@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 6/2 วันที่ 21 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 6/2 วันที่ 21 ก.ย. 55

สรวงซึ่งขับรถตามมาเห็นภาพตรงหน้า สุดจะเสียใจ
กรรณนรีกลับเข้ามาในห้องก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ในเวลาเดียวกับที่สรวงขับรถมาทางตาม ก่อนที่จะเบนรถเข้าจอดข้างทาง ทอดสายตามองออกไปเบื้องหน้า ในท่าทีนิ่งเฉย แต่ดวงตากลับมีแต่ความเจ็บปวดรวดร้าว
สามเกลอ กรรณนรี นิค และมะยม มาทำข่าวที่กองถ่ายละครเรื่องหนึ่งในเช้าวันต่อมา เห็นบรรยากาศวุ่นวายเร่งรีบ ทีมงานส่วนต่างๆ เตรียมความพร้อม เซ็ตฉาก เพื่อการถ่ายทำละครอย่างขะมักเขม้น

มะยม กับกรรณนรี กำลังสัมภาษณ์น้องยาหยี กับน้องกิมจิ นักร้องวัยรุ่นดูโอที่วางไมค์ชั่วคราวหันมารับงานแสดง โดยมีนิคเก็บภาพ ร่วมกับช่างภาพและนักข่าวคนอื่นๆ
กิมจิเดินอยู่อีกมุม ส่วนยาหยีก็ยืนอยู่อีกที่ สองสาวดูโอคู่หู ยืนเป็นคู่ขนานไม่ยอมให้สัมภาษณ์คู่กัน
มะยมยิงคำถามใส่กิมจิ “น้องยาหยีกับน้องกิมจิ เป็นคู่ดูโอกัน แต่ไม่ให้สัมภาษณ์คู่กัน ทะเลาะ



กันหรือเปล่าคะ?”
กิมจิตอบด้วยกิริยาเหวี่ยงในน้ำเสียง “ก็อย่างที่เห็นล่ะค่ะ” ยาหยี กับกิมจิ เชิดกันไปคนละทาง
“น้องยาหยี กับน้องกิมจิ มีเรื่องอะไรกันคะ” กรรณนรีถามยาหยี
ยาหยีก็ตอบอาการเหวี่ยงๆ เช่นกัน “ขอไม่ตอบค่ะ”
นักข่าวอีกคนจี้ถามกิมจิ “แล้วจะทำงานด้วยกันได้มั้ย”
“ทุกวันนี้เราก็ยังทำงานด้วยกันเป็นปกติ” กิมจิบอก
ยาหยีมองค้อนกิมจิ...ขวับ ก่อนตอบ “แยกแยะออกค่ะ อันไหนเรื่องงาน อันไหนเรื่องส่วนตัว”
สองสาวดูโอชื่อดังจ้องกันตาเขียวตอบออกมาพร้อมกัน “มืออาชีพค่ะ” ทั้งสองคนสะบัดหน้าพรืดกันไปคนละทาง นักข่าวทุกคนมองอึ้งๆ
“มืออาชีพมากเลยเนี่ย” กรรณนรีว่า
“จะตบกันกลางกองถ่ายเมื่อไหร่ไม่รู้” มะยมกระซิบ
“ตบกันเมื่อไหร่ นับคะแนนไม่ทันแน่เลย” นิคผสมโรง
นักข่าวสำนักอื่นๆ มองตามสองสาวแล้วต่างพากันยิ้มๆ

เวลาเดียวกันกาวินทร์เดินอยู่ข้างทาง พลางกวาดตามองดูรอบๆ เหมือนหาอะไรสักอย่าง ในจังหวะเดียวกันนั้นพลเดินออกมาจากหัวมุม สองคนชนกันแบบไม่ได้ตั้งใจ ต่างเซไปคนละทาง กาวินทร์ขอโทษทันที
“ขอโทษครับ” กาวินทร์ลุกขึ้นทำท่าจะเดินไป
พลกร่างใส่แบบนักเลงทันที “เฮ้ย!เดินยังไงวะ”
กาวินทร์หันขวับมาหา มาดนักเลงเช่นกัน “ก็ขอโทษแล้วนี่วะ จะเอายังไง”
พลลุกขึ้นมา ทะยานเข้าหา สองคนเงื้อหมัด แล้วค้างอยู่อย่างนั้น มองจ้องหน้า เหมือนเจอคนรู้จัก
“แก้ว” พลร้องขึ้น
กาวินทร์ก็จำได้ “พี่พล”
สองคนยิ้มให้กันอย่างดีใจ

ที่ร้านอาหารข้างทาง สองคนนั่งกินข้าวด้วยกันแบบง่ายๆ แมนๆ พลเอ่ยขึ้นก่อนว่า
“ตะกี้ถ้าไม่ใช่แก พี่ซัดปากไปแล้ว”
“ตะกี้ถ้าไม่ใช่พี่ ผมก็อัดยับไปแล้ว คนอะไร เกรียน” กาวินทร์บอกขำๆ
พลหัวเราะก๊าก ชอบใจนัก “แสดงว่าแกกับพี่ยังใจนักเลงกันเหมือนเดิม”
“เค้าเรียกอันธพาลพี่” กาวินทร์สัพยอก สองคนหัวเราะสนุก กาวินทร์ถามต่อ “แล้วไอ้โยเป็นไงมั่ง”
“ลูกสอง เมียสี่ สบายดี แล้วแกล่ะ? เป็นพ่อพวงมาลัยเหมือนเดิม” พลเย้า
กาวินทร์หัวเราะ “ประมาณนั้นพี่....แล้วตอนนี้พี่พลทำอะไร? ท่าทางล่ำซำ”
พลหัวเราะ “เป็นลูกน้องคุณหญิง ที่เป็นข่าวใหญ่โตว่าผัวมีเมียน้อยน่ะ”
รอยยิ้มบนใบหน้ากาวินทร์เริ่มจางหาย
“คุณหญิงสุดา” กาวินทร์เดา
“ฮื่อคนนั้นล่ะ”
กาวินทร์มองพลอย่างสงสัยใคร่รู้
“ไม่รู้พวกผู้หญิงมันจะแย่งอะไรกันนักหนา” พลบอก พลางลดเสียงพูดเบาลง “นี่..นังคุณหญิงสุดามันให้พี่ทำร้ายมัน แล้วใส่ร้ายเมียน้อยด้วยนะเว้ย โอ้โห! ยังกับในละครร้ายจริงๆ”
กาวินทร์หน้าซีดเผือด โดยที่พลไม่ทันสังเกตเห็น

สามคนเก็บของเดินกลับมาที่รถเตรียมกลับเข้าออฟฟิศ
“ข่าวบันเทิงแต่ละวันมันส์จริงๆ” นิคว่า พอดีกับเสียงมือถือดัง กรรณนรีรับ
“ว่าไงพี่แก้ว”
กาวินทร์มีสีหน้าร้อนอกร้อนใจขณะบอกน้องสาว “กาวอยู่ไหน พี่จะไปหา”

กาวินทร์ขับรถทะยานมายังสวนสาธารณะแห่งนั้น กรรณนรีได้ฟังตาโตถามย้ำ
“จริงเหรอพี่แก้ว? คุณหญิงสุดาใส่ร้ายแม่”
“ก็จริงนะสิ...พี่ถึงต้องรีบมาบอกกาวไง”
สีหน้ากรรณนรีตกใจมาก นึกเป็นห่วงภาพิศ “พี่แก้ว..เราต้องหาทางช่วยแม่นะ”
“กาวช่วยเถอะ” กาวินทร์บอก
“พี่แก้ว”
“พี่ขอแค่บอกกาวแล้วกัน...” กาววินทร์หันหน้าหนี “พี่ไม่อยากยุ่งกับเค้า”
“ก็ได้...กาวจะหาทางช่วยแม่เอง” กรรณนรีรีบวิ่งผละไป
กาวินทร์หน้าเครียดเคร่ง ก่อนจะสลัดหัว ไม่อยากคิด เดินไป

กรรณนรีวิ่งกระหืดกระหอบไปหาเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล
“ขออนุญาตดูกล้องวงจรปิดค่ะ”
เจ้าหน้าที่ยิ้มให้แล้วหันไปถามเพื่อนแบบงงๆ “มีเรื่องอะไร หมู่นี้มีแต่คนขอดูกล้องวงจรปิด”
“อะไรนะคะ..มีคนมาขอดูกล้องวงจรปิด”
“ค่ะ....แต่เท่าที่ทางเราเช็กดูก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปติ แต่เธอก็เครียดจนเป็นลม” เจ้าหน้าที่บอก
เจ้าหน้าที่อีกคนเสริม “ตอนนี้ก็นอนรักษาตัวอยู่นี่ล่ะค่ะ”
กรรณนรีฉุกคิด นึกสังหรณ์ใจ “ชื่อคุณภาพิศหรือเปล่าคะ”

“ใช่ค่ะ คุณรู้ได้ยังไง?” เจ้าหน้าที่มองมาด้วยท่าทีแปลกใจ
ทางด้านภาพิศนอนแบบอยู่บนเตียงหน้าตาซีดเซียว ท่าทางทรุดโทรมไร้ชีวิตชีวา มีเสียงเคาะประตูเบาๆ

“ขออนุญาตเข้าไปนะคะ” กรรณนรีเปิดประตูเข้ามา
ภาพิศเห็นเป็นกรรณนรีก็หันหน้าหนีไปอีกทาง เพราะตอนนี้ไม่อยากเห็นหน้าใคร ถามเสียงแผ่วๆ
“มาทำไม”
“มาเยี่ยมคุณ”
ภาพิศน้ำตาคลอ พูดหยันตัวเอง “คนเลวอย่างฉัน มีค่าขนาดนั้นด้วยเหรอ”
“ฉันไม่เคยเห็นว่าคุณเลว”
“แต่เธอก็ไม่เชื่อ”
“แล้วถ้าฉันบอกว่า ตอนนี้ฉันเชื่อคุณแล้วล่ะค่ะ”
ภาพิศหันหน้ามามองกรรณนรีอย่างแปลกใจ กรรณนรีบอกต่อ
“ฉันเชื่อแล้วค่ะว่าคุณไม่ได้เป็นคนทำร้ายคุณหญิงสุดา ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณสู้คนเดียว ฉันจะช่วยคุณ..เท่าที่กำลังฉันทำได้ค่ะ”
ภาพิศมองกรรณนรีแบบอึ้ง ทึ่ง

ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยงยามนั้น กรรณนรีวิ่งไปถนนรอบโรงพยาบาลบริเวณด้านนอก กวาดสายตามองหากล้องวงจรปิด แทบทุกมุม ทุกด้านของโรงพยาบาล และตึกบริเวณนั้น
ที่บริเวณสี่แยก เห็นกรรณนรีวิ่งไปวิ่งมาเหงื่อแตกพลั่ก จังหวะหนึ่งจึงเข้าไปถามคนแถวนั้น
“แถวนี้มีที่ไหนติดกล้องวงจรปิดมั้ยคะ”
ผู้คนที่อยู่แต่ละมุมต่างส่ายหน้า กรรณนรีกลุ้มใจ มองไม่เห็นทางเอาเลย

ที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์เวลาเดียวกัน สุขหฤทัยอยู่ในชุดว่ายน้ำ โดยมีผ้าผืนสวยพันครึ่งตัวล่าง เดินควงแขนสรวง ซึ่งยังอยู่ในชุดทำงาน
สุขหฤทัยแสดงออกเต็มที่ว่าเป็นแฟนสรวง “ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาส่ง” พูดเสียงออดอ้อน “แต่สรวงน่าจะว่ายน้ำกับฤทัย”
สรวงทำท่าเซ็งๆ “ผมจะรีบไปทำงาน ฤทัยว่ายคนเดียวเถอะ”
สุขหฤทัยอ้อนอีกเอามือโอบรอบคอ ฉอเลาะ “ก็ฤทัยอยากว่ายน้ำกับสรวงนี่”
“ไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้ผมรีบ”
“ไม่ว่ายก็ไม่ว่าย งั้นถ่ายรูปด้วยกันดีกว่า”
สรวงทำหน้าเซ็งอีก บอกว่ารีบยังจะมาถ่ายรูปอีก สุขหฤทัยโอบคอสรวงเอียงหน้ามาชิดกัน
สุขหฤทัยยิ้มหวาน แต่สรวงทำหน้ารำคาญเต็มกลืน
จังหวะนั้นกาวินทร์ที่จะมาออกกำลังกายเห็นก็แสยะยิ้ม
สรวงจับมือสุขหฤทัยออก “ฤทัยไปว่ายน้ำเถอะ ผมจะรีบไปทำงาน”
สุขหฤทัยงอนหน้างอ “สรวงคะ” สรวงไม่หันกลับมาสุขหฤทัยบ่นงุบงิบ “เพิ่งเป็นแฟนกันสวีทหน่อยก็ไม่ได้”
สุขฤทัยหน้าคว่ำ จำต้องเดินไปสระน้ำคนเดียว กาวินทร์ที่มองอยู่เดินตาม

สุขหฤทัยทำท่าจะปลดผ้าออกลงสระ แต่กาวินทร์เดินเข้ามาพูดยียวน
“น่าสงสาร”
สุขหฤทัยฉุนกึก ชักสีหน้า “สงสารอะไร”
“อุตส่าห์เสนอ เค้าก็ไม่สนอง” กาวินทร์เย้ยหยัน
สุขฤทัยหน้าเสีย รีบกลบเกลื่อน “สรวงเค้าเก็บไว้หวานกับฉันสองต่อสองย่ะ”
กาวินทร์หัวเราะเยาะ “แสดงว่า ผู้ชายมียางอาย แต่คุณไม่มี”
“งั้นก็บอกให้น้องสาวแกให้มียางอายด้วยนะ จะได้ไม่หน้าด้านแย่งแฟนฉัน”
“แฟนคุณ? ผมเห็นแต่นายสรวงตามตื้อน้องสาวผมตลอด”
“ก็น้องสาวแกมันขยันให้ท่าไง”
กาวินทร์โกรธกรุ่นๆ “คุณ” จะเข้ามาเอาเรื่อง
สุขฤทัยตั้งหลักรับอยู่ก่อนแล้ว ผลักกาวินทร์อย่างแรงจนตกน้ำดังตูม กาวินทร์โกรธ สุขหฤทัยเย้ยหยัน
“สรวงเค้าเห็นน้องสาวแกเป็นแค่ของกินเล่น รู้ไว้” จากนั้นสุขหฤทัยก็เดินหนีอย่างฉุนเฉียว
กาวินทร์ตะโกนไล่หลัง “แต่คุณมันของบูดเน่า เห็นๆ กันอยู่ ว่านายสรวงไม่เอา”

สุขหฤทัยเดินกระฟัดกระเฟียดมาที่รถ สีหน้าโกรธขึ้ง ควักมือถือออกมากดดูรูปสรวง
ที่ถ่ายคู่กับตัวเอง สีหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ

เย็นนั้นสุขฤทัยเดินนำคนงานที่ขนรูปสุขหฤทัยกับสรวงถ่ายคู่กันเข้ามาในออฟฟิศสรวง มีหลายแบบ หลายขนาด ตั้งแต่ตั้งโต๊ะ ถึงขนาดเท่าตัวจริง นพ กับนิ้วนางเลขาออกมาเห็นก็ตกใจ
“อะไรครับคุณฤทัย” นพถาม
สุขหฤทัยมองมาอย่างหงุดหงิด “พี่นพไม่รู้จัก รูปเหรอคะ”
“รู้ครับรู้...แต่ทำไม...”
สุขหฤทัยสวนคำออกมา “ฤทัยจะเอารูปของฤทัยกับสรวงติดให้ทั่วออฟฟิศ..ทุกคนจะได้รู้ซะทีว่า สรวงกับฤทัยเป็นแฟนกัน” หันไปทางคนงาน “ขนรูปเข้ามา”
คนงานทำตามสุขหฤทัยสั่ง นพหน้ายุ่ง คว้ามือถือขึ้นมา

สรวงนั่งดื่มกาแฟแบบซังกะตายอยู่ในร้านกาแฟใกล้กับอาคารออฟฟิศ โน๊ตบุ๊คที่เปิดไว้แทบไม่ได้ดูงานสักแอะ จู่ๆ เสียงมือถือดังขึ้น
สรวงมองดูชื่อ กดรับ “ครับพี่นพ”
“สรวงอยู่ที่ไหน”
“นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ร้านหน้าออฟฟิศครับ”
“งั้น...เข้ามาหน่อยสิ....คุณฤทัยมา”
สรวงยิ่งเซ็ง “ตอนนี้ผมไม่อยากคุยกับใคร ถ้าฤทัยต้องการอะไร รบกวนพี่นพช่วยเค้าด้วยแล้วกัน”
“เค้าไม่ได้มาคุยเรื่องงาน...” น้ำเสียงนพฟังดูยุ่งยากใจมากที่จะบอก “แต่เค้า..เค้ามาประกาศ
เป็นแฟนสรวง แล้วก็ขนรูปสรวงกับเค้ามาติดเต็มออฟฟิศเลย”

“หา” สรวงตกใจ ผุดลุกขึ้นยืนพรวดทันที
สุขหฤทัยก้าวเดินฉับๆ เข้าไปในห้องทำงานของสรวง กวาดสายตามองทั่วห้อง

“รูปคู่เรากับสรวงจะตั้งตรงไหนดี?” กวาดตามองทั่วห้อง หาจุดวางรูป ก่อนนั่งลงตรงเก้าอี้ของสรวงทำท่าจัดข้าวของบนโต๊ะ ลองวางกรอบรูปตรงมุมนั้น มุมนี้ ว่าดีมั้ย ก่อนจะมองไปเห็นว่าลิ้นชักโต๊ะทำงานเปิดอ้าอยู่หน่อยๆ
สุขหฤทัยเห็นอีกว่าตรงมุมหนึ่งในนั้นเป็นกระเป๋าตังค์ใบเก่าๆ ราคาถูก หญิงสาวทำหน้ายี้
“อี๋! ทำไมสรวงมีของราคาถูก ไร้รสนิยมแบบนี้”
พลางสุขหฤทัยถือวิสาสะหยิบขึ้นมา พลิกดูของในกระเป๋า ก่อนจะเห็นรูปเล็กๆ ใบหนึ่งเสียบเหลื่อมแลบออกมา สุขหฤทัยดึงออกมาดู
เห็นเป็นภาพภาพิศกับเด็กชายหญิงสองคน สุขหฤทัยเพ่งมองอย่างสนใจ
“นังภาพิศ”

จังหวะนั้น สรวงก็ยื่นมือมากระชากกระเป๋าคืน สุขหฤทัยตกใจร้องกรี๊ด
“คุณถือสิทธิ์อะไรมายุ่งกับของส่วนตัวของผม” สรวงเสียงดุ
“ก็สิทธิ์ของแฟนไงคะ ...แล้วแฟนมาเปิดลิ้นชักแค่นี้ มันจะเป็นไร”
“ผมไม่ชอบ”
“ไม่ชอบ....เพราะฤทัยเกิดมาเห็นรูปของนังภาพิศ...สรวงเก็บรูปมันเอาไว้ทำไม?” จู่ๆ ก็ทำหน้าตกใจ “อย่าบอกนะว่าสรวงหลงเสน่ห์มันอีกคน”
“เพ้อเจ้อ”
“ถ้าว่าฤทัยเพ้อเจ้อ งั้นสรวงก็เอากระเป๋าเงินคืนมันไปสิคะ เก็บไว้ทำไม?” สุขหฤทัยพูดสั่ง “เอาคืนมันไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฤทัยจะไปอาละวาด ให้คุณลุงรู้ไปเลยว่าสรวงเก็บรูปเมียน้อยของคุณลุงเอาไว้”
สรวงโมโหมาก “ผมคิดผิดจริงๆ ที่หลุดปากพูดไปว่าคุณเป็นแฟน” เดินหนีออกจากห้องไปทันที
สุขหฤทัยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “สรวง!สรวง หยุดเดี๋ยวนี้นะสรวง” รีบตามออกไป

สรวงเดินหน้าหงิกออกมา เจอนพถามหน้ายุ่ง
“สรวง...แล้วรูปที่ติดเต็มออฟฟิศล่ะ ทำไง”
“เอาออกให้หมดเลยพี่นพ” สรวงเดินออกไป โกรธจัด
สุขหฤทัยวิ่งตามมา “หยุด..เดี๋ยวนี้นะสรวง”
นพตะโกนบอก “น้องเอารูปออกให้หมดเลย”
สุขหฤทัยชะงักกึก หันมาแว๊ด “เอาออกทำไม”
“ก็สรวงบอกไงครับ”
“นี่ถ้าไม่ต้องตามสรวง..ฤทัยจะยืนด่าพี่นพอยู่ตรงนี้เลย ว่างมากหรือไง ถึงได้โทร.ไปฟ้องสรวงน่ะ” วิ่งตามสรวงไป
“ว่างยังไงก็ไม่เท่าคุณฤทัย วิ่งตามนายสรวงหรอก” นพหันไปบอกเด็กๆ ในออฟฟิศ “เอารูปออกให้หมดเลย”

สุขหฤทัยวิ่งตามสรวงออกมา เห็นสรวงยืนโทรศัพท์ก็ชะงัก หลบมุมแอบฟัง

ขณะเดียวกันกรรณนรีเดินอยู่ข้างทาง หน้าเครียด หากล้องวงจรปิดช่วยภาพิศไม่ได้ มือถือดัง ขึ้น จะรับเห็นเป็นเบอร์สรวง ทำหน้าอ่อนใจ
“คะคุณสรวง”
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” สรวงถาม
สุขหฤทัย ยังไม่รู้ว่าสรวงคุยกับใคร ทำหน้าอยากรู้เต็มที่
“คุณมีธุระอะไรคะ?”
“ผมจะเอากระเป๋าสตางค์ของคุณไปคืน” สีหน้าสุขหฤทัย อยากรู้มาก
“คุณเก็บเอาไว้ได้ตั้งนาน แล้วทำไมจู่ๆ ถึงอยากเอาคืนล่ะคะ”
“อย่ามายอกย้อนผมนะกรรณนรี”
สุขหฤทัยตาโต ได้ยินชื่อกรรณนรี “บอกผมมา ตอนนี้คุณอยู่ไหน”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคุณและไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งคุณ”
สรวงหงุดหงิด “กล้าพูดกับผมอย่างนี้เหรอ”
กรรณนรีพูดยั่วเพราะรู้ว่าสรวงไม่ขอบให้ใครล้อ “ทำไมจะพูดไม่ได้คะ...คุณสอ-ระ-วง”
สรวงลมออกหู “ผมชื่อ” พูดเน้นคำ “สรวง”
“ถ้าคุณมายุ่งกับฉันอีก ฉันจะเรียกสอระวง” กรรณนรีวางสายอย่างปั้นปึ่ง อารมณ์ไม่ดี
“มาเรียกฉันว่าสอระวง เธอเจอดีแน่ๆ กรรณนรี”
สรวงผลุนผลันออกไป วนขณะที่สุขหฤทัยตาโต กับความลับที่ได้รู้
“อย่าบอกนะว่า...ยัยกรรณรีเป็นลูกของนังภาพิศ”

สุขหฤทัยตรงดิ่งกลับบ้าน สองแม่ลูกหน้าเคร่ง สมหญิงเอ่ยขึ้น
“เท่าที่แม่รู้ ภาพิศมีลูกติดสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง”
สุขหฤทัยครุ่นคิด นึกถึงภาพถ่ายภาพิศกับเด็กชายหญิงสองคนชัดๆ
“มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...นังกรรณรีกับไอ้แก้ว คือลูกนังภาพิศ”

ดวงตาสุขหฤทัยขณะพูด ดูร้ายกาจและน่ากลัวมาก
ค่ำนั้น กรรณนรียังคร่ำเคร่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศกับเพื่อนๆ เพื่อเร่งปิดต้นฉบับ เห็นสีหน้ากรรณนรีเครียดไม่หาย มะยมจึงร้องถามแซวขำๆ

“เฮ้ย ทำข่าวบันเทิง ทำไมหน้าเครียดนักวะ”
นิคเองก็แปลกใจ “คิดอะไรอยู่นังเจ๊”
กรรณนรี ปฏิเสธ “เปล่า..ไม่มีอะไร”
มะยมยั่วล้อเพื่อนรักขำๆ “จริงเร้อ...ฉันคิดว่าแกกำลังคิดถึงคุณสรวงซะอีก”
“อย่าพูดถึงชื่อนี้ได้มั้ย? เกลียด” กรรณนรีบอกหน้ามุ่ย
มะยมหัวเราะกิ๊ก “ระวังนะเว้ย ฉันเคยอ่านนิยาย... ยิ่งเกลียดเธอยิ่งเจอรัก”
นิคร้อง “ฮิ้วววว...”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 6/2 วันที่ 21 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager