@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 4/4 วันที่ 15 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 4/4 วันที่ 15 ก.ย. 55

“ไม่ได้ประชด แต่ถ้ารังเกียจฉัน อยากกลับขนาดนั้น ก็เดินกลับไปสิ ฝ่าสายฝนไปเลย”
กรรณนรีจ้องหน้า “อย่าท้านะคุณสรวง”
“ไม่ได้ท้า แล้วฉันก็ไม่ได้ผูกขาเธอไว้ซักหน่อย”
กรรณนรีมองสรวง แล้วเดินออกไปอย่างโมโห สรวงเรียกไว้
“เดี๋ยว...” กรรณนรีหันมามอง สรวงกวน “เธอลืมกระเป๋า” สรวงคว้ากระเป๋ายื่นให้
กรรณนรีคว้ากระเป๋า มองค้อนขวับก้าวฉับๆ ออกไปจริงๆ สรวงตกใจ

“เฮ้ย! เธอ เอาจริงเหรอเนี่ย? หยุดๆ” กรรณนรีไม่หยุด สรวงรีบวิ่งออกไป

กรรณนรีวิ่งออกมาท่ามกลางฝนตกหนัก โดยมีสรวงวิ่งตามมาพร้อมกับตะโกนเรียกให้หยุด
“หยุด! กรรณรี หยุด” วิ่งมาจนทันแล้วกระชากตัวให้หันมา
กรรณนรีดิ้นรนขัดขืน “ปล่อยฉัน ปล่อย”
จังหวะที่กรรณนรีดิ้นนั้น เท้าของกรรณนรีเกิดลื่น จนเสียหลัก และทำให้สองคนล้มลงไป สรวงประคองกอดกรรณนรีเอาไว้
สรวงกอดกรรณนรีแน่น “ทำไมเธอบ้าอย่างนี้”



กรรณนรีโกรธ งอนใส่ “ก็เพราะฉันอยู่กับคนบ้าอย่างคุณไง”
“งั้นคนบ้าก็ทำอะไรไม่ผิดใช่มั้ย?” สรวงมองกรรณนรีอย่างอ่อนโยนปนเย้า สายตาหวานซึ้ง
กรรณนรีงง “อะไรของคุณอีก”
สรวงโน้มหน้าลงมาใกล้หน้ากรรณนรี ตาต่อตาประสานกัน สรวงทำเหมือนจะจูบ กรรณนรีตกใจร้องเสียงสั่น
“อย่า”
สรวงหัวเราะเบาๆ “คิดว่าฉันจะทำอะไร? ฉันแค่จะบอกว่า...ฉันจะปล่อยให้เธอเดินตากฝนไปได้ยังไง”
กรรณนรีมองด้วยแววตาซึ้ง สรวงแหงนหน้ามองท้องฟ้า อมยิ้มแกล้งพูดยั่ว
“ไว้ฝนหยุดตกก่อน เธอค่อยเดิน”
กรรณนรีอมยิ้มอย่างหมั่นไส้ ทุบตีสรวงพัลวัน “คุณสรวง”
สรวงลุกขึ้นยื่นมือให้กรรณนรีจับ “กลับเข้าบ้านก่อน ตากฝนมากๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย” กรรณนรียืนนิ่ง ไม่ชอบให้ออกคำสั่ง สรวงพูดขึ้นอีก “หรือจะให้ผมอุ้ม”
กรรณนรีประชด “อุ้มไหว ก็อุ้มสิ”
“มะ..งั้นขออุ้มหน่อย” สรวงทำท่าจะอุ้มเอาจริง
กรรณนรีหัวเราะขำ “คุณนี่”

กรรณนรีวิ่งหนี สรวงวิ่งตาม ราวกับคู่รักหยอกล้อกันอย่างน่ารัก
ท่ามกลางฝนที่กำลังโปรยสาย มะยมนอนเหงาอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลคนเดียว

“ป่านนี้กาวเป็นยังไงเนี่ย?” โทร.หา “ไม่รับสายอีก โทร.หานิคดีกว่า”
มะยมกดสายโทร.หานิคซึ่งตอนนั้นอยู่ออฟฟิศ นิคทำงานวุ่นอยู่รับมือถือ
“ว่าไง? หายไปไหนกัน ทั้งแกทั้งกาว”
มะยมอ้ำอึ้ง “กาว ติดธุระน่ะ ส่วนฉัน..อยู่โรงพยาบาล”
“ไปทำข่าวใครที่โรงพยาบาลวะ?” นิคตกใจ “เฮ้ย!อย่าบอกนะว่าคุณภาพิศแท้ง”
“ปากสุนัขขี้เรื้อนสมกับยัยขี้ไคลด่าแกจริงๆ เลย พูดจาไม่เป็นมงคล” มะยมด่า
“เอ๊า!ก็แล้วแกไปทำไมที่โรงพยาบาลล่ะ”
“ฉันไม่สบาย” มะยมบอกแล้วรอฟังลุ้นๆ นิคจะว่าอะไร
นิคหัวเราะ “ไปให้หมอผ่าหมาออกจากปากรึไงแก”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น แกก็ควรมาผ่าหมาออกจากปากพร้อมกันกับฉันไอ้นิค”
นิคหัวเราะ ยังไม่ทันพูดอะไรเพื่อนก็ตะโกนบอก เพื่อนถือโทรศัพท์ออฟฟิศอยู่
“นิคพี่จ๋าโทร.มา”
“ครับ” บอกกับมะยม “แค่นี้นะมะยม พี่จ๋าโทร.มา”
นิควางสายโดยไม่ได้ถามอาการมะยมเลยซักคำ

สายฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำลงมา มะยมทอดสายตามองเม็ดฝนอย่างเดียวดาย เศร้าจับจิต คิดอยู่ในใจ “ลูกที่ไม่มีพ่อแม่ คนที่ไม่มีใคร เวลาเจ็บป่วย มันอ้างว้าง โดดเดี่ยวอย่างนี้เอง”
ยินเสียงเคาะประตู มะยมหันไปมอง
นพเปิดประตูเข้ามาหิ้วของมาเต็มสองมือ “ทานอะไรบ้างหรือยังคุณมะยม”
มะยมมองอย่างแปลกใจ ก่อนจะยิ้มดีใจที่มีคนมาเยี่ยม “คุณนพ...ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยม หอบอะไรมาเยอะแยะคะ”
นพยิ้มอย่างเป็นมิตรไม่ได้คิดจีบ “ของกิน...กลัวคุณทานอาหารไม่อร่อยน่ะ นี่มีทั้งโจ๊กกุ้งบะหมี่เป็ดย่างเจ้าอร่อย ติ่มซำ กระเพาะปลา น้ำเต้าหู้ เต้าทึง...” นพร่ายยังไม่หมด
มะยมหัวเราะ พูดแทรก “ทำไมเยอะแยะอย่างนี้คะ จะให้มะยมอยู่โรงพยาบาลกี่วัน”
นพหัวเราะร่า “ผมไม่ทราบน่ะครับว่าคุณมะยมชอบทานอะไร เลยซื้อมาเผื่อหลายอย่างหน่อย ตกลงคุณมะยมจะทานอะไรครับ...ผมจะแกะใส่ชามให้”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวมะยมจัดการเอง”
“แล้วนี่เพื่อนๆ กลับไปแล้วเหรอครับ”
มะยมหน้าเจื่อน “ติดงานปิดเล่มน่ะค่ะ กาวก็ยังติดต่อไม่ได้”
“เฮ้อ! ไม่รู้นายสรวงทำอะไร แต่คุณมะยมไม่ต้องห่วงนะครับ ..นายสรวงเป็นสุภาพบุรุษ ผมมั่นใจ คุณกาวจะปลอดภัย ผมกลับก่อนนะครับ คุณมะยมจะได้พักผ่อน แล้วเจอกัน”
มะยมยิ้ม “ขอบคุณอีกครั้งค่ะ..ฝนตก ขับรถดีๆ นะคะ”
“ขอบคุณคร้าบ”
สองคนยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตรก่อนที่นพจะเดินออกไป
มะยมมองของฝากบนโต๊ะ ยิ้มหน้าบาน

นพกลับมาถึงบ้าน พอปิดประตูเข้าบ้านมา นาที่ยืนรอหน้าบึ้งตึง ถามขึ้นเสียงเหี้ยม
“ไปไหนมา”
“ถามได้...ก็ไปทำงานสิจ้ะที่รัก”
“คิดยังไงถึงกล้ามาโกหกฉัน”
นพงงจริง “ผมโกหกอะไร”
“ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ นอกจากที่ทำงาน จะไปนอกเส้นทางตรงไหน ต้องรายงานฉัน ต้องบอกกล่าวฉัน”
นพอึ้งไม่ได้ตั้งใจโกหก แต่ไม่ได้นึกถึง หรือให้ความสำคัญ “ก็ผมไม่ได้ไปไหนเลย”
นาเดือดดาล “ไม่ได้ไปไหนเหรอ มานี่เลยคุณนพ มานี่เลย” ลากหูนพออกไปหน้าบ้าน

นาลากหูนพออกมาที่รถ ตะเบ็งเสียงดังลั่น “เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
“จ้ะๆๆๆ” นพรีบเปิดให้
นากระชากประตูออก ชี้ไปที่เข็มไมล์ “ที่ทำงานกับที่บ้านห่างกัน 10 กิโล ไปกลับ 20 กิโล นี่เกินมา 30 กิโล บอกฉันมาคุณไปไหน”
“อ๋อ!! ผมไปตามนายสรวง” นพบอก
“ตามคุณสรวง” นาบิดหูกระชากๆ “นี่คุณคิดว่าฉันโง่ใช่มั้ย ถึงกล้าโกหกฉันน่ะคุณไปกับนังนักข่าวที่ชื่อมะยม คิดว่าฉันไม่รู้รึไง”
นพเจ็บ ร้องโอดโอย “โอ๋ๆๆๆ..เค้าไม่สบาย ผมก็แค่ไปเยี่ยมเค้าที่โรงพยาบาล”
“งั้น...ตอนนี้คุณก็เข้าโรงพยาบาลแทนมันแล้วกัน”
จากนั้นนาก็ทั้งตบทั้งตีทั้งหยิกทั้งทุบนพพัลวัน นพร้องโอดโอยขณะที่นาด่าอีก
“สำนึกซะบ้าง คุณมีวันนี้เพราะใคร ไม่ใช่พอได้ดิบได้ดีแล้วดีแตก”
นาจ้องมองตาเขม็ง นพหน้าเสียรู้สึกไม่ดีเลย

ด้านสุขหฤทัยเดินกระฟัดกระเฟียดหน้าบึงตึง โกรธเอามากๆ
“คุณหญิงแม่ไม่หวง แต่ฤทัยหวง ว่าที่สามีของฤทัย”
สุขหฤทัยกดมือถือโทร.ออก

กรรณนรีอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตของสรวง ท่าทีขัดๆ เขินๆ สรวงมองอมยิ้ม
“เธอใส่แบบนี้น่ารักดี”
“จะบอกว่าใส่เสื้อคุณ แล้วทำให้ฉันดูดีงั้นเถอะ แต่ขอโทษ...ฉันไม่ใส่นานหรอก..รอเสื้อฉันแห้ง ฉันก็จะเปลี่ยนคืน”
“อ๋อ...กลัวหลงใหลกลิ่นตัวผม เอาไปฝันหวาน” สรวงยั่วพลางเย้า
“เปล่า..กลัวปากเสีย เหมือนคุณ”
“เธอ” สรวงขำ ขยับจะเดินเข้าไปหาเอาเรื่อง แต่มือถือดังขัดขึ้น กรรณนรีโล่งใจ สรวงคว้ามือถือชี้หน้าคาดโทษ “เดี๋ยวกลับมาคิดบัญชี” เดินออกไปพลางรับโทรศัพท์ ซึ่งกรรณนรีได้ยิน
“มีอะไรฤทัย”

สุขหฤทัยยิ้มดีใจที่สรวงรับสายแต่โกรธที่รู้ว่ามากับกรรณนรี
สุขหฤทัยเหน็บ “สรวงขา...สรวงอยู่ที่ไหน? รีบออกมาจากนังกรรณรีเดี๋ยวนี้นะคะ มันวางแผนจะจับคุณ”
“ผมนี่แหละ จับเค้า” สรวงว่าหน้านิ่ง
สุขหฤทัยกรี๊ด “ฤทัยไม่ยอม! สรวงทำอย่างนี้กับฤทัยได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
สุขหฤทัยชะงัก “หมายความว่า...สรวงรักนังนั่น”
กรรณนรีเดินตามออกมา ได้ยินสรวงบอกกรรณนรี
“ผมไม่มีวันและไม่มีทางรักกรรณรีเด็ดขาด”
กรรณนรีพูดสวนออกมา “ฉันทราบค่ะ”
สรวงหันไปมองสีหน้าตกใจ “กรรณรี” กรรณนรีสะบัดตัวเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างโกรธๆ สรวงตามติด
“สรวงคะสรวง...สรวง!!”

สุขหฤทัยได้แต่กรี๊ดสรวงวางสายไปแล้ว
กรรณนรียืนนิ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยเจ็บปวด น้อยใจ เสียใจ

“ฉันรู้ว่าคุณเกลียดฉัน แต่คุณไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศบอกคนอื่น”
สรวงรู้สึกเสียใจ “มันจำเป็น”
“เพราะเค้าเป็นแฟนคุณ” กรรณนรีบอก
สรวงพูดเสียงเข้ม “ฉันบอกแล้วว่าฤทัยไม่ใช่แฟนฉัน ที่ฉันพูดไปเพราะปกป้องเธอ”
กรรณนรีเยาะ “ปกป้อง ด้วยการตะโกนด่าให้ฉันอาย”
“หรือเธอจะให้ฉันบอก ว่าเรารู้สึกยังไงต่อกัน หลังจากนั้น...เค้าจะได้ตามมาราวีเธอ” สรวงยัวะ
กรรณนรีพูดอย่างถือดี “ฉันดูแลตัวเองได้”
“แน่ใจ?” พลางเดินเข้าใกล้ กรรณนรีถอยกลัว “ถ้าดูแลตัวเองได้ แล้วเธอจะกลัวฉันทำไม”
กรรณนรีนิ่งมองสรวงหน้างอ สรวงพูดจริงจัง
“ถ้าฉันจะทำอะไรเธอ เธอไม่รอดหรอกกรรณรี เพราะฉะนั้นฟังฉันบ้างเถอะปัญหาที่เรามีมันมากพออยู่แล้ว อย่าสร้างปัญหาระหว่างเราสองคนขึ้นมาอีกเลย” สองคนมองหน้ากันเหมือนจะเห็นใจ เข้าใจกัน “ดึกมากแล้ว นอนเถอะ”
สรวงเดินเลี่ยงไปล้มตัวลงนอนที่พื้น หันหลังให้ กรรณนรีมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงบนเตียง

สุขหฤทัยแต่งตัวสวยเปรี้ยว เดินลิ่วออกมาจากบ้าน ตรงไปที่รถ
“ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่กันสองต่อสองอย่างนั้นจะไปเหลืออะไร? นังกรรณรีฉันจะไปบอกพี่ชายแกให้ลากคอแกกลับมา”
สุขหฤทัยขึ้นรถขับทะยานออกไปด้วยแรงอารมณ์

ภายในผับประจำ กาวินทร์นั่งดื่มกินอยู่กับเพื่อนร่วมก๊วน ยินเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งบอก
“ถ้าฉันเป็นแก เจอรุมกระทืบอย่างนั้น ฉันไม่ยอม”
กาวินทร์เสียงอ่อย “ฉันไม่อยากมีเรื่องให้พ่อกลุ้มใจ อีกอย่าง น้องฉันก็ผิดเองที่ไปยุ่งกับแฟนคนอื่น” กาวินทร์ทำหน้าอ่อนใจ

จังหวะนั้นสุขหฤทัยเดินเข้ามาที่ด้านหลังกาวินทร์ พอไปถึงก็กระชากไหล่กาวินทร์อย่างแรง จนกาวินทร์เซ ผงะหงาย เพื่อนของกาวินทร์ทั้งชายหญิงลุกพรวดขึ้นมา กาวินทร์โบกมือห้าม
“ไม่มีอะไร เพื่อนกัน” เพื่อนๆ นั่งลง
สุขหฤทัยแว๊ด “ฉันไม่ใช่เพื่อนแก”
“นี่คุณ ผมอุตส่าห์ช่วยไม่ให้มีเรื่อง แต่คุณอยากมีเรื่องใช่มั้ย”
“ใช่! เพราะน้องสาวแกมันสำส่อน หน้าด้าน ด่าก็แล้วห้ามก็แล้ว ยังมายั่วแฟนฉันอยู่ได้ เท่านั้นไม่พอ มันยังฉกแฟนฉันไปกก ได้ยินมั้ยน้องแกฉกแฟนฉันไปกก”
กาวินทร์ชะงัก “อะไรนะ”
“ไม่ต้องทำเป็นไม่ได้ยิน” เอาสองมือผลักอกกาวินทร์ “น้องแก เป็นงูพิษมันฉกเอาแฟนฉันไปแล้ว”
กาวินทร์โกรธจัดพูดเบาๆ “กาว” เดินพรวดออกไป
“แกจะไปไหน อย่าหนีนะ อย่าหนี” สุขหฤทัยรีบตามไป

กาวินทร์ควักมือถือออกมา กำลังจะกดโทร.ออก
“น้องไม่รักดี ถ้าแกไปกับไอ้สรวงจริงๆ พี่จัดการแกแน่กาว”
พอดีกับที่สุขหฤทัยวิ่งตามมาทันปัดมือกาวินทร์ จนมือถือกาวินทร์หล่น
“เฮ้ย”
สุขหฤทัยไม่สนใจ “อย่าหนีไปไหน แกต้องจัดการน้องแกให้ฉัน เอาแฟนฉันคืนมา”
กาวินทร์ลมออกหูแล้ว “น้องผมไปกับแฟนคุณใช่มั้ย”
สุขหฤทัยพูดใส่หน้า “ใช่”
“ได้..ผมจะจัดการให้...” เย้ยหยัน “งั้นผมจะไปกับคุณเอง” คว้ามือสุขหฤทัย “มานี่”
สุขหฤทัยทั้งงงทั้งตกใจ “อะไรของแก ปล่อยฉัน ปล่อย”
กาวินทร์ก้มลงคว้ามือถือ ยัดใส่กระเป๋ากางเกง ส่วนอีกมือลากสุขหฤทัย ขึ้นรถขับออกไป
สุขหฤทัยโชคร้ายเพราะไม่มีคนของพ่อติดตามเหมือนทุกวัน

กาวินทร์ขับรถเข้ามาจอดหน้าห้องพักของโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง สุขหฤทัยกรี๊ดๆ ตกใจ
“ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ ปล่อย” ถอยหลังกรูดจนตัวชิดติดเบาะ
กาวินทร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ยั่ว “น้องผมไปกับแฟนคุณ...ผมก็สละตัวเอง มากับคุณ
เพื่อเป็นการไถ่โทษไง มานี่”
กาวินทร์กระชากร่างสุขหฤทัยเข้าไปในห้อง เหวี่ยงลงไปที่เตียงอย่างแรง ร่างของสุขหฤทัยเซหลุนๆ ตกเตียง กาวินทร์ตามไปกระชากลากขึ้นมาบนเตียง โถมตัวเข้าหา
สุขหฤทัยมองหน้า ท่าทีหวาดกลัว “อย่าทำอะไรฉันนะ อย่า”
กาวินทร์มองด้วยโลมเลียทั่วร่าง พูดหยัน “จะกลัวทำไม๊....ท่าทางคุณผ่านผู้ชายมาแล้วนับสิบ”
“ไอ้บ้า” สุขหฤทัยบันดาลโทสะตบหน้ากาวินทร์เสียงดังเผียะ
กาวินทร์โกรธจัด “นี่เธอ! ฉันไม่ใช่พระเอกในละครนะที่จะมาตบจูบเธอน่ะ” ยื่นหน้าเข้า
ไปใกล้มองด้วยแววตาโหดเหี้ยม “เธอตบฉันมากๆ เธออาจตายอย่างเดียว”
สุขหฤทัยตกใจ รีบยกมือไหว้ “อย่าทำฉันนะ...ฉันกลัว”
กาวินทร์โถมตัวเข้าหาจนสุขหฤทัยล้มลงบนเตียง กาวินทร์ขยับตัวขึ้นทาบทับ มองด้วยแววตาน่ากลัว “ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก เพราะฉันไม่ได้พิศวาสเธอ แถมยังรังเกียจด้วยซ้ำ แต่ถ้าฉัน...” หยิบมือถือออกมา ทำท่าถ่าย “ถ่ายคลิปเอาไว้....เธอว่าคนเห็นผู้ชาย ผู้หญิง กอดกันอย่างนี้ จูบกันอย่างนี้”โน้มหน้าเข้าไปจูบแก้มสุขหฤทัยอย่างรวดเร็ว “ในม่านรูด เค้าจะคิดยังไง? เค้าคงไม่ใจดี คิดว่าฉันปล่อยเธอหรอกนะ”
สุขหฤทัยโกรธจนตัวสั่น “แก”
“ฉันจะอัพคลิปนี้ทันที ถ้าเธอยังตามหาเรื่องน้องฉันอีก รีบไป ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ ไป๊”
กาวินทร์พูดแทบเป็นคำราม สุขหฤทัยวิ่งลนลานออกไปอย่างรวดเร็ว กาวินทร์ก้าวตาม

สุขหฤทัยวิ่งออกที่หน้าม่านรูดแห่งนั้น กาวินทร์วิ่งตามถ่ายคลิปไว้ตลอด สุขหฤทัยหันมาด่า
“ไอ้บ้า ไอ้บ้า แกจะตามมาถ่ายฉันทำไม”
กาวินทร์ชี้ที่ป้ายถ่าย “ม่านรูด” สลับกับถ่ายหน้าสุขหฤทัย
“ไอ้บ้า!” รถแท็กซี่แล่นมาพอดี สุขหฤทัยโบก ก้าวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
กาวินทร์หัวเราะลั่น ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นบึ้งตึงน่ากลัว คำรามในลำคอ
“กาวนะกาว”

เช้าวันต่อมาสรวงขับรถมาส่งกรรณนรีถึงหน้าบ้าน เห็นกรรณนรีหน้างอ สรวงหันมาบอก
“ยังจะมาทำหน้าบึ้งใส่ฉันอีก ฉันบอกเธอแล้วไง...ถ้าฉันจะทำร้ายเธอยังไงเธอก็ไม่รอด”
“แปลว่าฉันต้องขอบคุณคุณใช่มั้ย”
สรวงยิ้มหล่อ “จะน่ารักมาก ถ้าเธอทำอย่างนั้น”
“มีแต่มะเหงก” กรรณนรีทำท่าขึงขัง ยกมะเหงก
สรวงยิ้มยั่ว เหมือนนึกอะไรได้ “อ้อ...รู้แล้ว”
กรรณนรีฉงน “อะไร”
“ที่ยังโกรธอยู่ เพราะทั้งคืนฉันไม่ทำอะไรเธอ”
“คุณสรวง”กรรณนรีฉุนขาด มองจ้องหน้าสรวง
“โอเค.งั้นฉันจะปล้ำเธอเดี๋ยวนี้” หันหน้าเข้าไปหา
กรรณนรีรีบลงจากรถทันที สรวงหัวเราะกิ๊ก กรรณนรีหันมามองหน้าบึ้ง
“ฉันเกลียดที่สุด ที่คุณเห็นฉันเป็นของเล่น”
“ไม่นะ กรรณรี”
สรวงตกใจทำท่าจะตามลงไป แต่กรรณนรีวิ่งจู๊ดเข้าบ้านไปอย่างว่องไว สรวงจำต้องขับรถออกไป

เกริกยืนมองเหตุการณ์อยู่ในบ้าน โดยที่ทั้งกรรณนรีและสรวงไม่เห็น
พอเห็นกรรณนรีเดินเข้ามาในบ้าน เกริกเก็บอาการทำทีเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ถามทักขึ้นตามประสา

“พักนี้งานยุ่งเหรอลูก”
“ค่ะ” กรรณนรีอ้อมแอ้มบอก
“ไม่เห็นโทร.บอกพ่อเลย”
“กาว...ยุ่งมากน่ะค่ะ เลยลืม ขอโทษนะคะ”
“พ่อนึกว่า...กาวอยู่กับคุณสรวงจนลืมพ่อซะอีก” เกริกพูดลอยๆ
กรรณนรีตกใจมาก “พ่อ”
เกริกรีบออกตัว “ตะกี้พ่อเห็นว่าเค้ามาส่งลูก”
กรรณนรีร้อนตัวรีบบอก “กาวกับเค้าไม่ได้มีอะไรกันนะคะพ่อ”
“จะมี ไม่มีพ่อไม่รู้” เกริกมองจ้องหน้า กิริยาไม่พอใจ “แต่สองป้าเค้าเห็นและบอกพ่อหมดแล้ว”
กรรณนรีหน้าซีดเผือด

สองพ่อลูกเดินมาคุยกันตรงอีกมุมในบ้าน กรรณนรีนิ่งเงียบ เกริกเอ่ยขึ้น
“ลูกจะรักจะชอบใคร พ่อไม่เคยห้าม ทำไมไม่พาคุณสรวงอะไรนั่น เข้ามาให้พ่อรู้จัก....หรือเค้าเห็นว่าบ้านเราจน เค้ารังเกียจ”
“เปล่านะคะ พ่อเปล่า”
เกริกมีทีท่าอึดอัดใจมาก “แล้วทำไมล่ะลูก? ทำไมลูกต้องปกปิด”
“กาวคิดว่า..ยังไม่ถึงเวลา” กรรณนรีบอก
“แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลา?” เกริกย้อนถาม
กรรณนรีเงียบ ไม่ยอมตอบ เกริกได้แต่ถอนหายใจ มองลูกสาวอย่างกลัดกลุ้ม พูดสอนสั่ง
“จนกว่าเค้าจะทิ้งน่ะเหรอ?” กรรณนรีเงียบกริบ เกริกอบรมต่อ
“กาวโตแล้ว พ่อไม่อยากพูดอะไรมาก แต่กาวต้องรู้ว่ากาวควรทำตัวอย่างไร ไม่อย่างนั้น กาวจะเป็นได้แค่ของเล่นไฮโซ”

เวลาเดียวกันในขณะที่สรวงเดินกลับเข้ามาในบ้าน สุดายิ้มแย้มทักทาย ยิงตรงประเด็น
“เมื่อคืนไปกับกรรณรี เป็นยังไงบ้างลูก”
สรวงตกใจ “คุณแม่รู้”
สุดาหัวเราะนิดๆ อารมณ์ดี “ลูกรักของแม่ หายไปทั้งคืน ทำไมแม่จะไม่รู้ แต่ที่ไม่ห่วงไม่โทร.หา ก็เพราะรู้ว่าสรวงมีเพื่อนไปด้วย”
สรวงมองสุดาอย่างงวยงง สุดายิ้ม
“แม่ว่าจะจัดงานเลี้ยงที่บ้าน สรวงบอกกรรณรีมาด้วยนะ”
“งานอะไรครับคุณแม่?”
สุดาจ้องหน้าลูกชาย “ก็...ปาร์ตี้นิดหน่อย ระหว่างแม่กับภาพิศ”
สรวงอุทานอย่างตกใจ “คุณแม่”
สุดาหัวเราะ “จะตกใจไปทำไมลูก?..ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก...เพียงแต่แม่เหนื่อยแล้ว อะไรที่ทำให้คุณพ่อมีความสุขแม่ก็อยากจะทำ โดยเฉพาะเรื่องของภาพิศ”
สุดายิ้มละไมให้ลูกชาย แล้วหันไปทำตาเจ้าเล่ห์ โดยที่สรวงไม่เห็น

นายพลอารักษ์เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางผ่อนคลาย สุดาเดินมาถอดเสื้อสูทให้อารักษ์
“จริงเหรอ..ที่คุณหญิงให้ภาพิศมาทานข้าวด้วย”
สุดาหัวเราะ “ฉันอยากให้คุณสบายใจน่ะค่ะ ไหนๆ ภาพิศก็มีลูกแล้ว ฉันเองก็รักเด็ก ปรองดอง สมานฉันท์กันดีกว่า ยังไง...เราก็ครอบครัวเดียวกัน” หัวเราะอีก “หรือคุณว่าไงคะ”
อารักษ์ยิ้มปลื้ม “ขอบใจมากคุณหญิง ขอบใจจริงๆ” ดึงสุดาเข้ามาจุ๊บหน้าผาก โอบกอด
อย่างอาทร สุดาผุดสีหน้าสาแก่ใจที่แผนกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น

ภาพิศแต่งตัวสวยจะออกไปนอกบ้าน เสียงมือถือดัง ภาพิศเห็นเบอร์
“คุณหญิงสุดา” กดรับสาย พูดแดกดัน “เพิ่งมีเรี่ยวแรงโทรฯมาหาน้องเหรอคะคุณหญิงพี่...นึกว่าจะหัวใจวาย ตายๆๆ ไปซะแล้ว”
“พี่มันหนังเหนียว ตายยากค่ะ ไม่เหมือนคนปากดีปากเก่งอย่างคุณน้อง อย่างนี้ตายง่าย แต่อย่าเพิ่งตายนะคะ..มางานเลี้ยงฉลองของเราก่อน”
ภาพิศแปลกใจ “แซยิดคุณพี่เหรอคะ”
สุดาหัวเราะ เสียงระรื่น “เปล่า... เป็นงานฉลองการทำหน้าหนาจนได้ผัวพี่ไปกก พี่จัดให้คุณน้องโดยเฉพาะค่ะ”
วางสายทันที ภาพิศอึ้ง ฉงนว่าสุดามาไม้ไหน

ที่ร้านเพชร ในเวลาต่อมาภาพิศทำหน้าเครียด ขณะที่แฉล้มออกความเห็น
“ฉันว่ายัยคุณหญิงต้องมีแผนร้ายแน่ๆ ถึงได้เชิญคุณไปทานข้าวอย่างนั้นน่ะ”
“ฉันรู้....ฉันถึงได้ตั้งรับอยู่นี่ไง”
“ดี ตั้งรับให้ดีๆ ล่ะ เพราะฉันว่ายัยคุณหญิงต้องวางยากะให้คุณแท้งลูกแน่ๆ” แฉล้มบอก
ภาพิศยิ้มย่อง “เค้าเชิญฉันไปทานข้าวถึงบ้าน คงไม่โง่วางยาฉันหรอก แต่...ฉันนี่แหละ จะวางยาคุณหญิงเอง”
ภาพิศยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

ค่ำนั้นสุดากับสุขฤทัยกำลังช่วยกันเลือกเสื้อผ้า สุขหฤทัยดูมีอาการยังขุ่นเคืองนิดๆ และน้อยใจอยู่
“คุณหญิงแม่ขา....ชุดนี้สวยมากเลยนะคะ นี่ถ้าคุณหญิงแม่ใส่ชุดนี้ รับรองข่มยัยภาพิศไม่ได้เกิดเลยล่ะค่ะ”
“หนูเลือกอะไรให้ แม่ก็ใส่ทั้งนั้น แล้วอย่าลืม...เลือกชุดของตัวเองด้วยนะ ฤทัยต้องสวยเฉิดฉาย ให้นังนักข่าวกรรณรีหมองกลายเป็นคนใช้ไปเลย”
คราวนี้สุขหฤทัยยิ้มออกมาได้ “หมายความว่า...”
“แม่จะให้มันมาทำข่าวด้วย...มันจะได้เห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างหนูกับสรวง”
สุขหฤทัยยิ้มร่า ดีใจมาก “คุณแม่ขา...กราบขอบพระคุณค่ะ ฤทัยดีใจที่สุดเลย”
สุดาจับไหล่เบาๆ อย่างเอ็นดู “ยังไงแม่ก็เลือกหนูเป็นสะใภ้อยู่แล้ว ส่วนนังนักข่าวนั่น มันก็เป็นได้แค่ของเล่น”
“ดีค่ะ งั้นฤทัยจะบอกนักข่าวทุกสำนักด้วยตัวเอง ยกเว้น สตาร์อินเทรนด์จะให้เด็กที่บ้านโทร.บอกก็พอ” สุขหฤทัยบอกอย่างสะใจ

วันต่อมานิค นั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ เสียงโทรศัพท์ดัง
“สตาร์อินเทรนด์ครับ..” ฟังด้วยอาการตกใจ “ท่านอารักษ์เปิดบ้าน พร้อมคุณหญิงสุดาคุณภาพิศ ทานข้าวร่วมกัน”
กรรณนรี กะมะยม หูผึ่งเงยหน้าขึ้นไปมอง ตกใจแปลกใจ บอกอจ๋าเดินยิ้มร่าเข้ามา
“ข่าวแรงและเร็วจริงๆ ไม่กี่นาที ทุกสำนักข่าวรู้หมด”
“ข่าวคาวๆ ฉาวๆ คนสนใจค่ะพี่จ๋า” มะยมว่า ส่วนกรรณนรีหน้าหม่นเศร้า
นิคยิ้มหันมาแซวมะยม “เก๊าะ! ขนาดแกยังหายป่วยเลย”
“ที่ฉันหายป่วย เพราะไม่มีใครสนใจต่างหาก ขนาดโทร.มาบอก ว่าฉันเข้าโรงพยาบาล แกยังทำเฉยเลย” มะยมเหน็บ
นิคไม่รู้สึกอะไร “งานฉันยุ่งมากเลยว่ะมะยม อีกอย่างฉันรู้ว่าแกน่ะไม่ตายง่ายๆ หรอก..เข้า
โรงพยาบาลแค่นี้สิวๆ แล้วไงครับพี่จ๋า”
“แล้วไง..เค้าเชิญเราไปก็ไปสิจ๊ะ เอาข่าวเด็ดๆ มาด้วย เพราะงานนี้พี่ว่า แซ่บแน่” จ๋าบอก

กรรณนรียิ่งดูเป็นกังวล
ส่วนที่ห้างสรรพสินค้า อารักษ์กำลังช่วยภาพิศเลือกเสื้อผ้า ภาพิศแสร้งทำหน้าอมทุกข์เหมือนไม่สบายใจ

“ภาไม่สบายใจที่จะไปงานเลี้ยงที่บ้านพี่เหรอจ้ะ” อารักษ์ถาม
“เปล่าค่ะ”
“แล้วทำไม..ภาทำหน้าอย่างนี้”
“ภาเวียนหัวน่ะค่ะ ช่วงนี้ภาแพ้หนัก”
อารักษ์ยิ้ม “โล่งใจ...พี่ก็นึกว่าภากังวลเรื่องคุณหญิงสุดา ภาไม่ต้องกังวลนะ คุณหญิงเห่อลูกของเรามาก พี่นึกไม่ถึงจริงๆว่าครอบครัวเราจะมีความสุขอบอุ่นขนาดนี้ได้”
อารักษ์กอดภาพิศ ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ภาพิศหน้าบึ้งขึ้นมาทันที คิดแผนในใจ “ถ้าท่านอารักษ์เชื่อคุณหญิงสุดาขนาดนี้ เราต้องคิดแผนการให้ดี ไม่อย่างนั้น คุณหญิงสุดาคว่ำเราได้แน่”
ภาพิศปั้นหน้าฝืนยิ้มให้อารักษ์ แต่ลับหลังแอบกังวล

สรวงเดินออกมาที่หน้าออฟฟิศ เจอกรรณนรียืนอยู่ สรวงเดินไปที่รถกรรณนรีเดินตาม
“คุณมารอผมอย่างนี้ มีเรื่องไม่ดีแน่” สรวงเปรย
กรรณนรีพูดเสียงอ่อยๆ ท่าทีกังวล “ฉันเป็นห่วงคุณภาพิศ...แม่คุณจะทำอะไรเค้าหรือเปล่า”
สรวงฟังแล้วโกรธ “แม่ผมน่ะเหรอจะทำอะไรเค้า? ที่ผ่านมามีแต่เค้าทำร้ายแม่ผมต่างหาก” มองจ้องหน้ากรรณนรี ย้อนถาม “หรือคุณว่าไม่จริง”
“ฉันขอโทษ..ฉันไม่ได้มีเจตนาทำให้คุณรู้สึกไม่ดี ฉันแค่เป็นห่วง มันผิดปกติที่จู่ๆ คุณหญิงสุดาก็เชิญคุณภาพิศไปทานข้าวที่บ้าน”
“ถ้าจะวางยากัน เค้าไม่วางที่บ้านหรอกคุณ” สรวงบอกพลางจะขึ้นรถ
“หมายความว่า ถ้าเป็นที่อื่น พวกคุณจะทำ” กรรณนรีย้อนถาม
“กรรณรี คุณรู้มั้ยอะไรที่อันตรายที่สุด?....ความคิดที่ไม่เข้าท่าของคุณไงทำลายตัวเองไม่พอ ยังทำร้ายคนอื่นอีก ฟังไว้นะ แม่ผมไม่มีทางทำร้ายใครเป็นอันขาด แม้ท่านจะถูกผู้หญิงที่ขึ้นชื่อ”เมียน้อย” ทำร้ายท่านก่อนก็ตาม” ก้าวขึ้นรถ แล้วขับออกไปทันที
กรรณนรีตะโกนตามหลัง “แล้วฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะห่วงคุณภาพิศรึไง?”
กรรณนรีหน้างอใส่สรวง แล้วค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเป็นกังวลเรื่องแม่

กรรณนรีเดินกระฟัดกระเฟียดอารมณ์เสีย เตะโน่นเตะนี่มาตามทางเดินจะกลับบ้าน
ภรตขับรถมาจอดข้างๆ ร้องเรียก “กาว”
กรรณนรีมองหน้าภรตแต่ไม่คุยด้วย เดินหนี
ภรตเดินลงจากรถ ขวางทางกรรณนรีเอาไว้ “กาวไม่อยากคุยกับพี่?”
กรรณนรีพูดแดกดัน “กาวไม่อยากพูดกับคนที่ทำร้ายกาว”
“พี่ทำร้ายกาวตรงไหน”
“ต้องให้กาวพูดอีกเหรอคะ?” กรรณนรีเดินหนีไป

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 4/4 วันที่ 15 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager