@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 4-5 วันที่ 21 ก.ย. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 4

“พิมน่ะน่ารักจะตาย นิสัยก็ดี อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ถ้าจะมีหนุ่มมาจีบไม่เห็นจะแปลกเลย มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ”
“แล้วรสล่ะ คุณภคพงษ์เขาจีบรสหรือเปล่า”

“ไม่ได้จีบ รสว่าจริงๆแล้วเขาไม่ค่อยชอบรสหรอก คงไม่ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน”

“ครั้งแรกเลยเหรอ”

“ใช่...พิมจำผู้ชายที่ขี่เจ็ตสกีมาชนกับเรือของพี่ห้าวตอนโน้นได้มั้ย”

“จำได้ อย่าบอกนะว่าเขาคือคุณภคพงษ์” รสาพยักหน้า พิมพรรณถึงกับอุทานว่าจริงเหรอ บังเอิญสุดๆ

“ใช่ รสก็ใส่เขาไปซะเยอะตั้งแต่เจอกันตอนนั้น เขาคงไม่พิศวาสรสหรอก อีกอย่างนะ อย่างเขาต้องดาราหุ่นเอ็กซ์ๆ นักร้องหุ่นอึ๋มๆ หรือไม่ก็พวกไฮโซ ถึงจะเหมาะสม เขาไม่มามองรสหรอก”

“แต่รสทั้งสวยทั้งเก่ง หน้าที่การงานก็ดี ถ้าคุณภคพงษ์จะมาจีบก็ไม่เห็นจะแปลก มั่นใจในตัวเองหน่อยสิจ๊ะ”

“เดี๋ยวนี้ยอกย้อนนะจ๊ะ” รสามันเขี้ยวจับหัวพิมพรรณโยกไปมา

“โอ๊ย...ก็ พูดจริงนี่...วันมะรืนนี้วาริชจะมาเยี่ยมชมรีสอร์ต รสช่วยพิมต้อนรับเขาหน่อยนะ ส่วนเรื่องคุณภคพงษ์คราวหน้าพามาอีกนะ พิมจะได้ช่วยดูให้ไงว่าเขาคิดยังไงกับรสกันแน่”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เพราะรสมั่นใจว่าคนอย่างนายภคพงษ์เขาไม่ได้คิดอะไรกับรสแน่ๆ ไม่ต้องให้พิมช่วยดู รสก็รู้อยู่แล้ว” รสาฟันธงร้อยเปอร์เซ็นต์

ooooooo

เช้า วันนี้ นักร้องสาวยูโฮะมาถ่ายเอ็มวีด้วยความไม่สบายใจ เป็นห่วงเรื่องรูปตัวเองกับภคพงษ์ที่ให้โอมแอบถ่ายจะหลุดออกไปลงหนังสือ บันเทิง เธอจึงนัดโอมมาเจอแล้วขอซื้อรูปทั้งหมดนั้นเก็บไว้เอง

“อะไรกัน...ยูโฮะบอกจะให้พี่เอารูปไปลงหนังสือ บก.เขาก็รออยู่นะเนี่ย”

“ให้ลงไม่ได้ค่ะ พี่ภัคไม่แฮปปี้ แถมยังบอกว่าถ้ารูปชุดนี้หลุดออกไปเลิกคบ”

“เฮ้ย...ไฮโซพวกนี้เขาก็ขู่ไปงั้น ไม่ทำจริงหรอก”

“พี่ ภัคทำจริงแน่ ยูโฮะไม่อยากเสี่ยง เอาเป็นว่ารูปพวกนี้ยูโฮะขอแล้วกัน ส่วนเงินนี้ให้พิเศษ ถือว่าเป็นค่าเสียเวลา อย่าลืมนะพี่ ห้ามให้รูปหลุดออกไปเด็ดขาด แล้วรูปในกล้องพี่ก็ลบด้วยนะ อย่าลืมล่ะ”

ยู โฮะพูดเสร็จก็รีบวิ่งไปเข้าฉากถ่ายเอ็มวีต่อ โอมหยิบกล้องมากดดูภาพพลางครุ่นคิดอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วจากนั้นไม่นานโอมก็นัดพบพักตร์วิมลที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“ถ้ารูปนี้หลุดออกไป ภัคจะเลิกกับนังเด็กนั่นเหรอ” พักตร์วิมลทวนคำบอกเล่าของโอมอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง

“เห็นยูโฮะว่ายังงั้นน่ะ แต่พี่เสียดายรูป อุตส่าห์ถ่ายมาได้แล้วดันไม่ได้ลง เสียดายจริงๆ ถ้ามีใครเอาไปลงเล่มอื่นก็ยังดี”

“ถ้าแพตขอซื้อรูปแล้วเอาไปลงเล่มอื่น พี่จะขายหรือเปล่า”

“มันก็ขึ้นอยู่กับราคาว่าคุ้มเสี่ยงหรือเปล่า”

ดาราสาวไม่รีรอหยิบสมุดเช็คมาเขียนแล้วส่งให้ โอมเห็นตัวเลขถึงกับตาวาว ถอดเมมโมรี่การ์ดให้ทั้งแผ่น

“พี่ให้หมดเลย แต่แพตอย่าบอกว่าเอามาจากพี่แล้วกัน ถ้ายูโฮะถามพี่ก็จะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่รู้ว่ามันหลุดออกไปได้ยังไง”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ แพตไม่ทำให้พี่เดือดร้อนอยู่แล้ว ส่วนนังเด็กนั่นจะเดือดร้อนหรือเปล่า...เดี๋ยวก็รู้”

พักตร์วิมลยิ้มร้าย หวังว่าวิธีกำจัดยูโฮะครั้งนี้ต้องสำเร็จ...

เช้า วันอาทิตย์ ภคพงษ์เข้ามาสำรวจเรือนเล็กที่กำลังอยู่ในระหว่างซ่อมแซม แล้วนึกได้ว่ากล่องรูปถ่ายของตนหายไป จึงโทร.หารสาที่ยังอยู่ระยอง ซึ่งเธอกำลังวิ่งออกกำลังกายท่ามกลางอากาศสดชื่นที่ชายหาด

“ผมมีเรื่องงานจะถาม”

“วันนี้วันอาทิตย์นะคะ รออีกสักวันค่อยถามไม่ได้เหรอคะ”

“ไม่ได้ เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก...ผมอยากทราบว่ากล่องใส่ของที่อยู่ในตู้ห้องนอนของผมมันหายไปไหน”

“เรื่องแค่นี้เนี่ยนะคะ”

“มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กสำหรับคุณ แต่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผม ถ้าไม่จำเป็นผมคงไม่โทร.มารบกวนในวันหยุด”

“ดิฉัน นำไปฝากไว้กับป้าใจ เพราะเกรงว่าจะหายระหว่างการเคลื่อนย้ายตู้ ส่วนของตกแต่งบ้านเล็กๆ น้อยๆเช่นกรอบรูป ดิฉันนำใส่กล่องและฝากไว้กับป้าใจเช่นกันค่ะ ไม่ทราบว่ามีคำถามอื่นอีกไหมคะ”

“มี...ตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่”

รสา ชะงัก...เดาอารมณ์เขาไม่ออก แต่ก็ตอบตามจริงไปว่ากำลังวิ่งออกกำลังกาย พอเขาถามว่าจะกลับกรุงเทพฯเมื่อไหร่ เธอบอกเย็นนี้...ตอบเสร็จนึกว่าหมดคำถาม แต่เขายังอยากรู้อีกว่าจะกลับมายังไง?

“นี่คุณ...ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับเรื่องงานยังไงคะ”

“เกี่ยวสิ ผมอยากแน่ใจว่าคุณกลับมาถึงกรุงเทพฯโดยปลอดภัย ผมจะได้มั่นใจว่าคุณจะมาทำงานให้ผมแต่เช้า”

“คุณไม่ต้องห่วงค่ะ ดิฉันไปทำงานให้คุณได้ในวันพรุ่งนี้แน่ๆ ตั้งแต่เช้าตามเวลางาน”

“ดี...อย่ามาสายล่ะ คุณมีงานอีกมากที่ต้องทำ ผมหมดคำถามแล้ว เชิญคุณออกกำลังกายต่อได้”

ภค พงษ์วางสายพร้อมรอยยิ้มนิดๆ ในฐานะเเป็นผู้ควบคุมการสนทนา ต่างจากรสาที่หงุดหงิดเล็กๆ บ่นพึมพำว่าจอมบงการขนานแท้...ทันใดพิมพรรณตะโกนโหวกเหวกเรียกรสา เตือนว่าใกล้เวลานัดแล้ว รสานึกได้รีบวิ่งกลับเข้าบ้านอย่างว่องไว

ooooooo

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 5

แค่พบกันครั้งแรก...รสาก็จับสังเกตท่าทีของวาริชที่มีต่อพิม พรรณได้ว่าจีบชัวร์ แต่ยังไม่แน่ใจนักว่าเขาจะเอาเรื่องทำรีสอร์ตมาเป็นข้ออ้างเพื่อใกล้ชิดพิม พรรณเหมือนอย่างที่ห้าวตั้งข้อสังเกตไว้หรือเปล่า

วาริชรู้จักเข้า ผู้ใหญ่ เขานอบน้อมกับพ่อแม่ของพิมพรรณมาก แต่กระนั้นก็ไม่ทำให้นายพร้อมไฟเขียว รวมทั้งห้าวอีกคนที่คอยดักคอเขาตลอดเวลา จะมีก็แต่วิมลที่ยิ้มแย้มเป็นกันเองประสาคนมองโลกในแง่ดี

หลังจากสองสาวพาวาริชสำรวจบ้านพักในรีสอร์ตจนทั่วแล้ว พิมพรรณออกไปส่งเขาที่รถ วาริชถือโอกาสตอบแทนน้ำใจเธอด้วยของขวัญกล่องหนึ่ง

“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”

“ตอบ แทนที่พิมมีน้ำใจกับผมมาตลอด ผมเพิ่งย้ายมาจากที่อื่น รู้สึกไม่โดดเดี่ยวก็เพราะรู้จักกับพิม ไหนๆก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมไม่อยากอ้อมค้อม ผมถามพิมตรงๆเลยแล้วกัน ถ้าผมขอคบกับพิม...พิมจะยอมหรือเปล่า”

พิมพรรณอึ้งไปอย่างตกใจที่โดนจู่โจม วาริชเห็นดังนั้นจึงหว่านล้อมอย่างสุภาพว่า

“คือ...ยังไม่ต้องเป็นแฟน เพราะมันอาจจะเร็วเกินไป แต่ขอพิมให้โอกาสได้ศึกษาดูนิสัยใจคอกันมากกว่าเป็นเพื่อนจะได้หรือเปล่า”

หญิงสาวยังลังเลไม่แน่ใจ เพราะฉุกละหุกจนคิดไม่ทัน

“พิมยังไม่ต้องให้คำตอบตอนนี้ก็ได้นะครับ เอาเป็นว่าถ้าพิมยินดีรับข้อเสนอ ขอให้พิมใช้ของที่ผมให้ในกล่องนี้แทนคำตอบว่าตกลง”

วาริช ยิ้มแสนดี เธอเขินอายไม่กล้าสบสายตา...เมื่อนำของขวัญกลับมาแกะดูในห้องนอน มันคือชุดเดรสแสนน่ารักราคาแพงยี่ห้อดัง เธอชอบมากหยิบมาทาบตัวหน้ากระจกพร้อมกับยิ้มไปมาด้วยความดีใจ รสาเดินมาหยุดยืนมองเงียบๆ เห็นกล่องของขวัญและรอยยิ้มของพิมพรรณก็เข้าใจได้ไม่ยาก

รสากลับออกมาบอกห้าวว่าพิมพรรณน่าจะมีใจให้วาริช แต่มันอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ เพราะเป็นความเห็นจากมุมมองของตนคนเดียว

“แต่พี่เชื่อในสายตารส พี่ก็ว่าแล้ว ไอ้เนี่ยดูมันเป็นคนฉลาดพูด ปากหวาน ยัยพิมถึงได้เคลิ้ม”

“รสว่าตอนนี้คงต้องปล่อยไปก่อน ถ้าเราไปวุ่นวายก้าวก่ายมากๆจะพาลปิดบัง แล้วก็ไม่เล่าให้ฟัง เราต้องไว้ใจพิมนะพี่ห้าว”

“พี่ ไว้ใจพิม แต่พี่ไม่ไว้ใจไอ้หน้าหนวดนั่น แต่รสไม่ต้องกังวล กลับไปทำงานเถอะ ที่เหลือทางนี้พี่จะคอยดูเอง ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลพี่จะรีบโทร.หา แล้วนี่รสจะกลับกรุงเทพฯยังไง ให้พี่ไปส่งมั้ย”

“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวเพื่อนรสมารับ”

“เพื่อน? ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

ชีวิน นั่นเอง! รสาให้เขามารับกลับกรุงเทพฯ แม้จะคุ้นเคยกันอยู่แล้วก็ตามแต่ห้าวก็ไม่ค่อยพอใจและไม่อยากต้อนรับชีวิน สบโอกาสเมื่อใดเป็นต้องแอบกัดแอบกวนเขาจนพิมพรรณกับรสาต้องคอยเบรก
ทักทาย กันอยู่พักหนึ่ง วิมลก็เร่งทั้งคู่ให้ออก เดินทางก่อนจะมืดค่ำ รสาจึงลาทุกคนและแอบพูดเบาๆ กับพิมพรรณว่า ถ้าต้องการคำปรึกษาให้รีบโทร.หาตนทันที ห้ามเกรงใจ

“จ้ะ เดินทางกลับดีๆล่ะ...ชีวิน ขับรถดีๆนะจ๊ะ”

“ขอบใจจ้ะ” ชีวินยิ้มให้พิมพรรณ แล้วหันไปยกมือไหว้พร้อมกับวิมล

ห้าวยืนแอ็กท่าอยู่ถัดไป พอเห็นชีวินจะหยิบกระเป๋ารสา เขาชิงตัดหน้าหิ้วไปส่งเองถึงรถ...

ออก รถมาได้ครู่เดียว ชีวินเก็บเรื่องค้างคาใจไว้ไม่ไหว เอ่ยถามรสาว่าเมื่อวันก่อนภคพงษ์ขับรถมาส่งที่ระยองจริงเหรอ รสาตอบรับอย่างไม่คิดอะไร แต่ชีวินยังซักต่อเหมือนมีอะไรบางอย่างในใจ

“แล้วทำไมเขาต้องมาส่งด้วย เขาบอกหรือเปล่า”

“ไม่ได้บอก แต่ถ้าให้เดา คงอยากเอาชนะ แล้วก็แกล้งให้เราอึดอัดเล่น”

“ลงทุนขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็คนรวยไม่มีอะไรทำ หาเรื่องแกล้งคนอื่นไปวันๆ”

“แน่ใจนะว่าไม่มีเหตุผลอื่น”

รสา ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ โทรศัพท์มือถือเธอดังขึ้น เห็นชื่อหน้าจอก็อดบ่นไม่ได้ว่า “อีกแล้วเหรอ มีปัญหาอะไรอีกนะ เมื่อเช้าก็โทร.มาเรื่องงาน นี่ก็โทร.มาอีก วันอาทิตย์แท้ๆ”

ชีวินสงสัย ว่าใคร พอรู้ว่าเป็นภคพงษ์ก็นิ่วหน้าไม่พอใจ ส่วนรสายังเฉยไม่รับสาย ปล่อยให้เป็นมิสคอลไป จนเมื่อเขาโทร.เข้ามาอีกที ชีวินกลัวจะเป็นเรื่องงานถ้าไม่รับเดี๋ยว เป็นเรื่องถึงเผด็จหรือไม่ก็พิทยา...รสาจึงกดรับอย่างจำใจ

“สวัสดีค่ะ”

“ผมมีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับงานที่คุณทำ”

“เชิญถามมาได้เลยค่ะ”

“ผมไม่สะดวกคุยทางโทรศัพท์ ไม่ทราบว่าคุณออกจากระยองมาหรือยัง จะให้เปลี่ยนขับรถไปรับหรือเปล่า”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ดิฉันออกมาแล้ว ชีวิน...เอ่อ...เพื่อนดิฉัน สถาปนิกที่ออกแบบสวนให้คุณน่ะค่ะ เขาขับรถมารับ”

“แล้วพรุ่งนี้คุณจะเข้ามาทำงานกี่โมง ผมขอให้คุณเข้ามาแต่เช้า ผมมีเรื่องงานจะคุยด้วย”

“ได้ ค่ะ ดิฉันจะไปถึงไม่เกิน 8 โมงเช้า คิดว่าน่าจะเช้าพอนะคะ สวัสดีค่ะ” รสาตัดบทอย่างเซ็งๆ บ่นกับชีวินว่าพวกเศรษฐีชอบสั่งชอบเอาแต่ใจ

“ดูคุณภคพงษ์จะสนใจรสมากเป็นพิเศษนะ” ชีวินหยั่งเชิง

“เพราะ รสไม่ยอมเขามั้ง ก็เลยอยากจะเอาชนะ ถ้าสั่งเราได้ บังคับเราได้ เขาคงดีใจ รสว่าอย่าไปสนใจเขา มากเลย แค่ทำงานด้วยกัน อีกไม่นานพองานเสร็จก็คง ไม่ได้เจอกันแล้ว”

ชีวินนิ่งเงียบ แต่รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆว่ามันจะไม่จบง่ายๆ ด้านภคพงษ์ที่อยู่บ้าน เขาไม่ค่อยพอใจที่รู้ว่าชีวินไปรับรสา นึกย้อนถึงตอนที่เห็นทั้งคู่หยอกล้อและ กอดคอกันร้องเพลงในงานแต่ง แล้วอีกครั้งที่ไปกินข้าวกันอย่างสนิทสนม

สองครั้งสองคราที่เห็นจะจะ ทำให้ภคพงษ์ไม่เชื่อที่รสาเคยบอกว่าชีวินไม่ใช่แฟน!

ooooooo

เช้า วันต่อมา ยูโฮะเห็นหนังสือพิมพ์บันเทิงรายวันลงภาพตัวเองกินข้าวกับภคพงษ์ เธอตกใจมากรีบเผ่นออกจากกองถ่ายโดยไม่ฟังเสียงห้ามของใครต่อใคร
ยูโฮะถือ หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นวิ่งไปขึ้นรถ พร้อมกันนี้ก็โทร.เข้าบ้านภคพงษ์ ซักถามปุยนุ่นอย่างร้อนใจว่าพี่ภัคตื่นหรือยัง แล้วมีใครเอาหนังสือพิมพ์อะไรให้เขาดูบ้างหรือเปล่า

“ยังไม่มีนะคะ หนังสือพิมพ์อะไรเหรอคะ”

“ไม่มี อะไร เอาเป็นว่าถ้ามีใครจะเอาหนังสือพิมพ์อะไรมาให้พี่ภัคดู ปุยนุ่นก็ขัดขวางไว้ก่อน ยูโฮะกำลังจะไปหาพี่ภัค ยูโฮะจะไปอธิบายให้พี่ภัคฟังเอง”

ปุยนุ่นไม่เข้าใจแต่ก็รับคำอย่างว่า ง่าย ฝ่ายยูโฮะขับรถไปครุ่นคิดไปว่ารูปมันหลุดออกมาได้ยังไง จะโทร.ถามนายโอม ปรากฏว่าเขาปิดเครื่อง

“ทำไมพี่โอมต้องปิดเครื่องด้วย หรือว่าจะหนี ไอ้นักข่าวนั่นมันต้องเอารูปไปให้หนังสือพิมพ์แน่ๆ หรือไม่ก็ต้องเอาไปให้ใครสักคนที่ไม่หวังดีกับเรา หรือว่า...” ยูโฮะชะงักกึก นึกถึงพักตร์วิมลขึ้นมาทันที

แม่นแล้ว!! เวลานั้นพักตร์วิมลกำลังขับรถมุ่งหน้า ไปหาภคพงษ์พร้อมด้วยหนังสือพิมพ์บันเทิงที่ตัวเองส่งภาพไปให้...

รสา มาที่บ้านเถลิงยศแต่เช้าก่อนเวลางาน เธอหอบหิ้วกะปิและปลาหมึกจากระยองมาฝากสายใจ...เปลี่ยนกับปุยนุ่นเห็นกะปิ แล้วน้ำลายสอจะไปเก็บมะม่วงแก้วในสวนมาจิ้ม รสาท้วงว่าจิ้มกะปิหวานอร่อยกว่า เดี๋ยวตนทำให้ ไม่ได้เสียเวลางานอะไรเพราะนัดภคพงษ์ไว้แปดโมง แต่ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่ง

ได้มะม่วงมาปอกรอไว้แล้ว และกะปิหวานก็กำลังจะเสร็จในอีกไม่กี่นาทีนี้ด้วยฝีมือรสา เปลี่ยนกับปุยนุ่นนั่งจ้องอย่างเปรี้ยวปาก เสร็จปุ๊บก็ขออนุญาตรสาเปิบก่อน แต่ยังไม่ทันถึงปากก็ต้องเบรกเอี๊ยดกับเสียงภคพงษ์ที่ดังขึ้น

“ทำอะไรกัน แล้วนี่กลิ่นอะไร”

ปุยนุ่นกับเปลี่ยนตกใจรีบวางมะม่วงไว้ในจานแล้วลุกยืนตัวลีบ รสาตอบว่ากลิ่นกะปิหวาน สายใจเห็นนายของตนขมวดคิ้วก็รีบอธิบาย

“คุณรสาซื้อกะปิมาฝากจากระยองน่ะค่ะ เจ้าเปลี่ยนกับปุยนุ่นอยากจะกินกะปิหวาน คุณรสาก็เลยทำให้”

ภค พงษ์มองเปลี่ยนกับปุยนุ่น สองคนก้มหน้างุดคิดว่าโดนดุแน่ แต่ผิดคาด เขาไม่ว่าอะไรสักคำ แต่ข้องใจนิดหน่อยที่รสาบอกว่าต้องซื้อของมาฝากป้า ตกลงคือป้าสายใจงั้นหรือ?

“ดิฉันก็ซื้อมาฝากคุณป้าอาภรณ์ ป้าแท้ๆของดิฉัน แล้วก็ซื้อเผื่อให้ป้าสายใจด้วย ถึงจะไม่ใช่ป้าแท้ๆ แต่ดิฉันก็ซาบซึ้งในน้ำใจที่ทำอาหารให้ดิฉันทานบ่อยๆ ดิฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องแปลก”

ภคพงษ์หลิ่วตารู้ทันว่าเธอโกหก ลื่นไปเรื่อย กะล่อนไม่ใช่เล่น...รสาได้ยินคำพูดนั้นถึงกับจ้องหน้าเขาเขม็ง แต่ก็เถียงไม่ออกเพราะตัวเองโกหกจริงๆ

เปลี่ยนกับปุยนุ่นยกจานมะม่วงกับ ถ้วยกะปิหวานออกไปกินนอกบ้านเพราะกลิ่นมันแรง แต่เจ้ากรรม! ไม่ทันได้ลิ้มชิมรสก็อดหมดกัน โดนพักตร์วิมลที่เดินลิ่วแข่งกับยูโฮะเข้ามาชนหล่นกระจาย แถมกะปิหวานยังหกใส่เสื้อผ้าพักตร์วิมลจนกลิ่นหึ่ง ยูโฮะสะใจเป็นบ้าที่เห็นพักตร์วิมลเต้นแร้งเต้นการ้องกรี๊ดๆ จากนั้นสงกรานต์กะปิหวานก็บังเกิด พักตร์วิมลคว้าถ้วยกะปิหวานที่เหลือในมือปุยนุ่นมาสาดใส่ยูโฮะ ต่างโต้ตอบกันไปมาโดยไม่ฟังเสียงห้ามของปุยนุ่นกับเปลี่ยน

เสียงกรี๊ดดัง ลั่นถึงในบ้านทำให้สายใจกับรสาต้องวิ่งออกมาดู สายใจค่อนข้างตกใจกับการกระทำของสองสาว หันมาถามรสาว่าทำยังไงดี รสาจึงเสนอตัวขอจัดการเอง แต่ทันใดภคพงษ์ก้าวตามมาจับไหล่เธอไว้

“ไม่ต้อง”

รสาหยุดชะงัก เห็นแววตาดุเข้มของเขาแล้วขยาด ภคพงษ์เดินเข้าไปใกล้อีกนิดก่อนออกคำสั่งด้วยเสียงอันเฉียบขาด

“หยุดทั้งสองคน ถ้ายังไม่หยุดก็เชิญออกจากบ้านนี้ไปได้แล้ว”

ได้ ผลชะงัด! สองสาวหยุดวิวาทและพร้อมใจกันจะวิ่งเข้าหาเขา แต่พลันนึกได้ว่าตัวเองเลอะเทอะและกลิ่นกะปิคลุ้งไปหมด จึงชะงักเท้าไม่กล้าเข้าใกล้ ภคพงษ์เห็นหนังสือพิมพ์บันเทิงที่พักตร์วิมลทำหล่นบนพื้น เขาหยิบ มันขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

แค่นี้ยูโฮะก็เสียวสันหลังวาบ และตั้งท่าจะอธิบายหลังจากชำระล้างร่างกายเรียบร้อยแล้ว แต่ภคพงษ์ขัดขึ้นอย่างโกรธๆ ว่าไม่มีอะไรต้องอธิบาย ทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว

“แต่ยูโฮะไม่ได้เป็นคนเอารูปไปให้หนังสือพิมพ์นะคะ ยูโฮะโดนแกล้ง”

“ผมเสียใจด้วยที่มีคนกลั่นแกล้งคุณ แต่มันคนละเรื่องกับที่เราตกลงกันไว้”

“พี่ภัค...จะเลิกกับยูโฮะจริงๆเหรอคะ”

“ใช้ คำว่าเลิกคงจะไม่เหมาะสม เพราะเรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน เอาเป็นว่า...ผมขอยุติความเป็นเพื่อนไว้แค่นี้ เราคงไม่มีอะไรต้องติดต่อกันอีก”

ยูโฮะหน้าเสียที่โดนบอกลาอย่างเลือดเย็น “พี่ภัค!! เราจะแยกกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอคะ”

“มันก็ไม่มีอะไรยากนี่ครับ”

“ก็ได้...ไป ก็ได้ ทุกวันนี้ที่อยู่ด้วยก็ไม่มีความสุข เหมือนอยู่กับหุ่นขี้ผึ้ง ไม่มีหัวใจ ผู้ชายอย่างพี่ภัครักใครไม่เป็น ผู้หญิงที่เข้ามาหาพี่ก็มีแต่คนไม่จริงใจ เขามาก็เพราะเงินพี่ทั้งนั้น ถ้าไม่รวย ไม่มีใครทนหรอกจะบอกให้ ชีวิตนี้ถ้าพี่ไม่โดนปอกลอกจนหมดตัว ก็ต้องอยู่คนเดียว ไปจนตาย!”

ภคพงษ์นิ่งฟังคำด่าอย่างใจเย็น ไม่แสดงอารมณ์หรือความไม่พอใจใดๆออกมาแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้ยูโฮะฮึดฮัดโมโหแทบคลั่ง

“บ้าที่สุด! ด่าไปก็เหมือนด่าก้อนหิน ไม่มีความรู้สึก” ว่าแล้วยูโฮะก็เดินปึงปังออกไปทันทีเลย

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 4-5 วันที่ 21 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ