@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 5/2 วันที่ 17 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 5/2 วันที่ 17 ก.ย. 55

มะยมพูดพลางจ้องหน้านิค กลัวคำตอบที่จะได้ยิน
จังหวะนั้นกรรณนรีเดินออกมาหลังมะยม รอฟัง
นิคหลบตาพูดอ้อมแอ้ม “ฉันรักมัน...รักแกอยู่แล้ว...เพราะพวกแกเป็นเพื่อนรักฉัน ถ้ากาวกับคุณสรวงรักกันจริงๆ ฉันก็ดีใจด้วย แต่ฉันกลัว...กลัวว่า..บทสุดท้ายของกาวจะเป็นได้แค่....เมียน้อยอย่างคุณภาพิศ”
มะยมเดินมาตบไหล่นิคเบาๆ อย่างเข้าใจ กรรณนรี มองเพื่อน 2 คนอย่างสับสนปนเป ทั้งซึ้งใจ เศร้าใจ และสะเทือนใจ

ส่วนอารักษ์ กับแฉล้มประคองภาพิศเข้ามาในบ้าน อารักษ์หน้าตาไม่ค่อยดี
“เกลียดนักข่าวบางคนจริงๆ ชอบตั้งคำถามเสี้ยมให้คนทะเลาะกัน” แฉล้มว่า
ภาพิศพูดสีหน้าละห้อย “อย่าไปว่าเค้าเลยค่ะคุณแฉล้ม...เป็นใคร...ใครก็ต้อง
คิด ว่าภาน่ะแกล้ง” น้ำเสียงเครือ ทำท่าจะร้องไห้ “เมียน้อย ต้องเป็นคนเลว”
“ไม่เอาน่าภา...อย่าคิดมาก”
ภาพิศมองท่าทีอ้อนๆ พูดเสียงแบบน้อยใจ “แต่คุณพี่คิด....คุณพี่เลยทำหน้าเหมือนสงสัยใน
ตัวภา...” แอ๊บแสนดีเต็มที่ “ภาไม่ได้แกล้งนะคะ....ภาอาเจียน ภาแพ้หนักจริงๆ ค่ะ”
พร้อมกันนั้นภาพิศทำท่าจะอาเจียนอีก แฉล้มรีบเข้าไปประคอง
“ไปห้องน้ำเร็วค่ะคุณ” แฉล้มรีบพาไป พร้อมพูดให้อารักษ์ได้ยิน “เฮ้อ!คุณกับคุณหญิงกำลังจะดีกันแท้ๆ ไม่น่ามีเรื่องแบบนี้เลย” อารักษ์มองตามอย่างคลางแคลงใจ



ทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลง ภาพิศก็มีอาการปกติ ดวงตากร้าว
“ฉันว่าคุณขั้นเทพแล้ว แต่งานนี้ยัยคุณหญิงมันขั้นเทพกว่า” แฉล้มว่า
“ฉันพลาดเอง....ที่ไม่คิดว่ามันจะให้ทุกคนชิมซุปนั่น”
“คุณจะพลาดกว่านี้ ถ้าคุณยังชะล่าใจ เพราะวันนี้ก็เห็นแล้วว่าคุณหญิงตั้งธงรบกับคุณ และไม่ได้มาแบบโง่ๆเหมือนเดิมด้วย”
“ยังไงก็ไม่ฉลาดกว่าฉันหรอก” ภาพิศพูดอย่างทะนงตน ตาวาวโรจน์

วันต่อมาสุดากับสุขหฤทัยมาเดินซื้อของที่ห้าง สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรัง ท่าทางอารมณ์ดี สุขหฤทัยหัวเราะประจบ

“ฤทัยว่า...แผนเมียหลวงที่มีใจประเสริฐนี่มันใช้ได้ผลจริงๆนะคะ ป่านนี้นังภาพิศมันนอนกระอักเลือดอยู่ที่บ้านแน่ๆ ค่ะ”
สุดาอารมณ์ดี “แม่ก็ว่าอย่างนั้น” น้ำเสียงกลัวๆ “แต่แม่ก็กลัวเหมือนกันนะมันเจ็บขนาดนั้น มันต้องมาเอาแม่คืน”
“จริงด้วยค่ะ เพราะนังภาพิศมันเลว....เอางี้..คุณหญิงแม่จ้างบอดี้การ์ดมาซักโหลดีมั้ยคะ หรือสองโหลดี เดี๋ยวฤทัยจะบอกคุณพ่อให้”
“ไม่เอาหรอกลูก” สุดาห้าม
“เถอะค่า..คนรวย ไฮโซทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด ยิ่งเวอร์ยิ่งดี” สุขหฤทัยบอก
“ทุกวันนี้คนก็ด่าแม่เยอะแล้ว แม่ไม่อยากให้คนมาด่าแม่อีก ว่าแม่เวอร์”
“แล้วเราจะทำยังไงดีคะคุณหญิงแม่?” สุขหฤทัยปวดตับ
สุดาหนักใจ “แม่ก็คงต้องระวังตัวมากขึ้น นังภาพิศพิษสงมันรอบตัว”
จังหวะนั้น มีผู้ชายคนหนึ่งสืบเท้าเดินตามสุดามา

ที่แท้เป็นพล คนของสุดานั่นเอง พลใส่หมวกก้มหน้าเดินตาม สุดาทำเหมือนไม่รู้ตัว
สุดากับสุขหฤทัยเดินถือของพะรุงพะรัง มาใส่รถของคุณหญิง สุขฤทัยเอ่ยขึ้น

“ฤทัยจัดการเองค่ะคุณหญิงแม่...” เก็บของใส่รถ “เป็นคนรวย..ซื้อของแพงๆ มีความสุขจังเลยนะคะ” พลางก้มหน้าก้มตาจัดของไป
จังหวะนั้นพลเดินมาด้านหลัง กระชากสุขหฤทัยออกอย่างแรง จนล้มลงไป
“ว๊าย” โดยที่สุขหฤทัยไม่คาดคิด พลปราดเข้าไปกระชากคุณหญิงสุดา ผลักเข้าไปในรถ ขับออกไปรวดเร็ว
ที่แท้เป็นแผนคุณหญิงสุดา ให้คนมาทำร้ายตัวเอง เพื่อให้สุขหฤทัยและคนอื่นๆ เข้าใจว่าเป็นผลงานของภาพิศ

สรวงทำงานนั่งทำงานอยู่ เสียงมือถือดังลั่น เห็นเป็นเบอร์สุขหฤทัย จึงไม่รับ
“สรวงนะสรวง มัวทำอะไรอยู่” สุขหฤทัยตัดสินใจโทร.เข้าเบอร์ออฟฟิศ เสียงโทรศัพท์ดัง สุขหฤทัยกรอกเสียงใส่ กร่างตามนิสัย “สรวงอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ ไปเรียกสรวงมารับโทรศัพท์”
“ค่ะๆ” นิ้วนาง เลขาลนลานโอนสาย
“ครับ”
“คุณสรวงคะ...คุณฤทัยขอเรียนสายด้วยค่ะ”
“บอกว่าผมติดงาน” สรวงไม่อยากรับ
“ค่ะ” กดสายบอกสุขหฤทัย “คุณสรวงติดงานอยู่ค่ะ”
สุขหฤทัยโกรธลมออกหู “ไปบอกเค้านะ จะทำงานหรือจะไปงานศพแม่”
เลขาตกใจ “เอ่อ..หนูไม่กล้าค่ะ”
สุขฤทัยตะคอก “ไม่กล้าก็โอนสายเร็ว”
“ค่ะๆ” นิ้วนางโอนใหม่
สรวงรับอย่างรำคาญโดยยังไม่รู้ว่าเป็นสายสุขหฤทัย “ว่าไง”
“สรวง....คุณจะนั่งทำงาน หรือไปงานศพแม่เลือกเอา”
“อะไรของคุณฤทัย”
“แม่ของคุณถูกอุ้มค่ะ” สุขหฤทัยบอก
สรวงตกใจมาก “คุณแม่”

พลขับรถมาจอดที่ป่าข้างทาง แล้วลากสุดาลงไป สุดาร้องกรี๊ดๆ
“อย่าทำอะไรฉัน ฉันกลัวแล้ว อย่า”
“ฉันก็ไม่อยากทำอะไรคุณหญิงหรอก แก่ก็แก่ อีกไม่นานก็ตายแล้ว” พลว่า
“งั้น..แกปล่อยฉันไปนะ”
โดยที่พลยังไม่ทันตอบอะไร สุดาก็วิ่งหนี พร้อมควักมือถือในกระเป๋าออกมาโทร.

สรวงขับรถด้วยท่าทีเป็นห่วงสุดาพลางโทรศัพท์
“ทำไมคุณพ่อไม่ยอมรับสาย” นึกได้ “ตำรวจ”
สรวงกด191 แต่ทันใดนั้นเอง เสียงมือถือสรวงก็ดังขึ้น สรวงเห็นเบอร์โชว์
“คุณแม่!” รีบรับ “คุณแม่อยู่ที่ไหนครับ”
สุดาวิ่งหนีพลางโทรศัพท์
“สรวงช่วยแม่ด้วย โอ๊ยย”
สุดาพูดแค่นั้นพลก็ตามมาผลักสุดาล้มลงไป มือถือหล่น แต่สรวงได้ยินทุกอย่าง
“จะหนีไปไหนนังแก่”
“ฉันไหว้ล่ะ อย่าทำฉันเลย ฉันกลัวแล้ว”
“ฉันก็ไม่อยากทำคุณหญิงหรอก แต่คุณภาพิศจ้างฉันมา” พลบอก
สรวงได้ยิน ก็รู้สึกตกใจมาก “ภาพิศ”
เสียงสุดาต่อรอง “ภาพิศให้เท่าไหร่ ฉันให้เธอสิบเท่า..นี่สร้อยแหวนเงินทอง เพชร..สมบัติที่ติดตัวมาฉันให้เธอหมดเลย อย่าทำฉันนะ...นะ”
“ก็ได้..แต่คุณหญิงต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่งั้นตาย” พลขู่
“จ้ะๆๆ”
สรวงตกใจตะโกนเรียกดังลั่น “คุณแม่ๆๆๆ”
พลวิ่งหนีไป สุดาคว้าโทรศัพท์ที่หล่นขึ้นมาพูดลนลาน
“สรวง...ช่วยแม่ด้วย”

ไม่นานต่อมา สรวงขับรถมาจอดที่ป่าข้างทาง ตามที่สุดาบอก ชายหนุ่มกระโจนลงไปหา สุดาที่เนื้อตัวสั่นร้องไห้โผเข้ากอดสรวง
“คุณแม่...” สรวงกอดแม่แน่นย่างสงสาร แต่รู้สึกโล่งอก
“สรวงแม่กลัว...กลัว...ช่วยแม่ด้วย..ช่วยด้วย”
สุดาพูดแค่นั้นก็เป็นลมหมดสติไปสรวงร้องลั่น ตกใจมาก “คุณแม่!”

ไม่นานนัก ยินเสียงไซเรนรถตำรวจและพยาบาลดังเข้ามา
คุณหญิงสุดานอนหมดสติอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล หมอให้น้ำเกลือ ตามใบหน้าและเนื้อตัวยังเห็นมีร่องรอยฟกช้ำอยู่ สุขหฤทัยกอดสุดาอย่างดีใจ

“ฤทัยดีใจจังเลยที่คุณหญิงแม่ไม่เป็นอะไร ตอนแรกฤทัยคิดว่าคุณหญิงแม่จะตายไปแล้วซะอีก”
อารักษ์จับมือสุดา ในขณะที่สรวงจ้องหน้าผู้เป็นบิดา เอ่ยขึ้นอย่างเคียดแค้น
“คนทำมันเลวมาก”
“มันเป็นใครคะสรวง...แล้วทำไมมันถึงต้องมาทำร้ายคุณหญิงแม่” สุขหฤทัยถามอย่างสู่รู้
สรวงจ้องหน้าอารักษ์อยู่อย่างนั้น “เป็นคนที่คุณพ่อรู้จัก..รู้จักเป็นอย่างดีด้วย”
“ลูกหมายความว่ายังไงสรวง” อารักษ์ฉงน
สองพ่อลูกมองหน้ากัน สุขหฤทัยมองหน้าสรวงสลับกับอารักษ์ อยากรู้เต็มแก่

สรวงเดินลิ่วออกมาจากโรงพยาบาลตรงดิ่งไปที่รถ อารักษ์เดินตามมาท่าทีร้อนใจ
“หยุดก่อนสรวง มาพูดกันให้รู้เรื่อง ลูกหมายถึงใคร”
“มีคนเดียวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับแม่” สรวงหันมาบอก
อารักษ์เสียงสั่น ตกใจแทบช็อก! “ภาพิศ”
“ผมเคยบอกพ่อแล้ว ว่าพ่อเป็นคนเอาไฟมาเผาบ้าน มาถึงวันนี้มันลามไปหมดแล้ว พ่อจะดับมันยังไง” สรวงเหน็บบิดา
อารักษ์ไม่อยากเชื่อ “อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
สรวงมองอารักษ์ด้วยแววตาเสียใจ “ขนาดนี้แล้ว พ่อยังคิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด โอเค! ถ้าพ่อดับไฟไม่ได้ ผมจะเป็นคนดับมันเอง” สรวงเดินลิ่วขึ้นรถไป
ที่ด้านหลังสองพ่อลูก สุขหฤทัยได้ยินเต็มหู ตาโต

ขณะที่ภาพิศซึ่งแต่งตัวสวยเฉิดฉาย กำลังแนะนำเพชรกับลูกค้าอยู่ สรวงเดินหน้าบึ้งเข้ามา ภาพิศเห็นหันมายิ้มแย้มทักทาย
“คุณสรวง” ภาพิศถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ยั่วเย้า “เป็นอะไรคะ ถึงได้ทำหน้าอย่างนี้”
“เธอรู้ดีภาพิศ มานี่” สรวงฉุดกระชากแขนลากภาพิศอย่างแรง
ภาพิศตกใจมาก และตกใจจริงๆ ยื้อมือไว้ถาม “นี่มันเรื่องอะไรกันคุณสรวง”
“แผนที่เธอวางไว้ มันไม่สำเร็จแล้วภาพิศ”
สรวงฉุดกระชากลากตัวภาพิศออกไปต่อหน้าคนในร้านเพชร มือข้างหนึ่งของภาพิศประคองท้องพลางขอร้องสรวง
“อย่าคุณสรวง....ลูกพี่”

ไม่นานต่อมาสรวงเปิดประตูห้องพักของสุดา พร้อมกับลากภาพิศเข้ามา ภาพิศเห็นสุดานอนเหมือนคนไม่มีแรงอยู่บนเตียง โดยมีอารักษ์และสุขหฤทัยขนาบข้าง ภาพิศงวยงง
“คุณหญิงพี่เป็นอะไรคะ”
“เธอน่าจะรู้ดีนะภาพิศ” สุขหฤทัยเยาะ
ภาพิศมองหน้าสุขหฤทัยพูดกวนใส่ “ทำไมฉันต้องรู้”
สรวงเสียงเข้ม “เพราะเธอเป็นคนสั่งให้คนมาทำร้ายแม่ฉันไง”
ภาพิศตกใจ มองอารักษ์ แล้วมองสรวง “เปล่านะ พี่ไม่ได้ทำ”
“เธอทำเพราะเธอโกรธแค้นคุณหญิงแม่เรื่องวันงาน เธอเสียหน้า เธออับอายที่คนจับได้ ว่าเธอน่ะเสแสร้ง มารยา” สุขหฤทัยพูดใส่หน้า
ภาพิศชักฉุน “อย่ามาใส่ร้ายฉัน”
สรวงเอ่ยขึ้น “คนร้ายมันสารภาพหมดแล้ว ต่อให้เธอปฏิเสธยังไง ก็ดิ้นไม่หลุด กราบขอโทษแม่ฉันเดี๋ยวนี้”
ภาพิศส่ายหน้า เชิดหน้าขึ้น “ไม่..พี่ไม่ใช่คนผิด พี่ไม่ทำ”
สรวงโกรธจัด “ภาพิศ”
“ช่างเค้าเถอะลูก” สุดาพูดเสียงแผ่วๆ กับภาพิศ ดูน่าสงสาร “ภา...ทั้งๆ ที่พี่ยอมเธอทุกอย่างแล้ว เธอยังจะเอาชีวิตพี่อีกเหรอ”
ภาพิศเสียงแข็ง “น้องไม่ได้ทำนะคะ”
สรวงเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียว “เธอมันเป็นผู้ร้ายปากแข็ง ตำรวจเท่านั้นที่จะง้างปากเธอได้ ภาพิศ”
สรวงเดินลิ่วเปิดประตูออกไป อารักษ์ตกใจ
“สรวง..สรวง หยุดเดี๋ยวนี้สรวง” อารักษ์เดินตามไปเร็วรี่
“ฤทัยไปสน.ด้วยค่ะสรวง” สุขหฤทัยตามติด

ภาพิศกับสุดาเผชิญหน้ากันสองต่อสอง
สรวงเดินลิ่วอย่างโกรธจัด อารักษ์ก้าวเท้ายาวๆ มาขวางหน้าเอาไว้

“พ่อขอได้มั้ย ให้มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว”
สรวงจ้องหน้าบิดา “ทั้งๆ ที่เค้าคิดจะฆ่าแม่ผมน่ะเหรอ? พ่อไม่รักแม่ แต่ผมรักแม่”
“พ่อบอกแล้วไง...มันอาจจะเป็นการเข้าใจผิด” อารักษ์เสียงอ่อยๆ
“พ่อยังเข้าข้างเค้า ทั้งๆ ที่แม่นอนเจ็บอย่างนี้. หรือพ่อคิดว่า..แม่จ้างคนมาทำร้ายตัวเอง”
สรวงจ้องหน้าอารักษ์เขม็ง อารักษ์อึ้ง ไม่ได้คิดสักนิดว่าสุดาจะทำอย่างนั้น แต่รู้สึกลำบากใจ

ส่วนสุดากับภาพิศเผชิญหน้ากันอยู่ และสักครู่หนึ่งสุดาก็ยิ้มร้าย หัวเราะนิดๆ ยักคิ้วยั่ว
“ไง...ฝีมือการแสดงของฉัน ขั้นเทพพอมั้ย”
“แก” ภาพิศโกรธมาก ปราดเข้ามาจิกผมสุดา จนหน้าหงาย
สุดามองอย่างไม่สะทกสะท้านหรือหวาดกลัว “เธอรู้อยู่แล้ววันงาน ฉันไม่มีทางใส่ยาพิษให้เธอกินแน่ แต่เธอก็ยังเสแสร้ง สร้างเรื่องใส่ร้ายฉัน แล้วเป็นไง พอถูกฉันตลบหลัง...เธอโกรธ เธอแค้น เพราะฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะจ้างคนมาทำร้ายฉัน”
ภาพิศคำรามในลำคอ “เลว” ตบหน้าสุดาเสียงดังเผียะ
“ยังไงก็น้อยกว่าแก”
สุดาผงกตัวขึ้นมาจิกผมภาพิศ หัวเราะเบาๆ อย่างเย้ยหยัน
“นี่แค่เบา....เบา...ระหว่างเรา..ยังมีเรื่องให้ทำอีกเยอะ”
สุดากระชากสายน้ำเกลือออก เลือดจากรอยเข็มพุ่งกระฉูด ภาพิศตื่นตะลึง ตกใจ อึ้ง และคาดไม่ถึง เลือดไหลหยดลงที่นอนสีขาว ซัดซึมเป็นวงกว้าง น่ากลัวนัก
“คาดไม่ถึงล่ะสิคะคุณน้อง...” สุดาพูดเสียงเข้ม “เธอส่งโลงให้ตัวเองได้ ฉันก็ทำร้ายตัวเอง
ได้ เหมือนกัน” หัวเราะเยาะ พูดเย้ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
“แต่เสียใจด้วยนะ ที่เธอจะไม่มีโอกาสได้แก้มือ”

ยินเสียงประตูเปิด ภาพิศหันขวับไปมอง แต่พลก้าวพรวดเดียวถึงตัวภาพิศ โปะยาสลบอย่างแรง ภาพิศร่วงผล็อย พลประคองภาพิศ คุณหญิงสุดาเปิดกระเป๋าหยิบเช็คส่งให้
“ค่าจ้างแก เอาไปครึ่งนึงพอ โทษฐานเล่นเกินบท มาเรียกฉันว่านังแก่”
พลชะงัก “คุณหญิง”
“รีบไป เสร็จงานค่อยมาเอาอีกครึ่ง ไป๊”
พลประคองพาภาพิศออกไปอย่างรวดเร็ว สุดาปรายตามองเลือดที่ไหลจากข้อมือตัวเอง
ดวงตาวายวับ ร้ายกาจ กดออดหัวเตียง ตะโกนดังลั่น “ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย”

สรวงกับอารักษ์เผชิญหน้ากันอยู่ สรวงมองอารักษ์ ด้วยแววตาทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวัง
“ถ้าพ่อหมดรักแม่ ผมขอปกป้องและดูแลแม่ ด้วยวิธีของผมเอง”
จังหวะนั้นพยาบาลวิ่งเข้ามาหา “ท่านคะท่าน ...คุณหญิง” ทุกคนตกใจ

พริบตาเดียว สรวงเปิดประตูพรวดเข้ามาตามด้วยอารักษ์ และสุขหฤทัย เห็นเจ้าหน้าที่เก็บผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือดออกไป สุดาร้องไห้ตัวสั่นนอนอยู่บนเตียง สรวงเข้าไปกอดมารดา มองอย่าง งวยงง ตกใจและสงสาร
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่”
“ไม่มีอะไรลูก..แค่ภาพิศระงับสติอารมณ์ไม่ได้”
อารักษ์กลุ้มหนัก สุขหฤทัยทำหน้าหวาดกลัวขณะเอ่ยขึ้น
“จ้างคนฆ่าไม่สำเร็จ มันก็ตามมาทำร้ายคุณหญิงแม่ถึงที่นี่เลยเหรอคะ”
สุดาเอ่ยขึ้น “เค้าคงไม่ตั้งใจ แม่เองก็ไม่อยากมีเรื่อง....” หันไปพูดกับอารักษ์ “คุณพี่คะ...ไปคุยกับภาพิศนะคะ...น้องให้อภัย อริยะวรรตจะได้ไม่เสื่อมเสีย โดยเฉพาะกับเด็กที่กำลังจะเกิดมา เค้าไม่ควรรับรู้เรื่องราวเลวร้ายแบบนี้ค่ะ”

ยิ่งเห็นคุณหญิงสุดาแสนดีขนาดนี้ อารักษ์ยิ่งหนักใจ
คืนนั้นสรวงกับฤทัยเดินออกมาจากโรงพยาบาล สุขหฤทัยบ่นไม่เลิก

“คุณหญิงแม่ไม่น่าใจดีกับภาพิศขนาดนี้เลย”
“ถึงคุณแม่จะให้อภัย แต่ผมไม่มีทางให้ภาพิศเด็ดขาด”
ดวงตาสรวงกร้าว และดุดัน

ภาพิศรู้สึกตัว ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามอง เห็นพลกำลังขุดหลุมอยู่ พลหันมาเห็น
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ?...งั้นคุณจะต้องทรมานก่อนตายมากกว่าเดิม เพราะคุณจะถูกฝังทั้งเป็น”
ภาพิศถอยหลังกรูด พยายามตั้งสติ อ้อนวอน “อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
“คุณก็รู้..ขอร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงคุณหญิงสุดาไม่ปล่อยให้คุณรอด เป็นครั้งที่สองแน่”
ภาพิศตั้งสติ พูดดีๆ ด้วย “แต่เธอปล่อยฉันได้....เธอช่วยฉันนะพล แล้วเธออยากได้อะไร ฉันจะให้เธอทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ตัวเธอ แต่รวมถึงลูกเมียเธอ พ่อแม่ ครอบครัวของเธอ ทุกคนจะสุขสบายไปทั้งชาติ”
พลชะงัก สีหน้าดูออกว่าอยากจะได้ ภาพิศเห็น ได้ที โน้มน้าวต่อ
“แต่ถ้าฉันตาย....เธอคิดว่าท่านอารักษ์จะปล่อยให้เรื่องเงียบเหรอ? ตำรวจต้องตามไล่ล่าเธอ และคุณหญิงก็จะฆ่าตัดตอนเธอ”
พลคิดหนัก ภาพิศรุกต่อ
“เรื่องครั้งนั้นฉันก็ไม่ได้เอาโทษเธอ และครั้งนี้ฉันก็จะไม่เอาผิด ปล่อยฉันไปนะพล แล้วเธอจะได้ทุกอย่าง”
พลจ้องหน้าเอ่ยขึ้น “รวมทั้งตัวคุณด้วยหรือเปล่า”
ภาพิศตกใจนิดหนึ่ง แต่มีสติยิ้มรับ “ถ้าเธอต้องการ…”
พลปราดเข้ามาหาภาพิศมองด้วยสายตาโลมเลีย ภาพิศเอามือดันพลออกเบาๆ ยิ้มหวาน
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้...เธอต้องใจเย็นๆ...แล้วเธอจะได้ทุกอย่าง...รวมทั้งอนาคตของเธอกับฉัน ที่เราจะสร้างด้วยกัน”
พลมองจ้อง “อย่าตุกติกกับฉัน...ไม่งั้น” พลยกมือทำท่าปาดคอภาพิศ “เธอตาย”
ภาพิศยิ้มหวาน...ในรอยยิ้มแฝงเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดและเลือดเย็น
ภาพิศเอาตัวรอดกลับมาได้ และกำลังเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนด้วยสภาพทรุดโทรม ท่าทางเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ดวงตาวาววาบ เต็มไปด้วยความแค้น คำรามในลำคอ
“ทำกับฉันขนาดนี้ ฉันเอาคืนแน่ ไอ้พล นังสุดา”
กรรณนรีเดินคอตกกลับมาจะเข้าบ้าน สรวงขับรถมาจอดขนาบข้างอย่างรวดเร็ว แล้วก้าวลงมาด้วยใบหน้าบึ้งตึงเอาเรื่อง
กรรณนรีตกใจปนงง “คุณสรวง” ถอยหลังกรูด “คุณมีอะไรกับฉัน”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 5/2 วันที่ 17 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager