@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 4 วันที่ 9 ก.ย. 55

อ่านละคร ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 4 วันที่ 9 ก.ย. 55

โซว์หัวเราะออกมา ขิงหาว่าเขาเพี้ยน เขาโต้ว่าเธอต่างหากที่เพี้ยน ตนไม่ได้คิดมาก ตนไม่ใช่ผู้หญิงจะมาคิดเล็กคิดน้อย ตนกำลังคิดหาทางลบคำสบประมาทของยาย แต่เธอมาทำให้เสียสมาธิ ขิงดีใจดึงมือโซว์มากุมและว่าตนเอาใจช่วย เขามองมือขิงอึ้งๆ เธอนึกได้รีบปล่อยมือทำหน้าเขินๆ โซว์ยิ้มทั้งที่เขินเหมือนกัน

จนเย็นย่ำ โซว์ก็ยังไม่เลิกซ้อม ทุกคนล้อมวงรอกินข้าว ท่าทางขิงร้อนใจเป็นห่วง ตุ๊กจะไปตาม รุ้งตัดหน้าว่าตนไปเอง เธอมองเห็นโซว์ยังฝึกร้องลิเก เขาบอกเธอว่าไม่หิว ถ้าทำยังไม่ได้จะไม่กินข้าว รุ้งมองตาเป็นประกาย

“ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ แมน มุ่งมั่น ขยัน ตั้งใจ คนแบบนี้แหละเหมาะที่จะเป็นพ่อของลูกเราที่สุด เจ้าชายของฉัน”



กลางดึก ขิงนอนไม่หลับเป็นห่วงโซว์ มองไปเห็นยายกับรุ้งหลับไปแล้ว จึงลุกจะไปดู ยายขมเกิดละเมอสั่งซื้อน้ำเต้าหู้ ขิงถอนใจ เธอออกมาเห็นโซว์นอนแผ่หลา จึงหาข้าวปลามาให้กิน เขากินด้วยความหิวโหย เธอเตือนระวังจะสำลัก ไม่ทันขาดคำเขาก็สำลักขึ้นมา

“นั่นไง เห็นมั้ย ถ้านายสำลักข้าวตาย ยายฉันไม่มีพระเอกลิเก นายถูกยายฉันแช่งไม่ให้ไปผุดไปเกิดแน่”

โซว์ยิ้มขำๆ ขอบใจขิงที่ห่วงตน ขิงเฉไฉว่ากลัวเขาจะมาตายในบ้านต่างหาก โซว์กินคำสุดท้ายเรอเอิ้ก ออกมา ขิงเอ็ด

“ทุเรศ ฉันรู้ว่านายอยากรำเป็นเร็วๆ แต่ถ้าท้องไม่อิ่ม มันจะมีแรงได้ยังไง ยื่นขามา...”

โซว์แปลกใจ ขิงบอกให้ยื่นมา เธอเอายาสมุนไพรชโลมขาและนวดให้เขา ปากก็บ่น

“เห็นนายแล้วทั้งสงสาร ทั้งสมเพช รำเหมือนหุ่นกระบอก ไม่มีอารมณ์ ไม่มีความอ่อนช้อยสักนิด ขืนปล่อยให้นายซ้อมรำเอง ชาตินี้ก็ไม่มีทางถูกใจยายฉันหรอก”

“พูดอย่างกับตัวเองรำเป็น”

“พ่อแม่ฉันเป็นพระเอก นางเอกลิเก ฉันเกิดมาก็อยู่แต่ในโรงลิเก ทำไมฉันจะรำไม่เป็น”

“อ้าว...ไหนบอกเล่นลิเกไม่เป็นไง”

“ฉันไม่ใช่คนชอบโม้ แต่บังเอิญว่ามีพรสวรรค์”

“เนี่ยนะไม่โม้ งั้นก็รีบๆสอนเถอะคนมีพรสวรรค์ อยากเห็นจริงๆว่าผู้หญิงที่ไม่เหมือนผู้หญิงอย่างเธอ จะรำได้ยังไง”

ขิงหาว่าดูถูก ลุกขึ้นตั้งวงแขน เท่านั้นโซว์ก็ตะลึงและมองเธอรำอย่างทึ่งๆขิงสอน “การรำลิเก ไม่ใช่สักแต่ว่าจะรำ เพราะท่าแต่ละท่ามีความหมาย อย่างท่านี้ เขาแปลว่าโกรธ ท่านี้แปลว่าอาย ท่านี้แปลว่าเสียใจ...”

โซว์พยายามทำตาม ต่างคนต่างตั้งใจช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

ooooooo

ซ้อมมาทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอน เช้ามา รุ้งยังลากตัวโซว์ออกไปตลาด เพื่ออวดคนที่ตลาดว่า เขาเป็นแฟนตน และจะเป็นพระเอกลิเกคนใหม่ของคณะยายขม พวกแม่ค้ารุมถามโซว์ว่าคิดอย่างไรเอารุ้งมาเป็นแฟน โซว์ฟังไม่เข้าใจ รุ้งปัดอย่าไปสนใจ...แก้วรู้ข่าว ยายขมตั้งคณะลิเกขึ้นมาอีก ก็ไม่พอใจคิดหาวิธียับยั้ง

ขิงเห็นรุ้งควงโซว์กลับมาจากตลาดก็เคือง ยายขมด่ารุ้งขรมที่กลับมาช้า โซว์ขอตัวไปนอนต่อ ยายขมโวยเวลานอนไม่นอน เวลานี้เป็นเวลาทำงานก็ต้องทำงานขิงกับตุ๊กช่วยกันขอร้องยายให้โซว์กลับไปนอน ยายขมไม่พอใจ

“ไหนรำให้ข้าดูสิ ว่าเมื่อคืนซ้อมอะไรมา”

ตุ๊กตีฉิ่งให้จังหวะแก่โซว์ เขารำอย่างอ่อนล้าเซจะล้ม ขิงจะเข้าประคองแต่รุ้งไวกว่า ยายขมเอ็ดให้รุ้งถอยไป โซว์ลุกขึ้นพยายามจะรำต่อ ยายขมแอบยิ้มที่เขามีความอดทน แก้วกับยอดดอดเข้ามาแอบดู พอเห็นว่าโซว์จะมาเป็นพระเอกคนใหม่ก็ไม่พอใจ เดินอาดๆเข้ามาประจันหน้า

“น้ำหน้าอย่างแก จะเป็นพระเอกลิเกได้ยังไง มันต้องฉันนี่” แก้วผลักอกโซว์

ขิงโกรธจะเข้าไปเอาเรื่องแต่ยายขมไวกว่าใช้ไม้ตีหัวแก้ว “ใครถามความเห็นเอ็ง...”

ขิงยิ้มเยาะสมน้ำหน้า แก้วฉุนด่าว่าโซว์ตัวซีดเหมือนจิ้งจก ไปชอบมันได้อย่างไร ขิงโต้คนเราไม่ได้ดูกันที่เปลือกนอก ต้องดูที่จิตใจ และชมว่าโซว์ใสสะอาดกว่าเขามาก ยอดรีบแปลความหมาย ดูย่ำแย่ลงไปอีกว่า ขิงด่าแก้วสกปรก โสโครก เหม็นเน่า แก้วโวยไม่ต้องแปล

โซว์ทนไม่ไหวบอกแก้วให้ออกไป แก้วถามกวนๆว่าพูดเป็นแล้วหรือ รุ้งออกมาปกป้อง

“อย่ามาว่าเจ้าชายฉันนะไอ้แก้ว ไอ้กักขฬะ ไอ้นักเลง ไอ้คนไม่มีการศึกษา”

“นังรุ้งมันบอกว่าพี่เลว เลวสุดๆ เลวโคตรๆ” ยอดแปลความหมายอีก

“เฮ้ย...รู้แล้ว จะแปลทำไมบ่อยๆวะ...แล้วแกดีตายล่ะนังรุ้ง นังหัวสูง นังสิบเอ็ดรอดอ นังหลงแสงสี นังใจแตก” แก้วหันมาด่ารุ้ง

“แก้วมันบอกว่าเอ็งน่ะเป็นกระซู่กูปรี มีนองอกบนจมูก” ตุ๊กแปลความให้บ้าง

“อ๊าย ไม่ต้องแปล ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้สะสางชำระความกับแก ฉันไม่ใช่นังรุ้ง” รุ้งจะตบแก้ว

แก้วเงื้อมือกลับ โซว์เข้าชกหน้าแก้วโครม...ตุ๊กสะใจ “มันต้องอย่างนี้สิวะ ไอ้โซ่”

ยอดเห็นลูกพี่เลือดกบปากก็ร้องลั่น แก้วเจ็บใจลุกขึ้นจะเล่นงานโซว์ แต่เขาหลบ แก้วถลาไปเจอหน้ายายขม ยายใช้ไม้เกาหลังฟาดหัว แล้วผลักแก้วเซไปทางตุ๊ก ตุ๊กใช้ฉิ่งตบบ้องหูแก้วตาเหล่มึนงง เซมาทางขิง ขิงผลักเขากระเด็นไปล้มทับยอด ยายขมประกาศถ้ายังไม่ยอมออกไปจะเอากะทิร้อนๆมาราดให้ร้องเอ๋ง สองคนรีบลุกขึ้นวิ่งหนีออกไป ขิงตบมือดีใจ พอหันมาเห็นโซว์ล้มแน่นิ่งหมดสติไปแล้ว ทุกคนตกใจ...

เวลาผ่านไป ขิงเดินมาหายายขมซึ่งกำลังนั่งห่อขนมอยู่ ยายถามว่าหน้าวอกตายหรือยัง ขิงรู้ว่ายายห่วงแต่ทำเป็นเก๊ก ยายขมโต้ว่ากลัวจะมาตายในบ้านต่างหาก ขิงยิ้มอย่างรู้ทัน
“จ้า ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง ฉันให้กินข้าวต้มแล้วก็หลับไปแล้ว เมื่อคืนเล่นซ้อมรำทั้งคืน แถมต้องตื่นไปกับยัยรุ้งกินน้ำอีก จะไม่น็อกได้ไง”

ยายขมแอบถอนใจ ขิงขยับเข้าช่วยและขอร้องยาย “ยายให้โอกาสโซ่เขาหน่อยนะจ๊ะ เขาตั้งใจแล้วก็พยายามมากเลยอ่ะยาย ยายสอนฉันอยู่บ่อยๆว่าเราควรให้โอกาสคนอื่น ยายก็นึกซะว่าโซ่เป็นลูกนกลูกกา ลูกหมาลูกแมวก็แล้วกันนะ”

“ปกติข้าไม่เคยเห็นเอ็งจะใส่ใจใคร แต่ทำไมกับไอ้หน้าวอก เอ็งถึงเป็นห่วงมันนัก”

ขิงไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร จึงทำทีเป็นปวดท้องวิ่งเข้าห้องน้ำ ยายมองตามอย่างสงสัย

ooooooo

ระหว่างทำงานในออฟฟิศ พัชรีเครียดจะหาที่มาของแหวนมรกตนี้ได้อย่างไร พลัน บก.เข้ามาเรียกสั่งงาน เธอถึงกับสะดุ้ง บก. ให้เธอไปทำข่าวฝังลูกนิมิต เธอฉุนหาว่าลดเกรดของตน แต่พอเห็นชื่อคนเปิดงานคือชรินทร์ก็รีบรับงานนี้ทันที

บรรยากาศในงานฝังลูกนิมิต ผู้คนมากมาย พัชรีพยายามส่องกล้องมองหาชรินทร์กับติ๊งโหน่ง แต่พอจะเข้าใกล้ก็โดนอำนาจกันออกมา

“ฉันจะเข้าถึงตัวยัยช้างน้ำยังไงดีเนี่ย เฮ้อ...”

เห็นชรินทร์เอาแบงก์พันหยอดใส่ตู้ทำบุญเป็นปึก แล้วกลับมาคุยกับเจ้าอาวาส จู่ๆติ๊งโหน่งก็โพล่งถามขึ้นว่า

“หลวงพ่อขา ชาติหน้าติ๊งอยากสวยเหมือนชาตินี้ ไม่ทราบว่าติ๊งต้องทำบุญด้วยอะไรคะ”

“ก็ทำบุญด้วยของหอมๆ ของสวยๆสิโยม ชาติหน้าจะได้เกิดมาหน้าตาสวยตัวหอม”

“ว้าย...หลวงพ่ออ่ะ ชมกันได้ ติ๊งเขิน”

ชรินทร์กระซิบกับลูกสาวว่า หลวงพ่อพูดไปตามสัจธรรม ติ๊งโหน่งหน้าเจื่อน พอดีมีเด็กที่จูงมือพ่อแม่มางานชี้มาที่ติ๊งโหน่งแล้วร้องบอกแม่ว่า ในวัดมีตัวประหลาดด้วย พ่อแม่มองไป พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบดึงลูกหลบ ติ๊งโหน่งโวยวายอย่าหนี ชรินทร์ปรามลูกให้ใจเย็นท่องไว้ยุบหนอพองหนอ เธอกลับร้องไห้โฮหาว่าพ่อว่าตนเป็นคางคกตัวพอง

“พ่อไม่ได้บอกว่าลูกตัวพองเป็นคางคก ลูกติ๊งของพ่อน่ะน่ารักจะตายอยู่แล้ว แต่ว่าที่นี่เป็นวัด พ่อไม่อยากให้ลูกเหวี่ยง เดี๋ยวชาติหน้าเกิดมาไม่สวยนะ”

ติ๊งโหน่งนึกได้ เลี่ยงไปเติมลิปสติกให้สวย พัชรีได้โอกาสเบียดคนเข้ามาใกล้ ติ๊งโหน่งเขียนปากเลอะ เธอยื่นกระดาษทิชชูให้ ติ๊งโหน่งหันมามองดีใจที่เห็นพัชรี แต่อดต่อว่าไม่ได้ วันก่อนทำไมอยู่ๆก็หายไป พัชรีหาข้อแก้ตัวว่ามีธุระด่วนสุนัขที่บ้านไม่สบาย แล้วชวนคุยเรื่องอื่น

พัชรีหยั่งเชิงถามว่าทำไมวันนี้ไม่ใส่เครื่องประดับ ติ๊งโหน่งบอกว่า แม่ไม่ให้ใส่เพชรมางานแบบนี้ พัชรีแนะใส่พวกพลอยสีก็ได้ อย่างเช่นมรกต ติ๊งโหน่งตอบว่า ตนไม่ค่อยชอบ

“ติ๊งชอบเพชร ต้องคุณพ่อสิคะ ท่านชอบสะสมพวกอัญมณี ท่านมีแหวนมรกตอยู่วงหนึ่งด้วยค่ะ”

เข้าทาง พัชรีรีบถามว่าซื้อมาจากไหน ตนอยากซื้อให้พ่อบ้าง ไม่ทันที่ติ๊งโหน่งจะตอบ อำนาจมาตามบอกว่าชรินทร์เรียก พัชรีจึงอดรู้ที่มาของแหวน เธอทรุดนั่งอย่างเซ็งๆ พลันปีเตอร์โทร.เข้ามา เธอไม่กล้ารับเพราะยังไม่มีความคืบหน้า...แต่พอกลับมาที่ออฟฟิศ โทรศัพท์บนโต๊ะดัง เธอรับสาย ตกใจเพราะเป็นปีเตอร์ เขาสั่งเสียงเฉียบให้เธอมาหาเดี๋ยวนี้ เธอวางสายหน้าเสีย

อ่านละคร ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 4 วันที่ 9 ก.ย. 55

ท่านชายในสายหมอก บทประพันธ์ โดย วรรณึก
ท่านชายในสายหมอก บทโทรทัศน์ โดย ปณธี-ภควดี
ท่านชายในสายหมอก กำกับการแสดง โดย ศุภฌา ครุฑนาค
ท่านชายในสายหมอกออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง 3
ท่านชายในสายหมอก เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555
ติตามชมละครเรื่องท่านชายในสายหมอก ได้ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ