@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 5/4 วันที่ 19 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 5/4 วันที่ 19 ก.ย. 55

หลังจากจัดการเรื่องคนเจ็บเสร็จ สองคนนั่งอยู่ด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภาพิศเลื่อนแก้วน้ำให้เกริก พร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณมากนะพี่ที่ช่วย” น้ำเสียงภาพิศหยันตัวเองอยู่ในที “อย่างว่าพี่เป็นคนของประชาชน”
เกริกถามเสียงอ่อนโยน “แล้ว..นุดี เป็นอะไรรึเปล่า? เจ็บตรงไหนบ้างมั้ย”
ภาพิศพูดอย่างไม่มีเยื่อใย “ฉันเป็นคนขับรถชนเค้า ฉันจะเจ็บได้ยังไง”
“ก็...” เกริกไล่สายตามองทั่วหน้า “หน้าผากนุดีช้ำ”

ภาพิศอึ้งไป นึกสะท้อนใจที่เกริกยังใส่ใจและเก็บรายละเอียดตัวเธอเหมือนเดิม
“ลูกเป็นไงบ้างพี่?” ภาพิศเปลี่ยนเรื่อง
เกริกพูดที่สีหน้าภูมิใจ “สบายดี ทั้งแก้วทั้งกาวเป็นลูกที่ดีมาก นุดีไม่อยากเจอลูกบ้างเลยเหรอ”
ภาพิศเริ่มเสียงเครือ..น้ำตาคลอหน่วย “อยากเจอสิ..ฉันอยากเจอลูกมาก”



“แล้วทำไมนุดีไม่...”
ภาพิศพูดแทรกทันที “ฉันไม่อยากเจอพี่”
เกริกอึ้ง นิ่งงันไป ท่าทีน่าสงสารมาก ภาพิศไม่ยอมมอง พูดต่อ
“ขอบคุณมากนะพี่ที่ช่วยเป็นธุระทุกอย่าง” ภาพิศหันไปบอกบริกร “เช็คบิลค่ะ” พลางเปิดกระเป๋าตังค์ใบหรู
“ไม่เป็นไร นุดีพี่มี” เกริกรีบล้วงกระเป๋าเงินใบเก่าๆ ออกมา
ภาพิศรีบบอก โดยไม่ได้ตั้งใจดูถูก “แต่ฉันมีมากกว่า”
ภาพิศควักเงินแบงก์พันออกมาวางแล้วเดินออกไปเลย เกริกมองเงินพันบาทซึ่งภาพิศจ่ายค่าน้ำเปล่าหนึ่งขวดก็ยิ่งสะท้อนใจ
เกริกออกจากร้าน ยืนมองจนรถของภาพิศแล่นไปลับตา ก่อนจะเดินไปตามทาง น้ำตาไหลริน เสียใจ

ด้านกรรณนรีเดินคอตกมาตามทางกลับบ้าน หน้าตาเศร้าหมอง ทุกข์หนัก ขณะที่กรรณนรีจะเข้าบ้าน ก็เห็นสรวงมาดักรออยู่แล้ว
“คุณสรวง...” กรรณนรีมองหน้าสรวงนิ่งๆ “ฉันขอโทษ...ฉันรู้ว่าคุณโกรธ”
“ฉันไม่ได้มาฟังคำขอโทษจากเธอ...เพราะคนที่ต้องเป็นคนพูดคำนี้คือภาพิศ แต่อย่างว่า ต่อให้ขอโทษ มันก็ไม่พอกับสิ่งที่เค้าทำ” สรวงเสียงกร้าว
“แล้วถ้าคุณภาพิศไม่ได้ทำล่ะคะ” กรรณนรีท้วง
“ไม่ได้ทำ เธอตั้งคำถามนี้...ทั้งที่หลักฐานชัดเจนขนาดนั้นนะ”
กรรณนรีนิ่งงันไปทันที สรวงบอกต่อ
“บอกภาพิศให้ไปจากครอบครัวฉัน แล้วฉันจะไม่เอาผิด ฉันจะยุติทุกอย่าง”
“งั้นคุณควรไปบอกเองค่ะ เพราะตอนนี้คุณภาพิศคือคนในครอบครัวของคุณไม่ใช่ฉัน นอกซะจาก....คุณเองก็กำลังคิดเหมือนกัน...ว่าเรื่องนี้...มันน่าจะมีเงื่อนงำ”
สองยืนจ้องหน้าสบตากัน ดวงตาของสรวงมีแววหวาดหวั่นปนอยู่ กรรณนรีเข้าบ้าน

ในคืนเดียวกันภรตยืนทอดอารมณ์อยู่ด้านนอกตัวบ้าน หมอบุญยิ่งผู้เป็นบิดาเดินออกมา ถามกลั้วหัวเราะไม่อยากให้เครียด
“หมู่นี้ขยันทำมิวสิกวิดีโอนะเรา กาวปฏิเสธเหรอ” บุญยิ่งถาม
ภรตยิ้มเยื้อน “เปล่าหรอกครับพ่อ แต่อย่างที่ผมเคยพูด...ถึงบอกรักไป..กาวคงรักผมได้แค่พี่ชาย”
“แล้วเศร้าทำไม”
“ผมเป็นห่วงกาว....พ่อว่า...มันจะเป็นไปได้มั้ย? ถ้ากาวกับคุณสรวงจะรักกัน” ภรตปรารภ
บุญยิ่งหัวเราะ “เป็นไปได้ยังไงล่ะ? คุณหญิงสุดากับภาพิศ เกลียดกันจะตาย”
“แต่ผมคิดว่ากาวกับคุณสรวงรักกัน”

หมอบุญยิ่งมองภรตด้วยสีหน้าประหลาดใจ กับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งรับรู้
รุ่งเช้าวันนั้นสามคนนัดออกมาวิ่งจ๊อกกิ้งกันที่สวนสาธารณะ ก่อนไปทำงาน ทว่ากรรณนรีมีหน้าเศร้าตลอดเวลา มะยมกับนิคชำเลืองมองเป็นระยะ

“คิดไรเจ๊” นิคถาม
“คิดถึงคุณสรวงเหรอ?” มะยมแซว
กรรณนรีปฏิเสธ “เปล่า”
“ไม่ได้คิดถึงคุณสรวง...งั้นเป็นคุณสอ-ระ-วง”
กรรณนรีไม่ทันระวัง สะดุดล้มลงกับพื้นร้อง “ว๊าย”
นิคกับมะยมช่วยกันประคอง
“โห! ชื่อมีอาถรรพ์ว่ะ จะสรวงหรือสอระวงก็ทำให้เจ้าของเราสะดุดรักได้”
“อย่าพูดเล่นได้มั้ย? คนยิ่งเครียดๆ อยู่”
“เครียดเรื่องอะไร” มะยมถามอย่างเป็นห่วง

ที่มุมหนึ่งในสวนสาธารณะ มะยมกับนิค ช่วยกันทำแผลที่หัวเข่าให้กรรณนรี แค่ถลอกนิดๆ เห็นเลือดซึมออกมา
กรรณนรีถอนหายใจ “เรื่องคุณภาพิศ”
“ตอนคุณหญิงสุดาร้าย ฉันก็นึกเห็นใจเค้านะ ...แต่วันงานเลี้ยง คุณภาพิศร้ายกว่าจนฉันแหยง” มะยมยักไหล่อย่างแหยงๆ “ขึ้นชื่อว่าเมียน้อยยังไงก็ร้ายอยู่ดี”
“นี่..แล้วฉันกับมะยมยังเห็นคุณภาพิศ คุยกับผู้ชายที่ไหนไม่รู้” นิคบอก
มะยมเสริม “ท่าทางแปลกๆ” บอกนิค “เอาวิดีโอที่แกแอบถ่ายมาให้กาวดูเลย นิค”
“เออๆ” นิคคว้ากล้องในกระเป๋า เปิดให้กรรณนรีดู
กรรณนรีมองดูภาพ จำได้ว่าเป็นพล กรรณนรีหน้าซีด
“แกรู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอกาว” มะยมถาม
“เปล่า” กรรณนรีปฏิเสธ พลางคิดในใจ “หรือแม่จะถูกหักหลังจริงๆ”

กรรณนรีหลบมุมมาโทรศัพท์ ขณะเดียวกันภาพิศแต่งตัวสวย ท่าทีกระฉับกระเฉงสีหน้าร้อนใจ
ต้องทำบางอย่างเพื่อช่วยตัวเองให้พ้นมลทิน ก้าวฉับๆออกมา เสียงโทรศัพท์ดัง ภาพิศรับโดยไม่มองชื่อ
น้ำเสียงกรรณนรีทั้งร้อนใจและเป็นห่วง “คุณภาพิศ...นี่ก้างนะคะ คุณภาพิศเป็นยังไงบ้าง”
ภาพิศชักสีหน้า ยังโกรธอยู่ที่กรรณนรีไม่เชื่อ “คนที่ถูกปรักปรำใส่ร้ายจะสบายใจคงเป็นไปไม่ได้ แค่นี้นะคะ พี่มีธุระ” วางสายเดินไปขึ้นรถ
“คุณภาพิศๆ” ภาพิศวางสายไปแล้ว กรรณนรีหน้าหม่น
ภาพิศขับรถออกไป พลที่ใส่หมวกสวมแว่นดำจอดรถซุ่มมองอยู่ที่หน้าบ้าน รีบขับตามทันที

ภาพิศวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล โดยมีพลวิ่งตามมาห่างๆ ภาพิศวิ่งไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้วยท่าทีร้อนใจ
“ฉันขออนุญาตดูกล้องวงจรปิดค่ะ”

สุดาถามด้วยสีหน้าตกใจเมื่อพลโทร.มารายงาน
“ว่าไงนะนังภาพิศมันขอดูกล้องวงจรปิด”

ภาพที่จอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดไม่มีตัวเอง ภาพิศหน้าเสีย
“ไม่เห็นฉันเลยเหรอคะ? ขอดูอีกที”
เจ้าหน้าที่มองมอนิเตอร์เซิร์ชภาพตามวันที่ และเวลา แต่ไม่มี เจ้าหน้าที่ส่ายหน้า
“ตามเส้นทางที่คุณบอก กล้องบางตัวเสีย ที่จับภาพได้ก็ไม่มี”
ภาพิศเหวี่ยงใส่ “เกิดเรื่องทีไร กล้องเสียทุกที” ก่อนจะสะบัดตัวเดินหน้างอออกไป
ภาพิศเดินออกมาน้ำตาคลอ ทั้งเสียใจ และคับแค้นใจ ม่านน้ำตาบดบังทุกในกรอบสายตาพร่าเลือน โลกหมุนคว้าง และภาพิศก็ล้มลงหมดสติตรงนั้น พลยิ้มโล่งใจ

สุดาอยู่ที่บ้าน เหยียดยิ้มอย่างสะใจ ขณะโทรศัพท์คุยกับพล
“แกทำดีมาก งานนี้ฉับตบรางวัลแกแน่นอน”

ที่สนามกอล์ฟ ช่วงตอนกลางวัน
อารักษ์ตีกอล์ฟอยู่สีหน้าเครียด บุญยิ่งมองมา นึกถึงเรื่องที่ภรตบอกตนว่ากรรณนรีมีใจให้สรวง
บุญยิ่งตัดสินใจถาม “ตอนนี้...สรวง..คบใครอยู่หรือเปล่า”
อารักษ์นิ่งคิด “ไม่มี...” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยชอบใจนัก “จะมีแต่สุขหฤทัยมาป้วนเปี้ยนอยู่ มีอะไรเหรอ”
“คือ...” บุญยิ่งไม่ทันพูดจบ เสียงมือถืออารักษ์ดังขัดขึ้นก่อน
“ฉันรับโทรศัพท์เดี๋ยว” กดรับ “สวัสดีครับ...” นิ่งฟัง “ครับผมพลตรีอารักษ์....ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้”
บุญยิ่งสงสัย “มีอะไร?”
“ภาพิศเป็นลม ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ไปก่อนนะหมอ แล้วเจอกัน” อารักษ์เดินลิ่วไปเลย
บุญยิ่งถอนหายใจ “ก็ดี..ไม่ต้องยุ่งเรื่องชาวบ้าน” ก่อนหันไปตีกอล์ฟต่อ

อารักษ์ขับรถมาตามทาง กำลังจะไปโรงพยาบาล เสียงมือถือดังขึ้น อารักษ์รับสาย
“ว่าไงคุณหญิง”
สุดาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า ท่าทางสบายใจ สุดาถามเสียงหวาน
“เย็นนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ? ฉันจะได้ซื้อของ”
“ตามใจคุณหญิงเลย” อารักษ์บอก
“งั้นเสร็จงานแล้วรีบกลับมานะคะ ฉันจะรอทานข้าว” สุดาวางสายยิ้มอย่างพอใจ

อารักษ์ถอนหายใจ แล้วเลี้ยวรถบ้านกลับทันที
สุดาเดินมาเก็บของที่รถพลางกดโทรศัพท์โทร.ออก ยิ้มมีอย่างมีเลศนัยขณะพูดสายกับใครบางคน

“แกไปถึงแล้วใช่มั้ย?” บอกเสียงเข้ม “แล้วเจอกัน”
สุดากดวางสายยิ้มอย่างน่ากลัวออกมา

ภาพิศนอนแบบอยู่บนเตียงคนไข้ร้องไห้ฟูมฟาย ถามเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่
“สามีฉันว่ายังไงบ้างคะ”
เจ้าหน้าที่ยิ้ม “บอกว่าจะรีบมาค่ะ” แล้วเดินออกไป
ภาพิศปาดน้ำตา สายตามีความหวังขึ้นมา มีเสียงข้อความเข้าดังขึ้น ภาพิศรับมาอ่าน
“พี่ไปไม่ได้นะภา” ภาพิศมือไม้สั่น รีบกดโทร.ออกแต่มือถือปิดไปแล้ว ภาพิศร้องไห้โฮ

ระหว่างนั้นประตูถูกเคาะเบาๆ ก่อนที่จะเปิดเข้ามา โดยไม่รออนุญาต ภาพิศหันไปมอง
ก็เห็นคุณหญิงสุดาเดินเข้ามาพร้อมพล ภาพิศจะกดออดเรียกพยาบาล พลก็ปราดไปถึงตัวล็อกมือเอาไว้ สุดาเดินเข้ามาเอามือลูบหน้าผากภาพิศเบาๆ พูดยั่ว
“อย่ารนหาที่ดีกว่าค่ะ ยังไงคุณน้องก็ไม่มีทางเอาชนะพี่ได้”
“หมาหมู่” ภาพิศด่า
สุดาหัวเราะเยาะ บอกเสียงสูง “หมาหมู่ที่ไหนกั้น” พร้อมกับกระชากผมให้เงยหน้าขึ้น “คุณน้องร้ายมากพี่เลยจำเป็นต้องมีผู้ช่วย” สีหน้าเย้ยหยัน “และคุณน้องพลาดก็โง่มากที่คิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น”
พลยิ้มยียวนผสมโรง “ไม่ว่าจะคุณจะมาไม้ไหน คุณหญิงก็ดักทางคุณได้หมด”
“พลทำตามแผนของฉันได้ดีมาก...แต่ฉันไม่สะใจ ขอจัดการเองซักที...สองทีเถอะภาพิศ”
ขาดคำสุดาตบหน้าภาพิศสุดแรงจนหน้าหัน ภาพิศทำท่าจะลุกมาสู้ แต่พลปราดเข้ามาคุมเชิง ภาพิศชะงัก จำต้องหยุด ตามองจ้องสุดาเขม็ง สุดามองมาอย่างเจ็บปวด
“น้ำหน้าเมียน้อยอย่างเธอ ไม่รู้หรอกภาพิศว่า หัวอกเมียหลวงมันเจ็บช้ำแค่ไหน ที่ฉันทำแค่นี้มันน้อยไป” น้ำเสียงสุดาเต็มไปด้วยความขมขื่น “เพราะถ้าฉันจะเอาน้ำกรดมาสาดหน้าเธอ ฉันก็ทำได้ แต่ฉันไม่ทำ” น้ำตาไหลรินออกมา “ฉันไม่ทำ..เพราะฉันยังเห็นแก่หัวอกลูกผู้หญิงด้วยกันอยู่ แต่เธอไม่เคยเห็นใจฉัน” ท้ายประโยคคุณหญิงตวัดน้ำเสียงด้วยความโกรธแค้น
ภาพิศมองหน้าสุดาในอาการหวาดกลัวๆ สุดาเสียงเข้มขึ้นมาอีก
“เอาเล้ย....เธอจะไปแจ้งความก็เอาเลย แต่ก็ไม่มีใครหน้าไหนเข้าข้างเธอหรอกนอกจากพวกเมียน้อยเหมือนกัน เธอแพ้ยับเยินแล้ว ภาพิศ”
สุดาสะบัดตัวเดินออกไป พร้อมพลที่หน้าตายียวนใส่ ภาพิศได้แต่ร้องไห้โฮ คับแค้นใจมาก

กรรณนรีทำงานอยู่ในออฟฟิศ ส่วนมะยมกับนิคนั่งอยู่อีกมุม กรรณนรีกดมือถือออก หน้าจอเห็นเป็นเบอร์โทร.ภาพิศ แต่ไม่มีใครรับสาย กรรณนรีรู้สึกกังวล จึงโทร.เข้าเบอร์บ้าน
น้อยรับสาย “สวัสดีค่ะ บ้านคุณหญิงภาพิศค่ะ”
กรรณนรีปรายตามองเพื่อนไม่อยากให้ใครได้ยิน และเบาเสียงลง “ขอสายคุณภาพิศค่ะ”
“คุณภาพิศไม่สบายค่ะ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล” น้อยบอก
กรรณนรีหน้าซีดเผือด

กรรณนรีเดินถือดอกไม้ช่อใหญ่เข้ามาที่บริเวณหน้าโรงพยาบาล ยืนนิ่งเหมือนช่างใจอย่างหนัก
“อย่าไปยุ่งกับเค้าเลย”
ในที่สุดกรรณนรีตัดสินใจวางช่อดอกไม้บนถังขยะโรงพยาบาล แล้วเดินออกมา

กรรณนรีเดินมาตามทางจะกลับบ้าน เห็นสรวงยืนพิงรถรออยู่
“เป็นยังไงบ้าง”
กรรณนรีย้อน “คุณถามถึงใคร ฉัน หรือคุณภาพิศ”
สรวงพูดใส่หน้า “ฉันไม่เคยห่วงภาพิศ...” เน้นนำคำในท่าทีจริงจัง น้ำเสียงดุแต่เจือปนไปด้วยความห่วงใย “ฉันห่วงเธอ”
กรรณนรีฟังแล้วซึ้งใจ ลดเสียงอ่อนลง “ขอบคุณที่ห่วงกัน แต่ไม่เป็นไร...ยังไงชีวิตก็ต้องเดิน
ต่อไป” ขณะเดินผ่านหน้าสรวงจะไปต่อ สรวงคว้าตัวมากอด กรรณนรีตกใจ “คุณ!”
สรวงพูดด้วยน้ำเสียงขื่นขม “เราสองคนก็ต้องเดินต่อไปด้วยเหมือนกัน...
ขณะอยู่ในอ้อมกอดกรรณนรีมองหน้าชายหนุ่มอย่างเป็นกังวล “ถึงแม้จะมีเรื่องแบบนี้…”
สรวงพยักหน้า “ฉันจะพยายามไม่คิดถึง”คนอื่น”
“ไม่ได้หรอกค่ะ..คนอื่นที่คุณว่า คือแม่ของเรา” กรรณนรีสะเทือนใจจนน้ำตาคลอ
สรวงฟังแล้วกลุ้ม “แต่วินาทีนี้....ฉันขอให้มีแค่เราได้มั้ย กรรณรี”
กรรณนรีมองจ้องหน้าสรวงนิ่ง สรวงก้มหน้าลงมาจูบที่หน้าผาก ก่อนจะไล่เรื่อยลงมาประทับที่ริมฝีปากอิ่มสวย อย่างละมุนละไม กรรณนรีไม่มีทีท่าขัดขืนแม้สักน้อย
เวลาแค่เพียงวินาทีเดียวนั้น แต่ในความรู้สึกของกรรณนรีมันช่างยาวนานเหลือแสน กรรณนรีดันตัวสรวงออก ยิ้มอายๆ
“คุณชอบทำให้ฉันลืมว่าเกลียดคุณ” กรรณนรีเย้า
“เธอหนักกว่าเพราะเธอทำให้ฉันลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว” สรวงบอกเสียงนุ่มพลางจะก้มลงจูบอีก
กรรณนรีรีบดันตัวออก “อย่าค่ะ” แล้ววิ่งหนีไป
สรวงยิ้มตะโกนไล่หลัง “ฉันจะฝันถึงเธอ กรรณรี”

กรรณนรียิ้มเขินเดินเข้าบ้าน ในขณะที่สรวงยิ้มพรายอย่างมีความสุข
วันต่อมาคุณหญิงสุดากับสุขหฤทัยควงแขนกันมาเดินช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าที่มีร้านเพชรภาพิศ อย่างสบายอกสบายใจ จังหวะหนึ่งสุขหฤทัยเอ่ยขึ้น

“ตกลงคุณพ่อกลับมาทานข้าวกับคุณหญิงแม่ใช่มั้ยคะ”
สุดายิ้มเยื้อน ตอบด้วยท่าทีพอใจ และสะใจมาก
“ใช่...แล้วก็ยังเล่าให้แม่ฟังด้วย ว่านังภาพิศให้ไปเยี่ยมมันที่โรงพยาบาล แต่คุณพ่อไม่ไป”
สุขหฤทัยหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ “อีกไม่นานมันก็คงจะตรอมใจตาย
ระหว่างสุดาเดินผ่านร้านเพชรของภาพิศ มองเข้าไปด้านในเห็นบรรยากาศเงียบเหงา มีเพียงพนักงานขายของเฝ้าร้านอยู่ สุดามองจ้องพูดอย่างสะใจ
“และร้านเพชรของมันก็ต้องปิดตาย”
สองคนยิ้มให้กันด้วยความสะใจ ก่อนที่สุดาบอกอีกว่า
“ขอบใจมากฤทัยที่อยู่เคียงข้างแม่...ต่อไป...ถึงคิวของหนูกับตาสรวงซะที
สุขหฤทัยปลื้มปริ่มยิ้มแก้มแทบแตก

ตรงทางเข้าฟิตเนสเซ็นเตอร์ในห้าง สรวงเดินมากับนพ นพเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบใจมากนะสรวง ที่มาฟินเนสกับพี่ ไม่ไหว คุยกับลูกค้าคนนี้ เครียดจนกล้ามเนื้อเกร็งไปหมด”
สรวงยิ้มรับ “ออกกำลังกายเดี๋ยวก็ดีขึ้นพี่” ระหว่างนั้นเสียงมือถือดังขึ้น สรวงรับ “ครับคุณแม่”
สุดายืนยิ้มอยู่กับสุขหฤทัย ขณะพูดสาย
“อยู่ที่ไหนสรวง ทำอะไรอยู่ลูก”
“แวะมาฟิตเนสน่ะครับ คุณแม่มีอะไร”
“คิดถึง...เอาเป็นว่าเดี๋ยวแม่แวะไปหานะลูก”
สรวงรับคำงง “ครับ”
สุดาวางสาย หันมายิ้มพยักเพยิดอย่างรู้กันกับสุขหฤทัย
“แม่ไม่ต้องบอกใช่มั้ย ว่าหนูต้องทำยังไง?”
สุขหฤทัยยิ้มแป้น

ที่ห้องหนึ่ง บริเวณด้านในฟิตเนส ที่จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้ทีมงาน สตาร์ อินเทรนด์ มาถ่ายแฟชั่นปก อุปกรณ์ภาพแฟชั่น วางอยู่ โดยมีนิคกำลังเซ็ต จ๋ามองดูนาฬิกาสีหน้ากังวล
“ทำไมป่านนี้น้องแคทยังไม่มาอีก”
“มะยมโทร.ตามแล้วนะคะ แต่น้องแคทไม่รับสาย” มะยมว่า
“แต่นี่มันสายแล้ว รู้มั้ย...เราต้องทำงานแข่งกับเวลา แข่งกับสถานที่...ทำไมน้องแคทเป็นคนแบบนี้”
สีหน้าทุกคนดูร้อนใจ จู่ๆ เสียงมือถือดังขึ้น มะยมรับ
“ว่าไงจ๊ะน้องแคท?” ฟังแล้วโพล่งออกมา “แก้มบวม ต่อมน้ำลายอักเสบมาไม่ได้”
จ๋าได้ยินก็ตาเหลือก “มาไม่ได้”
“นี่ค่ะ น้องเค้าส่งรูปมาให้ดูด้วย” มะยมวางสายสักครู่ แล้วยื่นมือถือมาตรงหน้า จ๋าดูแล้วโวยวายทันที
“นี่นะต่อมน้ำลายอักเสบ ฉีดฟิลเลอร์แล้วอักเสบหน้าเลยบวมชัดๆ”
“แล้วพี่จ๋ารู้ได้ไงล่ะ” นิคงง?
“พี่ก็ฉีดเหมือนกัน อุ๊ปส์!” จ๋ารู้ตัว “นี่! ไม่ต้องถามพี่...ช่วยกันคิดก่อนว่าจะทำยังไง? คุณอรุณไม่ยอมแน่ๆ”

เวลาต่อมาอรุณเข้าคอนโด เดินเข้ามาในฟิตเนส มีจ๋า กรรณนรี มะยม และนิคเดินตาม
“ใช่ ผมไม่ยอม อย่าหาว่าผมเรื่องมากเลยนะ ผมจำเป็นต้องลง AD เล่มนี้จริงๆ” อรุณเอ่ยขึ้นท่าทีซีเรียส
“ค่ะ..ฉันเข้าใจค่ะ ขอโทษคุณอรุณมากๆ มันเป็นเหตุสุดวิสัย น้องแคท…”
อรุณทำหน้าหน่ายๆ “ต่อมน้ำลายอักเสบ”
ทุกคนมองหน้ากัน ต่างยิ้มแหยๆ มะยมถามอย่างกังวล
“แล้วคุณอรุณอยากให้ดารา นางแบบคนไหนมาถ่ายแบบให้คะ...มะยมจะลองตามตัวให้”
“ผมขี้เกียจรอ คุยกับซุปตาร์...เยอะ” อรุณว่า พลางมองปราดกรรณนรีกับมะยม “เอาน้องสองคนนี้ถ่ายแทนแล้วกัน”
กรรณนรีกับมะยมทำหน้าเหวอ ชี้หน้าตัวเอง
“หนู” สองคนร้องขึ้นพร้อมกัน

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 5/4 วันที่ 19 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager