@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 4 วันที่ 20 ก.ย. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 4 วันที่ 20 ก.ย. 55

“ช่างเค้าบอกว่าน่าจะสองสามวันถึงจะเรียบร้อยน่ะครับ เพราะอะไหล่รุ่นนี้มันหายากต้องใช้เวลานานหน่อย”
“รสเข้าใจค่ะ พี่เปลี่ยน”

“ถ้าช่วงนี้คุณรสจะต้องไปไหนมาไหนให้เจ้าเปลี่ยนมันขับรถไปให้ก็ได้นะคะ ป้าจะเรียนคุณหนูให้ รถของที่นี่มีตั้งหลายคัน คุณหนูท่านอนุญาตอยู่แล้ว”

“ขอบคุณป้าใจที่เป็นห่วงนะคะ แต่รสใช้บริการรถประจำทางหรือไม่แท็กซี่ก็ได้ค่ะ ไม่ได้ลำบากอะไร...ขอบคุณพี่เปลี่ยนด้วยนะคะ ที่เป็นธุระลากเจ้ากระป๋องไปซ่อม”

“ด้วยความยินดีครับ”

“รสขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” รสาหันมาหอบ กระเป๋า เปลี่ยนจะเข้ามาช่วย แต่เธอรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ “ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ได้หนัก รสถือไปเองค่ะ ขอบคุณค่ะ”



รสาหอบของพะรุงพะรังไปเต็มสองมือ เปลี่ยนกับสายใจมองตามด้วยความชื่นชม

“คุณรสาแกขี้เกรงใจจริงๆนะป้า ไอ้โน่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา ไม่เหมือนพวกผู้หญิงที่วิ่งไล่จับคุณท่าน

ไอ้โน่นก็จะเอา ไอ้นี่ก็จะเอา เฮ้อ...บางทีผมเห็นมากรี๊ดๆ ที่บ้าน ผมยังเหนื่อยแทนเลย”

สายใจไม่พูดอะไร แต่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเปลี่ยน... ส่วนในบ้านหลังใหญ่ ภคพงษ์ทราบเรื่องรถของรสาอย่างละเอียดจากปุยนุ่นแล้ว เขามีความคิดบางอย่างก่อนจะมุ่งหน้าไปเรือนเล็ก และเผอิญได้ยินรสาคุยโทรศัพท์กับใครบางคนด้วยความสนิทสนม

ห้าวโทร.มาปรึกษาเรื่องพิมพรรณ บอกเล่าว่าเมื่อเช้า มีเพื่อนมารับเธอที่บ้าน ซึ่งตนแน่ใจว่าต้องเป็นผู้ชาย

“ถ้าเป็นผู้ชายแล้วมันเป็นยังไงเหรอ ทำไมพี่ห้าวถึงได้ห่วง”

“ไม่รู้เหมือนกัน บอกไม่ถูก มันเป็นแบบความรู้สึกน่ะ อธิบายไม่ได้ รู้แค่ว่ามันมีอะไรบางอย่างไม่น่าวางใจ”

“พี่ห้าวคิดมากไปเองหรือเปล่า รสว่าไม่มีอะไรหรอกจ้ะ เอาอย่างนี้แล้วกัน เย็นนี้เลิกงานแล้วรสจะรีบกลับระยองเลย อาจจะดึกนิดหน่อย พอดีไอ้กระป๋องของรสมันงอแง ตอนนี้ลากเข้าอู่ไปแล้ว รสต้องไปกลับรถตู้ พอไปถึงรสจะรีบคุยกับพิมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“จริงๆนะ รสรีบกลับมาเลยนะ...คือพี่เป็นห่วงพิมน่ะ อยากให้รสรีบมาคุยกับพิม”

“จ้ะ รสเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้ามาเรียบร้อย เลิกงานปุ๊บจะรีบไปหาจ้ะ พี่ห้าวก็อย่าเพิ่งคิดมาก มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ รสไปทำงานต่อก่อนนะ คืนนี้เจอกันจ้ะ”

“จ้ะ...เจอกัน” ห้าววางสายด้วยสีหน้าแช่มชื่น...ฝ่ายรสาหันกลับมาทำงานต่อโดยไม่รู้เลยว่าบทสนทนาเมื่อครู่ของตนกับพี่ห้าวมีคนแอบฟังด้วยความสนใจ

รสาขะมักเขม้นกับงานเต็มที่ ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเรือนเล็กค่อยๆมีชีวิตชีวามากขึ้น ผนังและหน้าต่างเก่าๆเริ่มมีสี เพดานโล่งๆติดไฟสวยงาม ครั้นได้เวลาห้าโมงเย็นเลิกงาน บรรดาช่างต่างทยอยกันเก็บของกลับบ้าน รสาเองก็เตรียมตัวเพราะเย็นนี้ต้องเดินทางไกล แต่เมื่อเธอจะไปหยิบกระเป๋าเดินทางที่วางไว้ตั้งแต่เช้า และเมื่อสามสี่โมงเย็นก็ยังเห็นอยู่ มันกลับหายไปไหนไม่รู้ ถามช่างว่ามีใครหยิบผิดไปบ้างหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้เห็น

ที่แท้เปลี่ยนกับปุยนุ่นไปขนมาไว้ในรถตู้ตามคำสั่งของภคพงษ์ แถมเปลี่ยนยังรายงานรสาด้วยว่าคุณท่านกำชับให้ตนไปส่งให้ถึงที่ ห้ามส่งแค่หน้าปากซอยหรือท่ารถ รสาแปลกใจภคพงษ์รู้ได้อย่างไรว่าตนจะไปต่างจังหวัด แต่ถึงยังไงเธอก็เกรงใจและลำบากใจถ้าต้องให้เปลี่ยนไปส่ง

ทันใดนั้น ภคพงษ์ปรากฏตัวย้ำกับรสาว่าตนอนุญาตแล้วไม่ต้องลำบากใจ ให้ปลี่ยนไปส่งจะได้ไม่ต้องนั่งรถ ประจำทาง

“ขอบคุณนะคะ แต่ดิฉันขอนั่งรถประจำทางไปดีกว่าค่ะ”

“เปลี่ยน ปุยนุ่น ยกกระเป๋าคุณรสาลงจากรถ...แล้วยกไปไว้ที่รถฉัน ฉันขับรถไปส่งคุณรสาเอง”

รสาหน้าเหวอ ส่วนปุยนุ่นกับเปลี่ยนปฏิบัติตามคำสั่งเจ้านายอย่างว่องไว พอรสาจะทักท้วง ภคพงษ์ก็ชิงพูดเสียก่อนว่า “คุณรีบไปไม่ใช่เหรอ...เชิญครับ”

ooooooo

ในครัวบ้านนายพร้อม ห้าวลงมือทำอาหารหลายอย่าง วิมลแปลกใจถามห้าวว่ามีอะไรพิเศษหรือเปล่า พิมพรรณกลับมาได้ยินพอดี แซวห้าวว่าทำแต่ของโปรดของรสาทั้งนั้นเลย

“แหม...ก็นานๆรสจะกลับมาที ก็เลยเอาใจเขานิดนึง”

“จ้า...เข้าใจ พิมน่ะเข้าใจพี่ห้าวเสมอ” พิมพรรณยิ้มกริ่มรู้ทัน ทำเอาห้าวเขินอายรีบเบือนหน้าหนี

พร้อมเข้ามาร่วมวงอีกคน นึกได้ว่ารสากลับวันนี้ ให้แปลกใจว่าทำไมถึงปลีกตัวมาได้ทั้งที่บอกว่างานยุ่ง พิมพรรณว่ามาก็ดีแล้ว ตนคิดถึง มีเรื่องจะเล่าให้ฟังตั้งเยอะแยะ ห้าวสะดุดหูและแอบหวังว่าพิมพรรณอาจจะเล่าเรื่องวาริชให้รสาฟัง

“เรื่องอะไรล่ะลูก เล่าให้พ่อกับแม่ฟังก็ได้นะ” วิมลเอ่ยขึ้นอย่างอาทร แต่ลูกสาวยิ้มอายๆ พูดอ้อมแอ้มว่าเล่าให้พ่อแม่ฟังก็ไม่เข้าใจหรอก พร้อมได้ยินแล้วหน้าตูมขึ้นมาทันที

“ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า งั้นก็ปล่อยให้เด็กๆเขาคุยกันเถอะแม่ เรามันแก่แล้ว”

“อ้าว...งอนซะงั้น” พิมพรรณบ่นหน้าจ๋อย

“ก็มันจริงนี่ เด็กสมัยนี้ไม่รู้มันเป็นอะไร พอมันมีอะไร พ่อแม่รู้เป็นคนสุดท้ายทุกที แต่พอมีปัญหาขึ้นมาพ้นพ่อแม่มันซะที่ไหน คิดแล้วก็น้อยใจเว้ย”

พิมพรรณจ๋อยหนักกว่าเดิม ส่งสายตามาทางแม่เหมือนขอตัวช่วย วิมลจึงท้วงสามีว่าลูกแค่พูดเล่นทำเป็นอารมณ์ขึ้นไปได้ แต่พร้อมกลับกระฟัดกระเฟียดยิ่งขึ้นไปอีก ห้าวเลยต้องช่วยไกล่เกลี่ย

“ฉันว่า...เอางี้ดีไหมจ๊ะ อารมณ์ร่มๆกันก่อน เดี๋ยวน้องรสมานั่งกินข้าวกันพร้อมหน้า ถ้าพิมอยากเล่าเขาก็เล่าเอง ที่จริงนั่งๆกันอยู่ตรงนี้ก็วัยรุ่นกันหมดทุกคนแหละ จริงไหมพิม”

“จริงจ้ะ” พิมพรรณรับมุก แต่ในใจยังรู้สึกกังวลนิดๆ พอห้าวให้เธอไปจัดโต๊ะ จึงลุกออกมาพร้อมกับครุ่นคิดว่าต่อไปนี้ตนคงต้องระวังตัวมากขึ้นที่จะพูดเรื่องส่วนตัว

ooooooo

รสานั่งตัวลีบมาในรถหรูของภคพงษ์ที่กำลังมุ่งหน้าสู่ระยอง เธอไม่อยากให้เขาไปส่งเลยจริงๆจึงพยายามโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจ แต่ยิ่งพูดเขากลับยิ่งดันทุรังอยากเอาชนะ จนเธอต้องเงียบไปพักหนึ่งด้วยความอึดอัด

“คุณรีบไหม นัดใครไว้หรือเปล่า” เขาชวนคุย

“นัดค่ะ ดิฉันนัดกับญาติๆไว้ค่ะ แต่พวกเขารู้แล้วว่าดิฉันรถเสีย ไม่ต้องเร่งรีบอะไร ดิฉันก็เลยอยากนั่งรถไปเองมากกว่า”

ภคพงษ์เงียบไม่ตอบโต้ และยังขับรถไปเรื่อยๆ ฝ่ายรสาก็ยังพยายามหาข้ออ้างเพื่อจะขึ้นรถตู้ไปเอง ด้วยการปดเขาว่าเธอต้องซื้อของฝากพวกกะปิและปลาหมึก ถ้าไปรถตู้เขาจะจอดที่ร้านขายพอดี ลงจากรถก็ซื้อได้เลย

“ไม่เห็นเป็นไรนี่ ผมแวะให้คุณลงไปซื้อก็ได้”

“แต่มันเหม็นมากนะคะ กลิ่นกะปิ กลิ่นปลาหมึก... ถ้าใส่รถคุณ มันจะเหม็นติดรถไปอีกนานเลยค่ะ”

“ไม่เป็นไร...ผมไม่ถือ”

รสาหน้ามุ่ย แอบจิกหางตาด้วยความหมั่นไส้ แล้วเธอก็ทำตามที่พูดจริงๆ ให้เขาแวะตลาดซื้อของฝากที่กลิ่นแรงๆทั้งนั้นเอามาใส่รถสุดหรูของเขา มาดหมายว่าเดี๋ยวนายไฮโซจอมกวนนี่คงสติแตกเพราะความเหม็นของมัน ปรากฏว่าเขาผงะอย่างเห็นได้ชัด เธอแสร้งตีหน้าเกรงใจทันที

“กลิ่นมันแรงใช่ไหมคะ ดิฉันก็ว่าแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจากตรงนี้ดิฉันเรียกรถสองแถวไปเอง ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” ว่าแล้วรสารีบหยิบของเตรียมเผ่น

“เดี๋ยว! ไม่ต้อง เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง”

“แต่กลิ่นมันจะเหม็นมากนะคะ เนี่ยค่ะ เหม็นมากๆเลยค่ะ” เธอแกล้งขยับปากถุงกระพือกลิ่น...แทนที่เขาจะยี้กลับยิ้ม กดปุ่มเปิดหลังคารถพาเธอมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นเหม็นอีกเลย

รสานั่งรถเปิดประทุนโต้ลมอย่างไม่เป็นสุข ต้องคอยจับผมที่สะบัดไปมาจนเมื่อยมือ ที่สุดต้องเอายางมัดผมมารวบไว้ แล้วหยิบแว่นสีชามาใส่ถนอมสายตาด้วยอีกอย่าง

ooooooo

ชีวินออกจากออฟฟิศทันทีที่เลิกงาน เขามุ่งหน้าไปบ้านเถลิงยศหวังได้เจอรสา แต่พอไปถึงทราบเรื่องราวจากเปลี่ยนและปุยนุ่นอย่างละเอียดก็หน้าเจื่อนจ๋อยใจหายวาบ ระแวงเหลือเกินว่าภคพงษ์ใช่แค่หวังดีกับรสาประสานายจ้างผู้อารีย์ แต่เขาอาจ คิดมากกว่านั้นเพราะรสาทั้งสวยน่ารักและทำงานเก่ง

ค่ำลงที่บ้านพร้อม ทุกคนรอคอยรสาอย่างจดจ่อ เสียงมือถือพิมพรรณดังขึ้นนึกว่ารสาโทร.มา แต่เจ้าของเครื่องเห็นเบอร์โชว์รีบบอกว่าไม่ใช่ อีกทั้งยังทำให้ชวนสงสัยด้วยการเดินออกไปคุยห่างๆ

วาริชโทร.มาย้ำเรื่องที่จะขอไปดูรีสอร์ตที่บ้านของเธอวันอาทิตย์นี้ พิมพรรณยินดีไม่มีปัญหา ตอบรับเขาทันทีด้วยความเต็มใจ ห้าวแอบมองมาด้วยความสงสัย สังหรณ์ใจว่าจะเป็นเพื่อนใหม่หน้าเข้มคนนั้น?

ไฟแสงจากรถคันหนึ่งหน้ารีสอร์ตทำให้ห้าวหยุดคิดเรื่องพิมพรรณ เดินอ้าวออกไปเมียงมองอย่างไม่คาดฝันว่าจะมีรถหรูราคาแพงเข้ามาถึงนี่ แต่พอเห็นรสานั่งมาด้วยก็ชะงัก สีหน้ายิ้มๆกลับกลายเป็นตูมตึงขึ้นมาทันที ฝ่ายสามคนพ่อแม่ลูกพอรู้เห็นว่ารสามากับผู้ชายก็แตกตื่นกันใหญ่

ภคพงษ์จะช่วยรสาหิ้วของเข้าไปส่ง แต่ห้าวขัดขึ้น เสียงแข็งพร้อมกับมองหน้าเขาอย่างไม่เป็นมิตร พอรสาแนะนำว่าเขาเป็นลูกค้าที่ตนรับซ่อมแซมบ้านให้ ห้าวยิ่งไม่ไว้ใจประชดประชันทันทีว่า

“ลูกค้าบริษัทรสนี่ใจดีจัง ไม่ทราบว่าคุณขับรถมาส่งมัณฑนากรที่ต่างจังหวัดแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าครับ หรือว่าสำหรับรสดูแลดีเป็นพิเศษ”

“พี่ห้าว!!” รสาปรามเสียงหลง

“พี่อยากรู้จริงๆนะ เพราะมันดูใจดีผิดสังเกต” ห้าวพูดโต้งๆ ตรงไปตรงมา รสาถึงกับอึกอักพูดไม่ออก

“ที่ผมขับรถมาส่งเพราะเห็นว่ารถของคุณรสาเสีย ตอนแรกจะให้คนรถขับมาส่ง แต่คุณรสาเกรงใจไม่ยอม ผมก็เลยต้องขับรถมาส่งเอง”

“มันก็ยังไม่ใช่เหตุผลอยู่ดี”

“พี่ห้าว พอเถอะจ้ะ” พิมพรรณแทรกขึ้น “คุณภคพงษ์จะมาส่งด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างเหอะน่า รสมาถึงโดยปลอดภัยก็พอแล้ว คุณภคพงษ์คะ ขับรถมาเหนื่อยๆ เชิญเข้าไปในบ้านก่อนนะคะ พิมจะได้แนะนำให้รู้จักพ่อกับแม่ด้วย”

“แต่ถ้าคุณไม่อยากเข้าไป ก็ไม่เป็นไรนะคะ” รสา รีบบอกด้วยความเกรงใจ

“ไม่เป็นไร...พักสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน...ขอบคุณครับ”

พิมพรรณยิ้มรับแล้วจูงมือรสานำไป ส่วนกระเป๋าและข้าวของให้ห้าวเหมาไปคนเดียว...รสาแนะนำภคพงษ์ให้รู้จักพ่อแม่บุญธรรมของตน พร้อมทั้งบอกพวกท่านว่าภคพงษ์เป็นลูกค้าของบริษัท

ชายหนุ่มยกมือไหว้พร้อมและวิมลอย่างสุภาพนอบน้อม พิมพรรณถึงกับอมยิ้มในความเรียบร้อย รสาเองก็แอบแปลกใจในความสุภาพของเขาเวลาอยู่กับผู้ใหญ่ มีแต่ห้าวที่ยืนกอดอกมองเขาด้วยความหมั่นไส้

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ขอบคุณมากที่ขับรถมาส่งหนูรสถึงที่นี่” วิมลเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ด้วยความยินดีครับ”

“แต่คราวหน้าคราวหลัง รสโทร.บอกพี่ก็ได้นะเดี๋ยวพี่ขับรถไปรับเอง ไม่ต้องรบกวนคนอื่น เดี๋ยวจะเป็นบุญคุณให้เกรงใจ”

“ห้าว...” วิมลปรามด้วยสายตาเข้มดุจนห้าวจำต้องเงียบลงด้วยความเกรงใจ

“ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมไม่ได้คิดว่าเป็นบุญคุณอะไร”

พร้อมเพิ่งเห็นถุงกะปิและปลาหมึก ถามว่าของใคร ไปหอบมาจากไหนกัน รสาอึกอักเล็กน้อยก่อนบอกว่าตนจะซื้อไปฝากป้าอาภรณ์

“เอ...ปกติถ้าแกจะเอาเพิ่มจะโทร.มาสั่งให้อาซื้อ ทำไมครั้งนี้ถึงให้รสซื้อ ไม่ยอมโทร.มาเอง สงสัยต้องโทร.ไปถามหน่อยแล้ว” วิมลทำท่าจะหยิบโทรศัพท์มือถือ รสาตกใจโพล่งขึ้นทันที

“อาวิมลคะ ไม่ต้องโทร.หรอกค่ะ คือป้าไม่ได้สั่ง แต่รสอยากจะซื้อไปฝากเอง นานๆจะมีคนขับรถมาส่ง รสก็เลยแวะซื้อน่ะค่ะ”

“โธ่รส ทำแบบนั้นรถคุณภคพงษ์ก็เหม็นแย่”

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ คุณภคพงษ์เขาไม่ถือ”

ภคพงษ์ไม่ต่อปากต่อคำรสา ได้แต่ยิ้มรับอย่างแนบเนียน พร้อมมองชายหนุ่มรูปหล่อมารยาทงามแล้วยิ้มอย่างถูกชะตา เอ่ยปากชวนเขาร่วมวงกินข้าว เขาไม่ตอบแต่หันมองหน้ารสาเชิงขอความเห็น

“ถ้าคุณไม่รีบ...ก็อยู่ทานก่อนสิคะ เป็นการขอบคุณที่อุตส่าห์ขับรถมาส่ง”

“ขอบคุณคุณอาและคุณรสานะครับที่ชวน แต่ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน ครั้งหน้าไม่พลาด...รีสอร์ตนี้น่ารักมาก ผมต้องกลับมาอีกครั้งแน่ๆ และไม่ได้มาในฐานะลูกค้าบริษัท”

รสาชะงักกับคำพูดของเขา...ห้าวกระตุกวาบ ไม่ชอบหน้าหมอนี่อย่างแรง...

หลังจากร่ำลาทุกคนกลับออกมาแล้ว ภคพงษ์อดเหลียวกลับไปดูพวกเขาอีกครั้งไม่ได้ เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะหยอกเย้าอย่างมีความสุขของทุกคนทำให้เขาอมยิ้มไปด้วย แต่สักพักพอกลับมามองตัวเอง รอยยิ้มนั้นค่อยๆจางหายไป นึกถึงตั้งแต่พ่อตายจากเขาต้องนั่งกินข้าวคนเดียวมาตลอดตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน

ความอ้างว้างเงียบเหงาทำให้ชีวิตของเขาไร้ความสุขสนุกสนาน...ต่างจากรสาที่ถึงแม้ไม่มีพ่อแม่ แต่รอบกายเธอรายล้อมไปด้วยความรักความอบอุ่นจากทุกคน โดยเฉพาะบุคคลในครอบครัวพ่อแม่บุญธรรมของเธอ

คืนนั้น ภคพงษ์ขับรถกลับกรุงเทพฯ ด้วยความรู้สึกนึกคิดหลายอย่าง แต่อย่างหนึ่งก็คือเขาแอบคิดถึงรสา การมาระยองครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้จักตัวตนอีกมุมหนึ่งของเธอ ได้เห็นความสดใสและความเป็นธรรมชาติของผู้หญิง ธรรมดาๆ แต่น่าสนใจไม่น้อยเลย...

หลังอาหารมื้ออร่อยนั้น ห้าวยังติดใจเรื่องภคพงษ์จึงหาโอกาสเลียบเคียงถามรสาว่าเขาไม่ได้จีบแน่นะ และถ้าไม่จีบทำไมเขาต้องมาส่งเธอด้วย

“เขาก็แค่อยากจะเอาชนะตามประสาคนไม่เคยแพ้น่ะ เรื่องมันยาวและไร้สาระ พี่ห้าวอย่าไปสนใจเลยจ้ะ เอาเป็นว่าที่เขามาส่งรสไม่ใช่เพราะอยากมาส่งก็แล้วกัน”

ห้าวฟังแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี รสาไม่อยากพูดถึงอีก เปลี่ยนไปคุยเรื่องพิมพรรณ

“เออ...พี่ห้าว แล้วเรื่องพิมที่จะให้รสถามน่ะ ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง แล้วจะให้รสถามอะไรบ้าง”

หลังจากพูดคุยตกลงกับห้าวเรียบร้อยแล้ว รสากลับมาที่ห้องนอนเห็นพิมพรรณกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อ่านข้อความที่วาริชส่งเข้ามือถือ และเธอส่งย้อนกลับไปด้วยเช่นกัน รสาทำทีเข้ามาหยั่งเชิงว่าสงสัยมีหนุ่มส่งข้อความมาจีบถึงได้ยิ้มกับมือถือ พิมพรรณยิ้มอายๆ พูดอ้อมแอ้มว่าเราก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า

“เล่ามาจะช่วยวิเคราะห์ให้ เริ่มต้นจากเป็นใคร ชื่ออะไร มาจากไหน”

“ชื่อวาริช มาจากเชียงใหม่ มาติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้ห้องสมุด เขาก็มาคุยด้วย มารับไปโรงเรียน โทร.มาหา ส่งข้อความมาบอกฝันดีอะไรทำนองเนี้ย”

“แล้วพิมรู้สึกยังไงกับเขาล่ะ”

“พิมว่า...เขาก็คงจะดีแบบนี้กับทุกคน เขาคงไม่ได้มาจีบหรอก พิมเป็นผู้หญิงธรรมดา เรียบๆ อาจจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ ใครจะมาสนใจ”

“พิมน่ะน่ารักจะตาย นิสัยก็ดี อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ถ้าจะมีหนุ่มมาจีบไม่เห็นจะแปลกเลย มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ”

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 4 วันที่ 20 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ