@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 4/2 วันที่ 13 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 4/2 วันที่ 13 ก.ย. 55

สุดาตาวาววับ พูดออกมาด้วยความเกลียดชัง “ใช่!แผนของมัน ที่จะประกาศต่อหน้านักข่าว ฮึ! มันมีลูกตั้งหลายครอก มันจะไม่รู้ว่ามันท้องได้ยังไง”
สุขหฤทัยเผลอหลุดปาก “ตายๆๆๆ คนแก่ได้ลูกใหม่ ต้องเห่อแน่ๆ เลย อุ๊ย” รีบตบปากตัวเอง “ขอโทษค่ะ ฤทัยไม่ได้ตั้งใจ”
สุดาตาวาว คำรามในลำคอ “เมื่อก่อนอาจจะมีแค่แม่ ที่ถูกแย่งความรัก แต่ต่อไปต้องเป็นสรวงนังภาพิศ แกกับฉัน มันต้องจองเวรจองกรรมกัน”

คืนนั้น ภาพิศกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ในห้องโถง โดยมีอารักษ์คอยดูแลอยู่ข้างๆ กุมมือภาพิศไว้สีหน้าแช่มชื่นดีใจมาก แฉล้มถือกระเช้าผลไม้มาเยี่ยม ยิ้มอย่างมีเลศนัยขณะบอกภาพิศด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“โถๆๆๆ ตอนแรก ได้ยินว่าคุณเข้าโรงพยาบาล ฉันเป็นห่วงแทบแย่ ที่ไหนได้มีข่าวดี”
ภาพิศมองมา หันไปอ้อนสามี “ข่าวดีมั้ยคะคุณพี่”
อารักษ์แตะมือเบาๆ ยิ้มอย่างเอ็นดู “ดีสิจ๊ะ มีลูกเล็กๆ มาวิ่งเล่นในบ้าน สดชื่นดี พี่รู้สึก
กลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้งด้วย”



แฉล้มแซว “แบบนี้ท่านน่าจะเตะปี๊บอีกหลายๆ ใบนะคะ”
อารักษ์หัวเราะเสียงดัง ท่าทีพอใจมาก “เป็นความคิดที่เข้าท่าดี”
“ภาดีใจจังค่ะที่ได้ยินคุณพี่พูดอย่างนี้ อุ๊ปส์!” ภาพิศคลื่นไส้ ทำท่าจะอาเจียน
“รอเดี๋ยวนะ พี่ไปเอายาแก้แพ้ให้” อารักษ์กุลีกุจอเดินออกไป
แฉล้มเอียงหน้าเข้าหาภาพิศพูดกระซิบ “แผนคุณขั้นเทพอีกตามเคย ไปขโมยซีน
คุณหญิงสุดา แล้วยังได้ท่านกลับคืนมาด้วย รับรองเรื่องคุณท้อง พรุ่งนี้ข่าวตีกันกระจุยกระจายแน่”

ภาพิศยิ้มอย่างพอใจและสะใจ
จริงดังว่า เช้าวันต่อมา หนังสือพิมพ์บันเทิง-คนดัง แทบทุกฉบับ รวมทั้งสื่อออนไลน์ อินเตอร์เน็ต ประโคมข่าวอย่างครึกโครม

“นายพลคนดังเห่อทายาทคนใหม่” /
“น้ำยายังแรง นายพลคนดังเสกลูกเข้าท้องอนุสาว” /
“ลูกคนล่าสุดของพลตรีอารักษ์ ช่างมีวาสนา เกิดทับกองเงินกองทอง มรดกเพียบ” ฯลฯ

ทั้งสรวงและกรรณนรีอ่านข่าวดังกล่าวที่ออฟฟิศตัวเอง ด้วยใบหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน

เช้าเดียวกัน ภาพิศเดินออกจากห้องน้ำ มานั่งลงแต่งตัวที่หน้ากระจก เสียงมือถือดัง ภาพิศรับ
“เธอนี่มันนางมารร้าย จอมวางแผน จอมสร้างเรื่อง เธอจงใจทำให้แม่ฉันเจ็บปวด” เป็นสรวงโทร.มาจากห้องทำงานที่ออฟฟิศ
ภาพิศหัวเราะ “พี่เคยฟังแต่รายการแฉแต่เช้า...เพิ่งจะได้ฟัง...ด่าแต่เช้า ก็จากคุณสรวงนี่ล่ะค่ะ”
“ขนาดนี้แล้วเธอยังไม่รู้สึก” สรวงหยัน
“รู้สึกแล้วต้องทำยังไงคะ เอาลูกออก เลิกกับท่าน” ภาพิศหัวเราะ “ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้ทั้งสองอย่างอยู่แล้ว แล้วพี่จะสนใจคำด่าของคุณสรวงทำไม”
“แต่อย่างน้อยเธอควรละอายใจ นึกถึงหัวอกคนอื่นบ้าง” สรวงด่านิ่มๆ
ภาพิศยั่ว ทอดเสียงพูดกับลูกในท้อง “แม่พูดได้มั้ยลูก”
“ภาพิศ” สรวงโกรธมาก
ภาพิศหัวเราะ “อุ๊ย!ขอโทษ...พี่พูดได้มั้ยคะ ถ้าคุณสรวงบอกให้พี่นึกถึงหัวอกคนอื่น แล้วคุณสรวงนึกถึงหัวอกพี่บ้างหรือเปล่าคะ ถึงได้โทร.มาด่าคนท้องแต่เช้า เอาเป็นว่าครั้งนี้พี่ไม่ถือ แต่ถ้ามีครั้งต่อไป เรื่องถึงหูท่านแน่” ภาพิศกดวางสาย
สรวงเข่นเขี้ยว “ภาพิศ”
ภาพิศมองมือถือบอกกับตัวเอง “ฉันเคยมีลูกมาก่อน ฉันจะพยายามเข้าใจคุณ คุณสรวง!”

เวลาต่อมาภาพิศกอดอารักษ์ ขณะเดินออกมาส่งที่รถ อารักษ์บอกเสียงอ่อนโยน
“ถ้ามีอะไรผิดปกติรีบโทร.หาพี่นะ พี่เป็นห่วง”
“ค่ะคุณพี่”
อารักษ์ขับรถออกไป โดยไม่รู้ว่าที่ตรงบริเวณหน้าบ้านอีกมุมหนึ่ง สุดาจอดรถซุ่มดูอยู่ พอรถ
อารักษ์ลับตาไป สุดาก็ลงจากรถเดินลิ่วๆ มา ภาพิศกำลังจะปิดประตูบ้าน สุดาเอามือยันประตูเอาไว้
ภาพิศยิ้มเย้ย “โอ๊ะโอ คุณหญิงพี่! จะมาแสดงความยินดีกับ...” เน้นคำจงใจยั่ว “คุณหญิง
น้องหรือคะ?” ไวเท่าความคิดแอบกดมือถืออัดคลิปเอาไว้ทันที
“ฉันจะฟ้องแกนังเมียน้อย”
ภาพิศเย้ย “คิดช้าไปหรือเปล่าคะ? เพราะถ้าจะฟ้อง คุณหญิงพี่น่าจะทำตั้งแต่วันแรก หรือภายในหนึ่งปีที่รู้เรื่องค่ะ แต่นี่คุณหญิงพี่รับรู้มาเป็นสิบๆ ปี สังคมก็รู้กันมาเป็นสิบๆ ปี ฟ้องไปก็เท่านั้น คุณหญิงพี่เตรียมรับมือดีกว่า ว่าจะรับขวัญลูกคนสุดท้องของตระกูลอริยะวรรตด้วยอะไรดี”
“โลงศพแม่ลูกพร้อมกันเลยดีมั้ย แบบตายทั้งกลม”
“คุณหญิงพี่ใจร้ายกับน้องจังเลยนะคะ” ยกมือถือขึ้นโชว์
สุดามองมือถืออย่างตกใจ “แก”
ภาพิศกดปิด “อัดคลิป...ไม่มีเอาท์นะคะคุณพี่...จะผ่านไปนานแค่ไหน คลิปก็ยังใช้ได้ตลอด แล้วก็ยังใช้เป็นหลักฐาน คุณหญิงพี่หมายเอาชีวิตน้องกับลูก”
ภาพิศโผนเข้าไปจิกผมสุดาจนสุดาหน้าหงาย สุดามองกลัว ขณะที่ภาพิศคำราม
ภาพิศบอกเสียงโหด “อย่ายั่วให้ฉันทำ เพราะฉันเหี้ยมได้ไม่แพ้คุณ” ผลักออก “ต่างคนต่างอยู่ไม่งั้นคนที่จะต้องลงไปนอนในโลงก่อนจะเป็นคุณ”
สุดาแช่งอย่างเกลียดชัง “ลูกแกมันไม่มีทางได้ออกมาดูโลกหรอกนังภาพิศ”
“ฉันเคยเสียลูกเพราะการกระทำของฉันเอง แต่ฉันไม่มีวันเสียลูกเพราะการกระทำของคนอื่น”
“ก็ลองดู”
สุดาสะบัดหน้ากลับออกไปอย่างเกรี้ยวกราด ภาพิศเอามือลูบท้องตัวเองอย่างหวงแหน

สุดาก้าวเข้ามาในรถปิดประตูดังปัง ได้แต่ทุบพวงมาลัยด้วยความโกรธ
“นังภาพิศ ฉันเกลียดแก ฉันเกลียดแก คนอย่างแก มันวอนหาที่จริงๆ”
ภาพเหตุการณ์ตอนจ้างวานไอ้พลให้จับภาพิศไปเผาผุดขึ้นมาในหัว

ดวงตาของคุณหญิงสุดาเป็นประกายวาวโรจน์
เกริกวางหนังสือพิมพ์ในมือลงอย่างอ่อนแรง ท่าทางเสียใจมาก กาวินทร์ยิ้มเยาะในสีหน้า

“ฮึ! ดูแม่สิ ทำท่ายังกับไม่เคยมีลูก”
“แม่คงจะภูมิใจกับคนที่เป็นพ่อของลูกมากกว่า” เกริกว่า
กาวินทร์พูดเสียงจริงจัง สายตาอ่อนโยน “แต่ผมก็ภูมิใจ พ่อของผมมากกว่า”
เกริกมองหน้าลูกชาย กาวินทร์เดินมานั่งข้างพ่อ จับมือเอาไว้
“พ่อของผมหัวใจเทวดา ต่อให้แม่ทำผิด พ่อก็ไม่เคยโกรธ ไม่เคยว่าแม่ให้ลูกฟังไม่เหมือนนายอารักษ์ เหยียบย่ำหัวใจลูกเมียได้ทุกวัน คนใจอำมหิต”
เกริกมองลูกชาย กาวินทร์ยิ้มให้พ่อ มาลินีมองหน้าเกริก เข้าใจความรู้สึก

สองคนเดินออกมาด้วยกัน ที่หน้าบ้าน มาลินีเอ่ยขึ้น
“มดดีใจที่พี่แก้วรู้ว่า...คนที่ทำร้ายจิตใจลูกเมียเป็นคนอำมหิต”
กาวินทร์ยิ้ม พูดอย่างถือดี “เรื่องแค่นี้ ลูกผู้ชายควรคิดเป็น”
“งั้นพี่แก้ว ก็เลิกทำร้ายหัวใจผู้หญิงสิคะ”
กาวินทร์ชะงัก ตวัดสายตามามองมาลินี ไม่พอใจนัก
มาลินีพูดต่อ “เพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกทำร้ายจากการกระทำของพี่แก้ว มันหมายถึงครอบครัวเค้าถูกทำร้ายด้วย แล้วที่ผ่านมามันก็ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่หลายคน”
พูดจบมาลินีก็เดินหนี กาวินทร์อึ้งนิ่งงันไป
เย็นนั้นกรรณนรีเดินออกมาจากอาคารออฟฟิศ ด้วยท่าทางเศร้าๆ แต่ต้องชะงักที่เห็นสรวงจอดรถรออยู่ ดวงหน้าของสรวงที่จ้องมองมา ไม่แตกต่างจากดวงหน้าของกรรณนรีเลย

สรวงขับรถมาตามทาง ก่อนจะจอดที่ถนนสายหนึ่ง เดินลงมาพร้อมกรรณนรี
สรวงพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงขมขื่น “ผมควรทำยังไง ยินดี ต้อนรับสมาชิกใหม่? ยิ้มแย้ม มีความสุข เพื่อที่จะไม่ต้องถูกตราหน้าว่าอคติกับ…”
กรรณนรีต่อให้ “เมียน้อย”
สรวงมองกรรณนรี เห็นสีหน้าแววตาอันขมขื่นพอกัน กรรณนรีว่าต่อ
“คุณไม่ต้องพูดอะไร...ฉันเข้าใจ เพราะความรู้สึกของฉันไม่ได้ต่างจากคุณ เราสองคนต่างเจ็บปวดเหมือนกัน แต่ฉันทนได้....ฉันทนได้กับการเป็นลูกที่ถูกแม่ทิ้ง...แต่พ่อ..พ่อ..คงเสียใจ”
“แม่ของผมก็เสียใจ ทุกข์ใจ จนไม่อยากพบปะกับใคร โดยเฉพาะนักข่าว” สรวงมองหน้ากรรณนรี “และเมื่อแม่ไม่พูด ผมก็คงต้องพูดแทน”
“ฉันขอโทษที่ทำความลำบากใจให้กับคุณ...แต่ฉันเป็นนักข่าว ฉันมีหน้าที่ต้องถาม คุณคงเข้าใจ”
สรวงพยักหน้า “เข้าใจ” พลางยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “และผมก็คงต้องปั้นหน้า..ทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร”

สองคนมองหน้ากันเศร้าๆ แววตามีแต่ความขมขื่น

หลายวันต่อมา ช่วงตอนกลางวัน สามคนเดินมาด้วยกันตามทางเดินในห้างสรรพสินค้า นิคเอ่ยขึ้นหน้ายุ่ง

“กาวช่วยตบหน้าฉันทีเถอะ”
กรรณนรีงง “ทำไม”
“ฉันจะได้รู้ว่าฉันไม่ได้ฝันไป”
กรรณนรีงงหนัก ไม่เก็ต “อะไรของแกวะ”
“เอาน่า ตบหน้าฉันหน่อย”
กรรณนรีไม่ทันได้สนองนี้ด มะยมกลับยื่นมือมาตบเข้าที่หน้านิคเพียะๆๆๆ ติดๆ กัน นิคร้องลั่น
“เฮ้ย! แกตบฉันทำไมมะยม” นิคฉุน
“ก็ตบแทนกาวไง แล้วนี่มันเรื่องอะไรยะ ถึงได้คิดว่าฝันน่ะ”
“ไม่ได้คิดว่าฝันแต่อยากให้เป็นแค่ฝัน” นิคบอกคำเดิม
มะยมชักเซ็ง “อะไรของแก ยิ่งพูดยิ่งงง”
“พรีเซ็นเตอร์ยาสีฟัน Cool 2012 คือคุณขี้ไคล” นิคว่า
มะยมตาโต “หา! ยัยขี้ไคล”
สามคนทำหน้าเซ็งไปตามๆ กัน
ตรงลานจัดอีเว้นท์ภายในห้างสรรพสินค้าตอนกลางวัน สุขหฤทัยนั่งแต่งหน้าทำผมอยู่ในห้องแต่งตัวหลังเวที เตรียมที่จะออกมาเปิดตัวสินค้า นักข่าวถ่ายภาพ สุขหฤทัยวางท่าเป็นเซเลบ ปรายตามองกลุ่มกรรณนรีที่ยืนสังเกตุการณ์ด้วยกิริยาเหวี่ยงๆ
“โอ๊ย! จะตามมาอะไรนักหนา แต่งหน้ายังไม่เสร็จเลย ให้มีพื้นที่ส่วนตัวบ้างสิ”
นักข่าวต่างมองสุขหฤทัยอย่างไม่พอใจ นิคกระซิบมะยม กับกรรณนรี
“ยาสีฟัน Cool คิดผิดจริงๆ ว่ะ ที่จ้างยัยขี้ไคลมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ปากเหม็น ปากเน่า ปากเสียอย่างนี้ ใครจะกล้าใช้ตาม”
มะยมกระซิบเสริม “ใช่! ขืนใช้ ปากเน่า ปากเหม็นเหมือนพรีเซ็นเตอร์ แน่เลย นี่ถ้าเค้าไม่มาตามข่าวคุณสรวง จ้างให้ก็ไม่มีคนมาทำข่าวหล่อนหรอก”
กรรณนรีเอ็ด “รู้แล้วจะไปสนใจเค้าทำไม รอตามงานของเราดีกว่า”
มะยมยิ้มเยาะ “เดี๋ยวนางก็จะได้รู้ งานเปิดตัวยาสีฟันนาง มีแต่ข่าวคุณสรวง”

นิคหันไปเห็น “นั่นๆ คุณสรวงมาแล้ว”
ทีมงานแบ็คสเตจคนหนึ่ง เดินนำสรวงแหวกคนเข้ามาในห้องแต่งตัว สุขหฤทัยกรี๊ดกร๊าด

“สรวง...ฤทัยดีใจจัง ตอนแรกฤทัยกลั๊ว กลัว....กลัวว่าสรวงจะรำคาญ” มองจิกมาทางกลุ่มกรรณนรี “พวกแมลงสาป จนไม่กล้ามางาน”
สรวงมองกรรณนรี “ผมไม่เคยรำคาญใคร ...รับปากไว้แล้ว ยังไงก็ต้องมา”
กลุ่มนักข่าว กดถ่ายรูปและตะโกนเซ็งแซ่
“คุณสรวง..ขอสัมภาษณ์หน่อยค่ะ” / “คุณสรวง..ขอสัมภาษณ์หน่อยครับ”
ทีมงานขอตัวอย่างมีมารยาท “ขอโทษนะคะพี่ๆ น้องๆ ทุกคน...ขอเวลาให้เตรียมงานกันก่อน ไว้สัมภาษณ์หลังงานเปิดตัวสินค้านะคะ”
สรวงหันมามองที่กรรณนรี สุขหฤทัยไม่พอใจ มองกรรณนรีแล็วพูดเหน็บตามประสา
“ได้ยินมั้ยคะ ขอเวลาเตรียมงานกันก่อน ใครที่ไม่ใช่ทีมงานกรุณาออกไป”
กลุ่มนักข่าวเดินออกไป นิคบ่นอุบ
“ทำตัวเป็นซุปตาร์ เรื่องมาก ตอนเปิดตัวฉันจะถ่ายแต่ยาสีฟันไม่ให้ติดหน้ายัยขี้ไคลเลย คอยดู”

บนเวทีสุขหฤทัยสวยเฉิดฉายในชุดคอนเซ็ปต์พรีเซ็นเตอร์ ถือยาสีฟัน กำลังยืนโพสท่าให้ช่างภาพและสื่อมวลชนถ่ายรูป
“อยากฟัน สวย ขาว สะอาด ลมหายใจสดชื่นทั้งวัน ต้อง Cool 2012 ค่ะ”
สุขหฤทัยทำท่าพ่นลมปาก แอ๊คท่าให้ถ่ายรูป แต่นักข่าวกดชัตเตอร์ถ่ายกันหร็อมแหร็ม แชะ สองแชะ เพราะไม่ดัง
สุขหฤทัยงงถามวุ่นวาย “เอ้า! ทำไมไม่ถ่ายรูปกันล่ะคะ กล้องเสียเหรอคะ แบตหมดเหรอคะ ทำไมไม่รู้จักเตรียมมาให้พร้อม”
นิคตะโกนบอก “กล้องไม่ได้เสีย แบตไม่ได้หมดหรอกครับ”
สุขหฤทัยงงหนัก “ก็แล้วทำไมไม่ถ่าย”
“ภาพลักษณ์นางแบบขัดกับอิมเมจยาสีฟัน อีกอย่างที่เรามางานนี้ เพราะตั้งใจมาทำข่าวคุณสรวง ไม่ใช่คุณ” นิคบอก
สุขหฤทัยแว๊ด “แต่พ่อฉันจ้างทุกคนมาทำข่าวฉัน ยาสีฟันของฉันนะ”
นิคพูดตอกใส่หน้า “พอดีผมไม่ได้รับเงินพ่อคุณ”
มะยมตาม “ฉบับไหนรับ คุณก็ตามจิกเองค่ะ พวกเรามารอคุณสรวง”
สุขหฤทัยหน้าเหวอเอ๋อไปทันควัน จังหวะนั้นยินเสียงพิธีกรของงานประกาศดังขัดขึ้น
“และขอต้อนรับเซเลบหนุ่มคนดัง ที่มาแสดงความยินดีกับ Cool 2012 คุณสรวง อริยะวรรตครับ”
สรวงเดินยิ้มหล่อออกมา เป็นรอยยิ้มที่ดูไม่สดใสมากนัก เพราะสรวงมีเรื่องกลุ้มในใจอยู่ บรรดาช่างภาพกรูกันเข้าไปถ่ายรูปสรวง สุขหฤทัยหน้าเหวอ รีบเข้าไปยืนประกบถ่ายรูปกับสรวง
จังหวะนั้นกรรณนรีกับสรวงมองหน้ากัน ขณะที่นิคโคลสถ่ายเฉพาะสรวง
กรรณนรีว้าวุ่นคิดกังวลอยู่ในใจ “ถ้าลงมา...แล้วคุณต้องถูกรุมสัมภาษณ์เกี่ยวกับคุณภาพิศ คุณจะตอบยังไงคุณสรวง”

เวลาเดียวกันภาพิศที่สวยเฉิดฉายดุจนางพญาเดินมาตามทางในห้าง ในมือถือช่อดอกไม้มาด้วย ดวงหน้ายิ้มพรายเหมือนคิดแผนอะไรอยู่

สุขหฤทัยเอามือคล้องแขนสรวงแสดงความเป็นเจ้าของขณะเดินลงมาจากเวที บรรดานักข่าวเห็น ก็เตรียมไปสัมภาษณ์สรวง แต่สุขหฤทัยยิ้มหน้าระรื่นถามขึ้นก่อน
“Cool 2012 ใช้แล้วเป็นยังไงคะสรวง”
“ดีครับดี ฟัน ขาวสะอาด ลมหายใจหอมสดชื่นดี
สุขหฤทัยระริกระรี้ทำท่าเอาจมูกใกล้แก้มสรวง “หอม... ต้อง Cool 2012ค่า”
นักข่าวเข้าไปรุมสัมภาษณ์สรวงรวมทั้งกรรณนรี มะยม ส่วนนิคถามภาพ นักข่าวยิงคำถามทำนองเดียวกัน
“แล้วคุณสรวงคิดยังไงกับข่าวภาพิศท้องครับ” / “แล้วคุณสรวงคิดยังไงกับข่าวภาพิศท้องคะ”
นักข่าวอีกคนถามจี้จุด “ดีใจหรือเปล่าที่จะมีน้องที่เกิดจากคนละแม่”
กรรณนรีถามต่อ “ในเมื่อคุณสรวงไม่ชอบคุณภาพิศ คุณสรวงจะรับลูกคุณภาพิศเป็นน้องหรือ
เปล่าคะ?”
กรรณนรีกับสรวงจ้องหน้ากัน เจ็บปวดทั้งคู่ สรวงไม่ทันได้ตอบอะไร ภาพิศก็ปรากฏตัวขึ้นมาข้างๆ พร้อมรอยยิ้มหวาน
“รับสิคะ”

นักข่าวหันขวับไปตามเสียง “คุณภาพิศ”
ภาพิศยิ้มแย้มกับนักข่าว พูดด้วยใบหน้าระรื่น

“ทันทีที่ทราบว่าพี่มีน้อง คุณสรวงก็โทร.มาหาพี่ทันที”
กรรณนรีมองหน้าภาพิศ ขณะที่นิคกดชัตเตอร์ถ่ายภาพภาพิศและสรวงไม่ยั้ง ภาพิศยิ้มพูดเสียงหวาน
“วันนี้พอพี่รู้ว่าคุณสรวงจะมางาน พี่เลยเอาดอกไม้มาแสดงความ” เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นประชด
“ขอบคุณคุณสรวง” ยื่นช่อดอกไม้ให้พร้อมรอยยิ้มหวาน “ขอบคุณค่ะ ถ่ายรูปด้วยกันนะคะ”
พร้อมกันนั้นภาพิศรีบขยับไปยืนข้างสรวง นักข่าวถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ กรรณนรีมองภาพนั้น รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับสรวงและภาพิศ
สุขหฤทัยโมโหมาก เดินดิ่งตรงมาหาอย่างเอาเรื่อง
“งานของฉัน เธอเสนอหน้ามาทำไม ใครเชิญ” ปรี่เข้าหาด้วยกิริยากร่างเต็มองค์ “ออกไป๊”
ภาพิศแสร้งทำเป็นถอยหลัง หลบ พร้อมกับแกล้งซวนเซเหมือนจะล้มร้อง “ว๊าย”
จังหวะที่ภาพิศเหมือนจะล้มแล้ว กรรณนรีและนิครีบเข้าไปประคอง
กรรณนรีไม่พอใจมาก “คุณภาพิศท้อง ทำไมต้องทำกันอย่างนี้ด้วย”
“ฉันทำอะไร หล่อนล้มเองต่างหาก อย่ามารยานะภาพิศ” สุขหฤทัยปราดเข้ามาในอาการกราดเกรี้ยว
กรรณนรีเอาตัวเข้ามาขวาง บอกเสียงเข้ม “อย่านะ”
สรวงดึงมือสุขหฤทัยออก เผชิญหน้ากับกรรณนรีจังๆ สุขหฤทัยโกรธจัด
“เธอ” สุขหฤทัยพูดกับสรวง “สรวงจะห้ามทำไม? ไม่เห็นหรือไง ว่ามันแกล้ง”
นิคพูดสวนออกมา “ไม่มีใครแกล้งหรอก”
มะยมเสริม “ทำท่าจะตบขนาดนั้น เป็นใคร ใครก็ต้องหลบ”
“คุณฤทัยไม่ได้ตั้งใจ” สรวงบอก
กรรณนรีจ้องหน้าสรวงเขม็ง “แต่ถ้าเด็กในท้องคุณภาพิศเป็นอะไร คุณจะว่ายังไง”
ภาพิศรีบบอกเสียงหวาน “ไม่เป็นไรค่ะพี่ไม่เป็นไร...กำลังจะไปตรวจที่โรงพยาบาลพอดี...จะได้
ถือโอกาสตรวจเลย...ไม่มีอะไรแล้ว งั้นพี่กลับก่อนนะคะคุณสรวง ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่โทร.หาพี่”
ภาพิศยิ้มให้สรวงก่อนหมุนตัวออกไป นักข่าวอีกกลุ่มวิ่งตามภาพิศ สรวงโกรธมาก

ที่มุมหนึ่งในห้าง สรวงหลบมุมโทร.หาอารักษ์ ซึ่งตอนนั้นอยู่ที่สนามกอล์ฟ
“ผมไม่ยอมนะครับคุณพ่อ...ต่อให้ภาพิศไปป่าวประกาศ ผมก็ไม่มีวันยอมรับเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องเด็ดขาด”
อารักษ์ออกกอล์ฟอยู่กับหมอบุญยิ่ง คุยโทรศัพท์
“อะไรกันสรวง ภาพิศไปประกาศ ที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง”
“กลางงานเปิดตัว cool 2012 ยาสีฟันของสุขหฤทัย”
สีหน้าอารักษ์เครียดเคร่ง บุญยิ่งมองหนักใจแทน อารักษ์บอก “ภาพิศคงไม่ได้ตั้งใจ”
สรวงเข้ม “เค้าจงใจ เค้าตั้งใจมาครับ แต่ไม่ว่ายังไง ผมขอย้ำผมก็ไม่มีวันรับเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องเด็ดขาด” วางสายอย่างฉุนเฉียว
ที่ด้านหลังสรวง กรรณนรียืนฟังอยู่น้ำตาคลอ เจ็บช้ำเสียใจแทนภาพิศ
“เลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงคะ”
สรวงหันมามองตกใจ กรรณนรีพูดต่อเสียงเครือ ประชดประชัน
“ต่ำต้อย ด้อยค่า เป็นคนจนเหมือนฉัน...แต่ถึงยังไงฉันก็มีศักดิ์ศรี ฉันเองก็ไม่อยากได้เลือดเนื้อเชื้อไขของพวกคุณมาเป็นน้องเหมือนกัน”

กรรณนรีสะบัดหน้าวิ่งเข้าไปในห้าง..สรวงมองตามด้วยแววตาเสียใจ หนักใจ และกลุ้มใจ
ส่วนที่สนามกอล์ฟขณะนั้น อารักษ์ เอาแต่ถอนหายใจเฮือกๆ ขณะหารืออยู่กับหมอบุญยิ่ง

“ผมเป็นคนกลาง ผมก็ต้องทำแบบนี้ จะให้ผมตัดรอนใครได้ยังไง นั่นก็เมีย นี่ก็เมีย นั่นก็ลูก นี่ก็ลูก หมอเข้าใจผมใช่มั้ย”
“เข้าใจ...แต่ถ้าผมเป็นสรวง ผมอาจจะไม่เข้าใจ” บุญยิ่งว่า

สรวงนั่งหน้าหงิกหน้างอ อยู่หน้านพ ที่ออฟฟิศ
“อย่าหาว่าพี่ยุ่งเลยว่ะ นายนั่งกลุ้มอย่างนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? นายเป็นลูก ทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุดดีกว่า”
“ผมเป็นลูกทั้งของพ่อของแม่ แล้วผมควรทำยังไงในเมื่อพ่อดีใจ แต่แม่เสียใจ”
“ดูแลใจแม่ให้ดี เพราะแม่ต้องการกำลังใจ”
“แล้วพ่อ” สรวงย้อนถาม
“ก็ปล่อยพ่อไปไง ให้ท่านมีความสุขตามประสาท่าน เพราะตอนนี้ท่านคงไม่ได้คิดถึงสรวง คิดถึงแม่ เพราะท่านกำลังเห่อลูกคนใหม่” นพว่า
“แล้วพ่อปล่อยให้คนอื่นทุกข์น่ะหรือครับ”
“พี่ว่าไม่ใช่สรวงทุกข์คนเดียว ลูกของคุณภาพิศที่ถูกทิ้ง เค้าก็ต้องทุกข์ เค้าจะคิดยังไงที่คุณภาพิศมีความสุขกับลูกใหม่ แต่ทิ้งพวกเค้าไป หรือสรวงว่าไม่จริง”
สรวงนิ่งเงียบ

สรวงขับรถมาตามทาง ก่อนจะหักพวงมาลัยจอดข้างทาง กลุ้มจัด เสียงกรรณนรีก้องในหัว
“เลือดเนื้อเชื้อไขของฉันเป็นยังไง?” สรวงตัดสินใจขับรถไปทางบ้านกรรณนรี

กรรณนรีเดินมาตามทางในซอยหน้าบ้าน เสียงสรวงดังก้องในหัว
“ผมก็ไม่มีวันรับเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องเด็ดขาด”
กรรณนรีน้ำตาไหล พอเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสรวงยืนอยู่ กรรณนรีจ้องหน้าสรวง สะบัดหน้าเดินหนี สรวงเดินพรวดเดียวมาถึงกรรณนรี คว้าแขนสียงอ่อน
“เดี๋ยวก่อน....ฉันขอคุยด้วย”
“จะมาคุยอะไรกับฉัน?ในเมื่อ ฉันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของคนที่คุณรังเกียจ”
กรรณนรีสะบัดแขนออก น้ำตาไหลพราก
สรวงใจอ่อนยวบ “กรรณรี” เอื้อมมือหมายจะแตะ
กรรณนรีสะบัดออก ตะคอกเสียงดัง “อย่ามายุ่งกับฉัน รู้ไว้..ถึงเค้าจะไม่ยอมรับฉันเป็นลูก แต่ฉันก็เป็นลูกเค้า ฉันทนไม่ได้ ที่คุณมาเหยียดหยามแม่ ดูถูกแม่เพราะเลือดส่วนหนึ่งในตัวฉันมันคือเลือดของแม่”
“กรรณรี” สรวงจะคว้าตัวกรรณนรีมากอด
“หลีกไป” กรรณนรีผลักสรวงวิ่งหนีไป สรวงตะโกน
“เดี๋ยวก่อน กรรณนรี กรรณนรี” สรวงวิ่งตาม

ไม่นานนัก กรรณนรีวิ่งหนีมาที่ข้างทางริมน้ำใกล้ๆ สรวงวิ่งตามมาจนทันและจะกระชากร่างของกรรณนรีมากอดไว้ในอ้อมแขน
กรรณนรีดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง “ปล่อยฉัน ปล่อย”
“ไม่ปล่อย”
“ปล่อย”
สรวงบอกเสียงเข้ม “ไม่..จนกว่าเธอจะฟังฉัน”
กรรณนรียังถูกสรวงกอดเอาไว้ ร้องไห้ออกมา “จะให้ฉันฟังอะไร? คุณคิดว่าฉันอยากมีน้องนักเหรอ พ่อฉัน พี่ฉันไม่มีใครอยากมี โดยเฉพาะเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกคุณ” กรรณนรีดิ้นขื่นตัว
“หยุด! กรรณรี”
สรวงร้องห้าม พร้อมกับกระชับกอดกรรณนรีแน่น จนกรรณนรีอ่อนแรง ซบหน้าลงกับอกของเขาร้องไห้ สรวงกอดกรรณนรีอยู่อย่างนั้น
“ฉันเจ็บจากการกระทำของแม่ไม่พอ ฉันยังต้องมาเจ็บกับคำพูดของคุณอีกฉันถามหน่อยคุณสรวง ฉันผิดอะไร ฉันทำผิดอะไร” กรรณนรีสุดกลั้น ร้องไห้โฮออกมา
“คุณไม่ผิดหรอก ผมผิดเอง ผมขอโทษ”
สรวงพูดพร่ำ ก่อนจะโน้มหน้าลง ค่อยๆ จูบปลอบกรรณนรีที่หน้าผาก ไล่มาที่จมูกอย่างละมุนละไม สายตาของกรรณนรีและสรวงประสานกัน ก่อนที่สรวงจะบรรจงจูบที่ริมฝีปากของกรรณนรีอย่างแผ่วเบาและตราตรึง

สองคนไม่รู้ว่า ที่อีกมุมหนึ่ง ภรตจอดรถมองอยู่นานแล้ว ด้วยแววตาแสนเจ็บปวดและร้าวรานเป็นที่สุด
ตรงบริเวณข้างทางริมน้ำบรรยากาศสวยงามยามค่ำคืนขณะนั้น สรวงกับกาวมองจ้องหน้ากัน สองคนต่างซึมซับรับรู้ได้ถึงความรู้สึก ‘บางอย่าง’ ที่มีให้กันและกัน กรรณนรีน้ำตาไหล ความรู้สึกน้อยใจพุ่งขึ้นมาอีก กรรณนรีผละออกจะวิ่งหนีไป แต่วิ่งสรวงตามมาคว้าข้อมือกรรณนรีรั้งร่างมากอดแนบแน่น

กรรณนรีตกใจ “คุณสรวง”
สรวงกอดกรรณนรีอยู่อย่างนั้น “อย่าโกรธฉัน สิ่งที่ฉันทำกับเธอ มันไม่ใช่ความมักง่าย”
กรรณนรีหันมามองสรวงทั้งตกใจทั้งแปลกใจ สรวงพูดต่อเสียงแผ่ว
“เธอรู้ใช่มั้ย...จริงๆ แล้ว ฉันรู้สึกยังไงกับเธอ”
ได้ฟังลึกๆ แล้วกรรณนรีดีใจ “คุณสรวง” มองสบตา “แต่มันเป็นไปไม่ได้” น้ำตารินไหล “และเราก็ไม่ควรเจอกันอีก” กรรณนรีผลักสรวงออกแล้ววิ่งหนีไป
สรวงตะโกนเรียก “กรรณนรี..กรรณนรี”
ทว่ากรรณนรีไม่ยอมหันกลับมา สรวงยืนนิ่ง สับสนว้าวุ่นใจหนัก

กลับถึงบ้านกรรณนรีเปิดประตูเข้ามาในห้อง ร้องไห้ บอกตัวเองอยู่ในใจอย่างเจ็บปวด
“ทำไมๆ ต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับเรา....อย่านะกาว ห้ามใจไว้ อย่ารู้สึกอะไรกับเค้าเด็ดขาด”
กรรณนรีเช็ดน้ำตา ทำเป็นฮึดเข้มแข็ง แต่สุดท้ายน้ำตาก็ไหลรินออกมาอยู่ดี

สรวงขับรถมาตามทาง ก่อนจะหักเลี้ยวเบนรถเข้าจอดที่ข้างทาง สีหน้าเครียดจัด พูดอยู่ในใจ
“อย่านะสรวง...กรรณรีคือลูกของศัตรู”
สรวงซบหน้าลงกับพวงมาลัย เครียดมาก

คืนเดียวกันนั้นภาพิศเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนหยิบมือถือขึ้นมากดโทร.ออก
เวลาเดียวกันสุดาอยู่ที่บ้านคว้ามือถือ เห็นเบอร์ก็ตาวาว “นังภาพิศ” สุดากดรับสาย
จังหวะนั้นอารักษ์เดินถือแก้วนมเข้ามา ภาพิศรีบเอามือถือวางไว้ข้างๆ ตัว ตั้งใจให้สุดาได้ยินทุกอย่าง
“ดื่มนมแล้วก็พักผ่อนเยอะๆ อยากทานอะไรบอกพี่ พี่จะหามาให้”
“คุณพี่หาให้ภาทุกอย่าง จนภาไม่อยากได้อะไรแล้วค่ะ”
สุดาฟังอยู่ กำมือถือแน่น ดวงตามีแต่ความสะเทือนใจ ยินเสียงอารักษ์หัวเราะ
“ก็พี่รักภา รักลูกของพี่นี่”
“ภาก็รักคุณพี่คะ....เหนื่อยมากมั้ยคะวันนี้ เดี๋ยวภานวดให้” ภาพิศนวดให้
“พี่สิต้องนวดให้ภา...คนท้องคนไส้ ร่างกายต้องผ่อนคลายรู้มั้ย”
ภาพิศหัวเราะออดอ้อน รสุดาน้ำตาไหลพราก อกแทบระเบิด สีหน้าเจ็บปวดมาก

ภรตนั่งอยู่ในผับแห่งหนึ่ง ดื่มอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน กาวินทร์เดินเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“อ้าว!ภรต ทำไมมานั่งดื่มอย่างนี้ล่ะ? ปกตินายไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่หว่า”
“ก็ทำอะไรที่มันไม่ปกติมั่ง” ภรตพูดเสียงประชด
กาวินทร์ยิ้มขำ “ประชด แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ภรตถึงได้ทำตัวผิดคอนเซ็ปท์ผู้ชายที่แสนดี เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ”
“ไม่รู้จะทำตัวดีไปทำไม สุดท้ายผู้หญิงก็ชอบคนเลวอยู่ดี โดยเฉพาะ..พวกปากว่ามือถึง” เดินออกไป
กาวินทร์งง “ภรต ภรต” รีบตามไปทันที
สุขหฤทัยอยู่ที่อยู่อีกมุมเห็นพอดี “พี่ยัยนักข่าวคนนั้นนี่” รีบตามไปติดๆ

ภรตเดินออกมาหน้าผับ กาวินทร์ตามออกมา
“เดี๋ยวก่อนภรต เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่านายพูดถึงกาว”
“แกก็รู้ว่าฉันชอบใคร?”
กาวินทร์ตกใจ “กาว กาวทำอะไร”
“กาวไม่ได้ทำ แต่คุณสรวง...” อึดอัดใจพูดไม่ออก รู้สึกเจ็บช้ำ “คุณสรวง”
จังหวะเดียวกันสุขหฤทัยเดินออกมาได้ยิน ในขณะที่กาวินทร์ถามแทบตะคอก
“ทำไม? ไอ้หมอนั่นทำอะไรกาว”
“ไม่ถือว่าเค้าทำอะไรกาวหรอก” น้ำเสียงขมขื่นใจมาก “เพราะกาวเต็มใจให้เค้าทำ” ภรตเดินเข้าไปในผับ
กาวินทร์ตกใจมาก “ไอ้สรวง” เดินออกไปที่ลานจอดรถ
สีหน้าสุขหฤทัยทั้งโกรธทั้งตกใจ กับเรื่องที่ได้ยิน

กาวินทร์หน้าเครียดเดินตรงไปที่รถ สุขหฤทัยตามมา ตะคอก วางอำนาจใส่
“แกยังไปไม่ได้
กาวินทร์หันกลับมามอง พอเห็นเป็นสุขฤทัยก็ยิ้มแสยะ เอื้อมมือมาจับประตูรถไม่สนใจ
สุขหฤทัยโกรธมากถลันมาขวางที่ตรงหน้า “เอ๊ะ!แกนี่ไม่ได้ยินรึไง ฉันบอกยังไปไม่ได้”
กาวินทร์โกรธมากรุ่นๆ “เป็นบ้าหรือคุณ หลีกไป”
“ไม่หลีก! จนกว่าแกจะฟังฉัน รู้ไว้น้องแกน่ะแย่งแฟนฉัน”
กาวินทร์โกรธ ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มเย้ย “ไม่มีทาง เพราะคนอย่างคุณ คงไม่มีใครเอามาเป็นแฟน”
“ไอ้” สุขหฤทัยเงื้อมือจะตบ
กาวินทร์จับข้อมือหมับ “หยุด! ผมไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิง” ผลักมือออก แล้วเดินหนีไปทางรถที่จอดอยู่
สุขหฤทัยมองตามโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ลูกน้องพ่อสุขหฤทัยที่คอยอารักขา 2 คนเดินออกมาพอดี
“จัดการ” สุขหฤทัยสั่งเสียงกร้าว
ลูกน้องตามกาวินทร์ไป และก่อนที่กาวินทร์จะขึ้นรถ ลูกน้องสุขหฤทัยก็ชกและอุ้มไปอย่างรวดเร็ว

รถของกาวินทร์แล่นมาจอดโดยมีลกน้องสุขฤทัยเป็นคนขับมา ตามด้วยรถของสุขหฤทัย ก่อนที่พวกลูกน้องจะลากกาวินทร์ลงมา จัดการซ้อมจัดหนักชนิดรุมยำบาทา จนทรุดตัวลงไปนอนกองกับพื้น กาวินทร์ยังพอมีสติ เห็นสุขหฤทัยเดินถือขวดน้ำเข้ามา

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 4/2 วันที่ 13 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager