให้พวกเราไปสัมภาษณ์พร้อมครอบครัวทำไม?”
“นั่นสิ...อืมห์! แล้วคุณภาพิศจะให้แกไปหาที่บ้านทำไม” มะยมสงสัย
“ฉันว่าต้องการโชว์พาวแข่งกันว่ะ งานนี้ใครชิงออกก่อนก็เป็นต่อ ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ท่านอารักษ์คิดอะไรอยู่ ถึงได้เปิดทั้งบ้านเล็ก บ้านใหญ่ ให้สัมภาษณ์พร้อมกัน” นิคปรารภ
“คงจะคิดว่าเท่ตาย” มะยมส่ายหน้าอารมณ์หมั่นไส้
กรรณนรีหน้าหมอง เศร้าอยู่ในใจ รำพึงเบาๆ “แม่ต้องการหยามบ้านใหญ่แน่ๆ แม่นะแม่ ไม่น่าเลย”

เวลานั้นนายพลอารักษ์ กับหมอบุญยิ่ง สองคนเดินมาที่จอดรถในสนามกอล์ฟ ขณะจะขึ้นรถบุญยิ่งหันมาถาม
“ไปไหนต่อคุณ”
“กลับบ้าน” อารักษ์บอก
บุญยิ่งหัวเราะ “แต่ยังไม่รู้บ้านไหน? ยังไงก็โชคดีนะคุณ” ขึ้นรถแล้วขับออกไป
อารักษ์ยืนนิ่ง ครุ่นคิด

ด้านภาพิศแวะมาทำผมที่ร้านแฉล้ม โดยแฉล้มลงมือทำผมให้ภาพิศด้วยตัวเอง พอเสร็จสวยสมใจแล้วแฉล้มแซวออกมา
“ให้ฉันทำผมให้ซะสวย ยังกับเป็นเดทแรกเลยนะคุณ”
ภาพิศยิ้มบางๆ “ขอนิดนึงค่ะ ถ้าไม่สวย เดี๋ยวจะมัดใจท่านไม่ได้”
“ความสวยของคุณน่ะ มัดจนท่านไปไหนไม่รอดแล้วค่ะ” แฉล้มว่า
สองคนหัวเราะกันคิกคัก สุดาเดินเข้ามาทันได้ยินการสนทนา จึงเหยียดยิ้มแบบคนถือไพ่เหนือกว่า
“ระวังจะเป็นแม่สายบัว แต่งตัวรอเก้อนะคะคุณน้อง แต่งให้สวยแค่ไหนก็ต้องไปนั่งมองตัวเองร้องไห้อยู่หน้ากระจก”
“ถ้าน้องต้องร้องไห้หน้ากระจก...คุณหญิงพี่ก็คงต้องแต่งหน้าเตรียมเก็บศพตัวเองแล้วล่ะค่ะ” ภาพิศแดกดันพร้อมกับยิ้มเย้ย
สุดายิ้มหยันกลับ “คุณหญิงพี่ก็อยากรู้เหมือนกัน งานนี้ใครกันแน่ที่จะตาย”

สุดาเดินออกมาหน้าร้านทำผม ภาพิศเดินตามออกมา สุดาหยิบมือถือกดโทร.ออก
“คุณคะ...วันนี้กลับบ้านเร็วหน่อยนะคะ...ฉันอยากให้คุณช่วยเลือกเสื้อผ้าให้ตาสรวงถ่ายลงหนังสือสัมภาษณ์หน่อยน่ะค่ะ”
สุดาปรายหางตามามองเย้ย ภาพิศเองก็มองเย้ยสุดา ต่างฝ่ายมั่นใจตัวเองทั้งคู่

เย็นนั้นภาพิศเดินเข้ามาในห้องโถง ถามน้อยทันที
“ท่านจะมาแล้วนะ อาหารเสร็จเรียบร้อยหรือยังน้อย”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” น้อยยิ้มย่อง
“งั้นจัดขึ้นโต๊ะเลย”
“ค่ะ” น้อยเดินออกไปเตรียมจัดโต๊ะ
จังหวะนั้น เม็ตตี้เดินเข้ามา มีกรรณนรีเดินตามหลังมาด้วย “คุณคะ”
“ว่าไงเม็ตตี้”
เม็ตตี้มองกรรณนรี “เค้าบอกว่าคุณนัดไว้ค่ะ”
ภาพิศมองไป เห็นเป็นกรรณนรีก็ยิ้มให้ กรรณนรียกมือไหว้
“อ้าว! น้องก้าง ตามสบาย พี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยว”

ภาพิศเดินยิ้มขึ้นห้องที่ชั้นบนไป กรรณนรีมองตาม นึกสะท้อนใจ
ด้านสรวงยังนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ สักครู่หนึ่งจึงเหลือบไปมองมือถือแล้วอมยิ้ม

“ถ้าตอนนี้ฉันโทร.หาเธอ คงไม่เสียฟอร์มใช่มั้ย กรรณรี?” แล้วสรวงก็หยิบมือถือขึ้นมา

ระหว่างนั้นกรรณนรีเดินสำรวจไปรอบๆ คฤหาสน์ของภาพิศ
“แม่มีความสุขจัง” กรรณนรีสีหน้าเศร้า “หรือแม่ตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกอยู่กับเค้า” นึกสะท้อนใจ
เสียงโทรศัพท์มือถือดัง กรรณนรีหยิบขึ้นมามอง ตกใจ
“คุณสรวง” นิ่งไปนิดก่อนรับ “ค่ะ คุณสรวง”
สรวงฟอร์ม “เตรียมคำถามที่จะสัมภาษณ์ผมครบหรือยังคุณ”
“ครบแล้วค่ะ”
“เหรอ” สรวงหน้าเสียไปนิดหนึ่ง หาเรื่องคุย “อืมห์! จะคุยอะไรกับผมเพิ่มก็ได้นะ เผื่อ
คุณจะมีประเด็นอะไรใหม่ๆ เช่น..ดนตรีที่ผมชอบ ความสามารถพิเศษ หรือ...เอางี้คุณอยู่ไหน? บอกมาแล้วกันผมจะไปหา” กรรณนรีเงียบ “ว่าไงคุณ? อยู่ที่ไหน?”
กรรณนรีลำบากใจ แต่ก็บอก “ฉันอยู่บ้านคุณภาพิศค่ะ”
สรวงลุกพรวดจากเก้าอี้ทันที “คุณไปที่นั่นทำไม”
“เค้าให้ฉันมาสัมภาษณ์”
สรวงถามรัวเร็ว เสียงห้วน “สัมภาษณ์อะไร”
“ก็ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณภาพิศ”
สรวงอึ้ง โกรธ “นี่แปลว่าคุณเล่นข่าวทั้งสองทาง? ทั้งทางผม ทั้งทางเค้า”
กรรณนรีรู้สึกผิด “ก็ฉันถูกสั่งมา”
“ไม่ต้องอ้างว่าถูกสั่ง คุณน่ะตั้งใจทำ ไม่อย่างงั้น คุณไม่สัมภาษณ์เค้า ก่อนผมหรอก”
สรวงกดวางสาย ท่าทีโกรธมาก
“คุณสรวงคะคุณสรวง” รีบกดสายโทร.กลับ สรวงมองไม่ยอมรับ
“คุณก้างคะ....คุณภาพิศเชิญให้เข้าไปข้างในค่ะ” เมตตี้เดินออกมาตาม
“ค่ะ” กรรณนรีหน้าจ๋อย

ด้านสรวงมองโทรศัพท์ที่สายหลุดไปแล้ว สีหน้าเครียด คิดในใจ
“ฉันไม่น่าไว้ใจเธอเลย ยังไงเธอก็ทำเพื่อแม่เธออยู่ดี”
ส่วนกรรณนรีเดินตามเข้าบ้านไป ในใจว้าวุ่น
“คุณไม่เข้าใจฉันเลย คุณสรวง ไม่ว่าจะเป็นใครก่อนใครหลัง ฉันก็ต้องทำเพราะมันคืองาน”

ภาพิศเดินมาหา ด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ สวยสง่ามาก กรรณนรีมองมารดาอย่างชื่มชม ภาพิศยิ้ม
“ฉันสวยมั้ยหนู”
“สวยมากค่ะ”
“ท่านชอบคนสวย หนูจะถ่ายรูปฉันเก็บไว้ก่อนก็ได้นะ”
กรรณนรีเปิดกระเป๋า ยกกล้องออกมา เปิดหน้ากล้อง เล็งมุมเตรียมจะถ่าย ภาพในคมเลนส์ภาพิศสวยงามมาก กรรณนรีเพ่งมอง แต่แล้วภาพิศกลับว่า
“รอถ่ายพร้อมท่านดีกว่า” มองไปทางประตู “เอ๊! ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่มาอีก เดี๋ยวนะหนูก้าง พี่โทรฯตามท่านก่อน” ภาพิศเดินกลับเข้าไปข้างใน สีหน้าเริ่มไม่ดี
กรรณนรีมองเห็นใจ เริ่มรู้สึกเป็นห่วงภาพิศ

เสียงมือถือของอารักษ์ดัง สุดากวาดสายตามองหา อารักษ์ไม่อยู่ รีบเดินมารับ
สุดายิ้มหยัน “ไม่เชื่อหรือคะคุณน้องเมียน้อย ว่าคืนนี้ท่านอยู่กับคุณหญิงพี่?”
ภาพิศหน้าซีดแต่ฝืนยิ้ม “เชื่อค่ะ เพราะน้องเป็นคนบอกท่านเอง ว่าให้กลับไปหาคุณพี่เพราะน้องกลัวคุณพี่จะกลายเป็นศพแล้วไม่มีคนเก็บ”
สุดาหน้าตึง แต่ยิ้ม “ใจดีอย่างนี้ แล้วอย่าไปร้องไห้หน้ากระจกนะคะ เพราะต่อไปท่านคงไม่กลับไปหาคุณน้องอีก เพราะคุณหญิงพี่ จัดสาวน้อยสาวใหญ่ไว้คอยดูแลท่าน ร้อยเล่มเกวียนของคุณน้อง...สู้ร้อยเล่มเกวียนของคุณพี่ไม่ได้หรอกค่ะ”
คุณหญิงสุดาวางสายแล้วยิ้มพอใจ ภาพิศกำมือถือแน่นจนมือสั่นระริก สีหน้าโกรธมาก

ภาพิศโกรธจนตัวสั่น แต่ข่มอารมณ์ฝืนยิ้มขณะเดินออกมา แต่ยังเห็นได้ชัดว่าเป็นยิ้มที่แห้งแล้งเหลือ
“น้องก้างคะ....วันนี้ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์แล้วค่ะ”
กรรณนรีงงระคนตกใจ “ทำไมคะ”
“พี่ไม่ค่อยสบายนะค่ะ”
กรรณนรีนึกห่วง “คุณภาพิศเป็นอะไรคะ? แล้วท่านใกล้มาถึงรึยัง”
ภาพิศถูกจี้ใจดำก็เหวี่ยงขึ้นมาทันควัน “เอ๊! เธอนี่ จะใกล้มาถึงหรือว่าไม่ เธอเกี่ยวอะไรด้วย ก็ฉันบอกแล้วว่าไม่สบาย ไม่ให้สัมภาษณ์”
“ฉันแค่เป็นห่วง...ถ้าท่านมาถึงคุณจะได้มีคนดูแล แต่ถ้าไม่ ฉันจะได้อยู่เป็นเพื่อนแต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคุณไม่ต้องการ ขอโทษค่ะ งั้นฉันกลับก่อน”
กรรณนรียกมือไหว้เดินออกมา ภาพิศมองตามรู้สึกผิดนิดๆ ก่อนจะกลับไปอยู่ในอารมณ์เดิมโกรธอย่างเก่า

กรรณนรีเดินหน้ามุ่ยกลับมาเข้าออฟฟิศ มะยมกับนิคที่วุ่นกับการทำงานเงยหน้าขึ้นมา
“ทำไมกลับเร็วนักล่ะนังเจ๊” นิคถาม
“คุณภาพิศ ไม่สบาย เลยไม่ให้สัมภาษณ์”
“เป็นอะไรล่ะ? เอ๊ะ!หรือคุณภาพิศจะท้อง” มะยมว่า
“เฮ้ย! อยู่มาตั้งนาน ไม่ท้อง แล้วตอนนี้จะท้องได้ยังไง” นิคท้วง
“ตั้งใจมีลูกเพื่อแย่งสมบัติจากคุณสรวง” มะยมบอก กรรณนรีหันขวับมามองหน้า มะยมลด
เสียงลง “ฉันได้ยินวงในเค้าเมาท์กัน”
“โอ!แผนของคุณภาพิศขั้นเทพจริงๆ ที่ให้นังเจ๊ไปสัมภาษณ์ต้องเป็นแผนแน่ๆ” นิคเห็นด้วย
“หัดคิดบวกซะบ้าง ถ้าเป็นแผน เค้าต้องให้ฉันสัมภาษณ์สิ โดยเฉพาะข่าวเรื่องท้อง” กรรณนรีพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น “น่ายินดีจะตาย”
“มันก็จริง...แต่ก็ดี คุณภาพิศไม่ให้สัมภาษณ์น่ะดีแล้ว ไม่งั้นคุณสรวงต้องเข้าใจว่า แกเล่นข่าวทั้งสองฝั่งแน่เลย”
กรรณนรีฟังเพื่อนว่าด้วยมีสีหน้าไม่สบายใจ
กรรณนรี เดินอยู่ในมุมหนึ่งตรงระเบียงของออฟฟิศ แหงนหน้ามองมองฟ้าโปร่งใส ด้วยท่าทางไม่สบายใจ เสียงของสรวงดังก้อง
“นี่แปลว่าคุณเล่นข่าวทั้งสองทาง ทั้งทางผม ทั้งทางเค้า”
กรรณนรีเหนื่อยใจ “มันไม่ใช่ ...ไม่ว่าฝั่งไหน จุดที่ฉันยืนอยู่มันก็เจ็บปวดทั้งนั้น”
ขณะนึก กรรณนรีมองมือถือ ทำท่าเหมือนจะโทร.ออก แต่ที่สุดก็ไม่โทร. ตัดสินใจเดินออกไป

กรรณนรพาตัวเองมาอยู่ที่หน้าออฟฟิศบริษัทสถาปนิกของสรวง ทำท่าจะเข้าไป แต่ลังเล
“ถ้าเข้าไปถูกด่าแน่ๆ เลยกาว” ทำท่าจะกดมือถือ แต่ก็ไม่โทร. “มาถึงตรงนี้แล้วจะโทร.
ทำไม เข้าไปเลยดีกว่า” พอจะเข้าไปก็เกิดลังเล “แต่เค้าเป็นผู้ชายปากจัด...ดีไม่ดี” กรรณนรียกมือลูบปากตัวเอง
จังหวะนั้นสรวงเดินออกมาพอดี และเห็นกรรณนรี “เธอ”
กรรณนรีสะดุ้งโหยง “คุณสรวง”
สรวงถามเสียงห้วน “มาทำไม”
“มาอธิบาย...สิ่งที่คุณกำลังเข้าใจผิด”
สรวงกวน “ผมน่ะเหรอ เข้าใจผิด”
“ค่ะ...แต่ถ้าคุณไม่ฟัง ฉันจะกลับ” กรรณนรีฉุน หันหลังจะเดินกลับ
สรวงตกใจ หน้าเหวอ รีบเรียกไว้ “เดี๋ยว กรรณนรี”
พอกรรณนรีหันมา สรวงทำเป็นไม่แคร์ และไม่ยอมมองหน้ากรรณนรีขณะพูดบอก
“ฟังก็ได้ อยากรู้เหมือนกันเธอจะแก้ตัวยังไง”

สรวงเดินนำเข้าไปด้านในออฟฟิศแอบยิ้ม กรรณนรีหน้างอ ส่ายหน้าระอาใจ ขณะเดินตาม
ไม่นานต่อมา สองคนอยู่ภายในห้องทำงานด้วยกัน สรวงเดินมายื่นแก้วกาแฟให้กรรณนรี

“กาแฟ”
“ฉันไม่ดื่มค่ะ...” สรวงนิ่วหน้ามองอย่างสงสัย กรรณนรีอมยิ้มพลางพูดแดกดัน “แค่คุณด่าฉันก็ตาค้างแล้ว”
สรวงอมยิ้มอย่างพอใจ ถามเสียงนุ่ม “ไหน...จะพูดอะไรพูดมา”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะสัมภาษณ์สองฝั่งไว้บลัฟกันนะคะ มันเป็นความบังเอิญ เพราะทีแรกไม่ใครให้ฉันสัมภาษณ์เลย แต่พอคุณจะให้สัมภาษณ์ คุณภาพิศก็ติดต่อเข้ามา”
“ภาพิศเป็นฝ่ายติดต่อเข้ามา” สรวงนึกฉงน
“ค่ะ” กรรณนรีว่า
“แล้วเค้าให้สัมภาษณ์อะไรบ้าง”
“ไม่ได้ให้ค่ะ...” สรวงมองด้วยสีหน้าสงสัย กรรณนรีบอก “คุณภาพิศไม่สบาย”
สรวงพูดเสียงหยัน “ไม่สบาย?” บ่นพึมพำออกมาเบาๆ “ยังไงก็น่าจะให้สัมภาษณ์ได้...นอกซะจาก...” สีหน้าคาใจ นึกสงสัย “เค้ามีเรื่องอะไร”
“ฉันไม่ทราบค่ะ ฉันไม่ใช่คุณภาพิศ”
สรวงเคือง ลากเสียงยาวประชด “รู้..... ว่าไม่ใช่ภาพิศ แต่เป็นลูก”
กรรณนรีชักฉุน “ถ้าคุณไม่สบายใจ จะเปลี่ยนใจไม่ให้สัมภาษณ์ก็ได้ค่ะ”
สรวงบอกน้ำเสียงเข้ม “ผมไม่เปลี่ยนใจ แต่ผมอยากรู้” จ้องหน้ากรรณนรี “จู่ๆ ทำไมภาพิศถึงเปลี่ยนใจ?”
กรรณนรีนิ่งไม่ตอบ

ภาพิศนั่งเจ่าจุกมองกระจกร้องไห้อยู่ในห้อง เสียงของสุดา ดังก้องในหัว
“ใจดีอย่างนี้ แล้วอย่าไปร้องไห้หน้ากระจกนะคะ เพราะต่อไปท่านคงไม่กลับไปหาคุณน้องอีก”
ภาพิศสะบัดหน้าออกจากกระจก มองไปทางอื่น คิดในใจ
“ไม่จริง อย่าไปเชื่อ คุณหญิงสุดาแค่ต้องการปั่นหัวเรา คนแบบนั้นเหรอ จะกล้าหาผู้หญิงให้สามี” มองมือถือ ไม่มีสายจากอารักษ์เข้ามา “คุณพี่ไม่โทร.มา...อย่าโวยวายภาพิศ ไม่มีอะไร...มันต้องไม่มีอะไร” ภาพิศยกมือปาดน้ำตาแววตากร้าว

สายวันต่อมา ภาพิศกับแฉล้มนั่งดื่มกาแฟกันอยู่ที่ร้านกาแฟในห้าง
“คุณกับท่านอยู่กันมาตั้งสิบกว่าปี จะคิดมากไปทำไม ไม่มีอะไรหรอก” แฉล้มว่า
ภาพิศหน้าเคร่ง “แต่ครั้งนี้ท่านแปลกไปจริงๆ”
แฉล้มอวยพลางปลอบ “เสน่ห์คุณล้นเหลือ ยังไง ฉันก็มั่นใจว่า ท่านไม่มีวันทิ้งคุณแน่นอน”
“ข้อนี้ฉันก็มั่นใจ”
“แล้วคุณกลุ้มอะไร”
“ไม่ได้กลุ้ม แค่กลัว....กลัวว่าท่านจะกลับไปคืนดีกับคุณหญิงสุดา” ภาพิศพูดอย่างใจคิด
“แก้วที่มันแตกมันร้าว ทำยังไงก็ไม่เหมือนเดิม” แฉล้มคว้าหนังสือพิมพ์มาอ่าน
ภาพิศมองแฉล้ม เห็นท่าทางแฉล้มแปลกๆ ก็เอะใจ “มีอะไรคุณ”
“คอลัมน์ คุณหญิงระย้าจ้ะจ๋า บอกว่า...ท่านอารักษ์จูบปากกับภรรยาแล้วพร้อมเปิดบ้านให้ชม”
ใบหน้าภาพิศซีดเผือด

สรวงนั่งทำงานอยู่ สุขหฤทัยโวยวายลั่นพอรู้ว่าสรวงจะให้สัมภาษณ์สตาร์ อินเทรนด์
“ถ้าเป็นคนอื่น ฤทัยจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่เป็นพวกสตาร์อินเทรนด์”
สรวงย้อนถาม “สตาร์อินเทรนด์แล้วไง”
“แล้วไง? สรวงจำไม่ได้เหรอคะ? วันแรกที่คุณกลับมา นังนักข่าวจากสตาร์ อินเทรนด์ มันก็ตามไล่ล่าถ่ายรูปคุณ หลังจากนั้นมันก็เข้าข้างนังภาพิศ เขียนข่าวทำร้ายแม่คุณ แล้วตอนนี้มันก็ตามไล่จี้คุณ...ฮึ! ก็คงจะตามขุดตามคุ้ยเรื่องในบ้าน” สุขหฤทัยบอก
“ในเมื่อผมให้เค้าสัมภาษณ์แล้ว เค้าจะถามอะไร ก็คงต้องยอม”
“แต่ปกติสรวงไม่ชอบให้ใครมาถามเรื่องในบ้าน” สุขหฤทัยงง
“ถ้ามันปิดไม่ได้ ถึงเวลาก็คงต้องเปิด”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 3/4 วันที่ 11 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager