@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 6/3 วันที่ 22 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 6/3 วันที่ 22 ก.ย. 55

มะยมหัวเราะกิ๊ก “ระวังนะเว้ย ฉันเคยอ่านนิยาย... ยิ่งเกลียดเธอยิ่งเจอรัก”
นิคร้อง “ฮิ้วววว...”
      กรรณนรีสวนออกมา “หิวว...มากกว่า ฉันกลับแล้วนะ” ปิดคอมพ์ คว้าข้าวของ “จะไปทำงานต่อที่บ้าน”  
       พูดจบกรรณนรีเดินตัวปลิวออกไป มะยมตะโกนแซวไล่หลัง
       “ทำงานนะยะ ไม่ใช่มัวแต่คิดถึงคุณสรวง จนไม่ได้หลับได้นอน”
       กรรณนรีหันมาหา “บ้า” บ่นงุบงิบขณะเดินออกไป

       นิคปั้นหน้ายิ้มแต่ในใจแอบกังวล “มะยม...แกว่า นังเจ๊ คิดอะไรกับคุณสรวงรึเปล่า”
       “ไม่รู้...แต่ฉันว่า คุณสรวง กิ๊กกาวแน่ๆ”
       มะยมยิ้มมั่นใจ นิคยิ้มหน้าเจื่อน จ๋อย
     

       กรรณนรีเดินหน้ามุ่ยออกมาจากออฟฟิศ เครียดไม่หายเรื่องที่ช่วยภาพิศไม่ได้ สรวงมาดักรอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เข้ามาขวาง
       กรรณนรีเงยหน้า พอเห็นเป็นสอ-ระ-วง ก็มองค้อนหนึ่งวง “นี่คุณไม่มีงานมีการทำรึไง? ถึงได้ทำตัวเป็นโจรมุมตึก มาดักรอฉันอยู่ได้”
       “คุณคงเคยได้ยิน....คนที่ไม่ชอบ ต่อให้เราว่าง เราก็จะบอกว่าไม่ว่าง แต่สำหรับคนที่เราชอบ ถึงจะไม่ว่าง เราก็จะบอกว่าเราว่าง และพร้อมจะไปรอเจอเค้าเสมอ”
       เจอคำหวานของสรวง กรรณนรีถึงกับทำตาโต แอบเขินนิดๆ
       สรวงหัวเราะ พลางว่า “แต่ที่พูดมาเนี่ยไม่ได้หมายถึงคุณ”
       กรรณนรีเซ็ง ค้อนสรวงอีกวง “มีอะไรจะพูดก็พูดมา”
       สรวงยื่นกระเป๋าเงินให้ตรงหน้า “กระเป๋าเงินคุณ”
       กรรณนรียื่นมือไปรับ ขณะที่สรวงบอกอีกว่า
       “เอาคืนไป ผมไม่อยากเห็นอะไรที่เกี่ยวกับภาพิศ”
       “งั้นก็รวมถึงตัวฉันด้วย” กรรณนรีหงุดหงิดใจ กระชากกระเป๋าเดินหนีทันที
       “กรรณนรี” สรวงรีบตามติด
     
       กรรณนรี วิ่งมาตรงฟุตบทธจะโบกแท็กซี่ สรวงตามมากระชากข้อมือไว้
       “ปล่อยฉัน”
       “เลิกพูดคำนี้ซักที ในเมื่อเธอก็รู้ ยังไงฉันก็ไม่ปล่อย” สรวงยิ่งจับข้อมือแน่นขึ้น
       กรรณนรีหงุดหงิด “อะไรของคุณอีก”
       “ก็ที่เธอพูด...ฉันเหรอไม่อยากเจอเธอ” สรวงเล่นแง่
       “ก็คุณพูดเอง”
       “ฉันหมายถึงภาพิศ” สรวงโพล่งขึ้น
       “ไม่ต้องย้ำ ฉันรู้ว่าคุณเกลียดเค้า แต่ฉันอยากให้คุณเผื่อใจไว้บ้างนะ เผื่ออะไรๆ จะไม่เป็นอย่างที่คุณคิด”
       สรวงชะงัก นิ่วหน้า “เธอหมายถึงอะไร”
       “ก็จริงๆ แล้ว คุณภาพิศอาจไม่ใช่คนร้ายที่แท้จริงก็ได้”
       สรวงปล่อยมือกรรณนรีทันที สองคนยืนจ้องหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนที่กรรณนรีจะหันไปโบกรถแท็กซี่กลับบ้าน
       ปล่อยให้สรวงยืนหน้าเครียดเคร่งอยู่คนเดียว
     
       คืนนั้นกาวินทร์ออกอาการกระวนกระวาย รอกรรณนรีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในบ้าน พอเห็นกรรณนรีเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในบ้าน กาวินทร์รีบเข้าไปกระซิบถาม ไม่อยากให้พ่อได้ยิน
       “เป็นไงมั่งกาว”
       “กาวพยายามช่วยแม่แล้ว แต่กล้องวงจรปิดที่โรงพยาบาล แล้วก็บริเวณนั้นจับภาพนายพลพาแม่ตอนหมดสติออกไปไม่ได้ พี่ให้นายพลอะไรนั่นมาเป็นพยานให้แม่ไม่ได้เหรอ” กรรณนรีบอก พลางย้อนถามพี่ชาย
       “จะได้ยังไง ตอนนี้ทุกคนเชื่อไปหมดว่าพี่พลเป็นพวกแม่”
       กรรณนรียิ่งคิดก็ยิ่งแค้น “คุณหญิงสุดาร้ายจริงๆ”
       กาวินทร์ยังมีอารมณ์ประชดแม่ “เค้าก็ต้องเอาคืนแม่ล่ะ ที่แม่ไปแย่งสามีเค้าน่ะ”
     
       คืนเดียวกันนั้นสุดาคุยโทรศัพท์อยู่ตรงห้องโถง ในคฤหาน์ หน้าตาร้ายกาจ ท่าทีบอกว่าสะใจเหลือหลาย
       “งานนี้แกทำดีมาก”
       สรวงที่เพิ่งกลับมาถึง จะเดินขึ้นห้องบนบ้านได้ยินประโยคท้าย ชะงักกึก แอบฟัง อย่างสงสัย
       “ฉันจะให้เงินส่วนที่เหลือกับแก แล้วจะให้เงินพิเศษแกด้วย พรุ่งนี้เจอกัน”
       สุดาวางสาย สรวงรีบฉากหลบ รอจนสุดาเดินไป จึงเดินออกมาขึ้นห้อง
     
       สรวงเปิดประตูเข้าห้องนอน สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ขณะเดียวกันนั้นกรรณนรีอยู่ในห้องนอนที่บ้าน ก็มีท่าทีสงสัยไม่ต่างกัน
     
       สรวงนิ่งคิดอย่างใคร่ครวญ สีหน้าเหมือนตัดสินใจจะทำบางอย่าง
         รุ่งเช้าวันต่อมาสรวงขับรถมาจอดที่บริษัท นิ้วนาง เลขาเดินมาทำงานพอดี
     
       “วันนี้...คุณสรวงมาทำงานแต่เช้า”
       “แต่วันนี้ผมไม่อยู่นะ” สรวงว่า เลขาสาววงยงง สรวงพูดต่อ “มีอะไรด่วนโทร.มาแล้วกัน”
       สรวงผลุนผลันเดินออกไปหน้าออฟฟิศ เลขายิ่งงหนัก
     
       ที่แท้ สรวงปลอมตัวเป็นคนขับรถแท็กซี่ ใส่แว่นดำ สวมหมวกแก๊ปพรางหน้า ขับรถแท็กซี่มาจอดเยื้องๆ กับบริเวณประตูหน้าบ้านตัวเอง
       สรวงเดินลงมาชะโงกมองผ่านรั้วบ้านเข้าไป ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูในรถมาพาดคอทำทีเช็ดรถพร้อมกับดูลาดเลา
       ระหว่างนั้นกรรณนรีนั่งแท็กซี่มาที่จอดบริเวณถนนบ้านสรวงด้วยท่าทีร้อนรน สรวงหันไปเห็นกรรณนรีก็ตกใจ รีบหลบแทบไม่ทัน กรรณนรีมองไปรอบๆ เห็นคนขับแท็กซี่ แต่ไม่คิดว่าเป็นสรวง
     
       กรรณนรีเดินลัดเลาะริมรั้ว มองเข้าไปด้านใน สรวงแอบเพ่งมอง นึกสงสัยกรรณนรีมาทำไม พร้อมทั้งเอาผ้าขนหนูมาเช็ดๆ ซับๆทั่วหน้า แต่แล้วสรวงก็คัดจมูกจามออกมาเสียงดัง
       กรรณนรีหันขวับไปมองตามเสียง เห็นคนขับแท็กซี่คนหนึ่งยืนหันหลังอยู่ แต่จากรูปร่าง ดูคุ้นตามาก กรรณนรีเพ่งมอง เดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วจำได้ว่าเป็นสรวง
       สรวงจวนตัวรีบหลบคว้าผ้าจากในรถออกมา ทำทีเป็นเช็ดรถ มือข้างหนึ่งของกรรณนรี ตะปบจับที่ผ้าเช็ดรถหมับ พร้อมถาม
       “ฉันช่วยมั้ยคะ”
       สรวงก้มหน้าก้มตา พูดดัดเสียงอู้อี้ๆ “ไม่เป็นไร”
       กรรณนรีกระชากผ้าออก สรวงหันขวับมามอง กรรณนรีจ้องหน้าถามเสียงแข็ง
       “คุณทำอะไรของคุณ”
       สรวงมองเข้าไปด้านในบ้าน กลัวคนออกมาเห็น กรรณนรีถามย้ำ
       “ว่าไงคุณสรวง?นึกยังไงคุณถึงแต่งตัวเป็นคนขับแท็กซี่?”
       สรวงมองเข้าไปในบ้านอีกครั้ง กลัวคนได้ยินและออกมาเห็น รีบลากมือกรรณนรีออกมาอีกมุม
     
       ที่มุมหนึ่งบริเวณหน้าบ้าน สรวงคุยกับกรรณนรีพร้อมทั้งมองไปทางหน้าบ้านตลอดเวลา กลัวคลาดกับสุดาที่ใกล้จะออกมาแล้ว สรวงถามกวนกลบเกลื่อน
       “ผมจะแต่งตัวอะไร?ทำยังไง? คุณจะสงสัยอะไรนักหนา”
       “สงสัยสิ...เพราะมันหมายความว่า..มันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ คุณถึงได้ปลอมตัวมาด้อมๆ มองๆ หน้าบ้านตัวเองอย่างนี้....” กรรณนรีจ้องหน้าจับผิดอย่างจริงจัง “คุณกำลังสงสัยคุณหญิงสุดาใช่มั้ย”
       ถึงแม้จะติดใจสงสัย แต่สรวงก็ไม่อยากให้ใครมาว่าแม่ตัวเอง
       “คุณ”
     
       จังหวะนั้นคุณหญิงสุดาขับรถออกมา สรวงมองอย่างร้อนรน รีบวิ่งกลับไปที่รถแท็กซี่ทันที
       กรรณนรีวิ่งตามมา พอสรวงขึ้นรถฝั่งคนขับ กรรณนรีก็รีบเปิดไปนั่งข้างๆ ทันที สรวงหันมามองทำท่าจะไล่ แต่รถของสุดาวิ่งออกไปไกลแล้ว กรรณนรีร้องบอก
       “จะมองหน้าฉันทำไม รีบตามไปสิ เดี๋ยวก็ตามไม่ทันหรอก”
       สรวงมองตามรถของมารดา จำต้องขับตามไปอย่างรวดเร็ว
     
       รถของสุดาขับเข้ามาจอดหน้าร้านอาหาร สรวงสวมแว่นดำใส่หมวกพรางหน้าตา ขับรถแท็กซี่ตามมากับกรรณนรี สองคนเพ่งมองที่รถของสุดาตา สักครู่หนึ่งจึงเห็นสุดาเดินเข้าไปในร้าน และก็มีรถยนต์เก่าๆ คันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอด สรวงกับกรรณนรีจ้องตาไม่กระพริบสักครู่ต่อมาก็เห็นพลลงมา
       “นายพล” กรรณนรีจำได้แม่น
       สรวงนิ่งอึ้ง รู้สึกตกใจ ขณะที่พลเดินเข้าไปด้านใน สรวงผลุนผลันลงจากรถ กรรณนรีเองก็
       จะลงแต่นึกได้ รีบคว้าหมวกและเสื้อแจ็กเก็ต เก่าๆ ในรถแท็กซี่ มาคลุมทับวิ่งตามลงไป
     
       สุดานั่งอยู่กับพลที่โต๊ะหยนึ่งในร้าน สรวงกับกรรณนรีหลบมุมเข้ามานั่งในระยะไกลสามารถมองเห็นเหตุการณ์
       สองคนเห็นสุดายื่นซองกระดาษซึ่งข้างในใส่เงินให้พล
       “นี่...ค่าจ้างที่เหลือของแก แล้วก็ทิป แกทำดีมาก” สุดายิ้มเยื้อน ขณะเอ่ยขึ้น
       พลยกมือไหว้ ถามอย่างกังวล “ว่าแต่...ท่านอารักษ์ไม่แจ้งความจับผมแน่นะ”
       สุดาบอกเสียงสูง มั่นใจมาก “ท่านไม่กล้าร้อก... เพราะถ้าเรื่องมันแดงขึ้นมา คนที่ผิดที่สุดก็คือท่านนั่นแหละ”
       พลยิ้มอย่างโล่งใจ “งั้นมีอะไรคุณหญิงเรียกใช้ผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ” ยกมือไหว้ลา
       จากนั้นพลเดินออกไปก่อน ตามด้วยคุณหญิงสุดา ขณะสองคนเดินผ่าน สรวงกับกรรณนรีรีบก้มหน้าก้มตาหลบ พร้อมคว้าเมนูมาบัง จนสองคนเดินผ่านไป สรวงลดเมนูลง ใบหน้าซีดเผือด
     
       สรวงจอดรถแท็กซี่ไว้ข้างทาง ดวงตาขื่นขม
       “คุณรู้แล้วใช่มั้ย? ความจริงคืออะไร? มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” กรรณนรีเอ่ยขึ้น
       สรวงรับไม่ได้ ปฏิเสธความจริงเสียงสั่นเครือ “ความจริง มันอาจไม่ใช่อย่างที่เราเห็นก็ได้”
       กรรณนรีย้อนถาม “แล้วมันคืออะไร”
       สรวงตะคอกเสียงดัง กลบเกลื่อน “คุณอย่ามาคาดคั้นผมตอนนี้ได้มั้ย”
       กรรณนรีมองสรวงนิ่ง สรวงเองก็หันมามองกรรณนรี แววตารู้สึกผิด ที่ไประบายอารมณ์ใส่
       กรรณนรีโดยไม่ยั้งคิด
       กรรณนรีมองจ้อง อ่านดวงตาของชายหนุ่มออก ว่าทั้งเสียใจและผิดหวัง จึงรีบบอก
       “ฉันรู้ ว่าคุณรู้สึกยังไง? เพราะฉันก็เคยรู้สึกอย่างเดียวกับคุณ” กรรณนรีน้ำตาคลอ ขมขื่นเจ็บปวดไม่ต่างกัน “รู้ทั้งรู้ ว่าความจริงมันคืออะไร แต่ก็ยังพยายามที่จะปฏิเสธมันและฉันก็รู้ว่า...”
       สรวงต่อให้ “สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครหนีความจริงได้พ้นซักคน”
     
       น้ำเสียงแสนเศร้านั้นเต็มไปด้วยความขื่นขมและปวดร้าว
          สรวงในชุดคนขับแท็กซี่เดินกลับเข้ามาในบ้าน ดวงตาแดงก่ำเจ็บปวดเหลือแสน สุดาเห็นเข้าก็ตกใจ
     
       “ทำไมสรวงแต่งตัวเป็นแท็กซี่แบบนี้ลูก”
       สรวงพูดออกมาอย่างยากเย็น “เมื่อเช้าผมสะกดรอยตามคุณแม่”  
       สุดาหน้าซีดเผือด ใจเต้นไม่เป็นส่ำ สรวงพูดต่อเสียงสั่น
       “และผมก็เห็น...แม่นัดเจอกับไอ้พล และแม่ก็ให้เงินมันด้วย”
       จบคำสรวงผลุนผลันเดินขึ้นห้องไปทันที
       สุดาหวาดหวั่น ตะโกนบอกด้วยเสียงสั่นเครือ “ไม่ใช่อย่างที่ลูกคิดนะสรวง แม่อธิบายได้ สรวง” รีบตามลูกชายไปเร็วรี่
     
       ตรงระเบียงชั้นบน สรวงกำลังจะเข้าห้อง สุดาตามมากระชากร่างสรวงไว้
       “ฟังแม่ก่อนสรวง แม่อธิบายได้”
       ขณะเดียวกันที่ด้านหลังสองแม่ลูก อารักษ์เปิดประตูห้องออกมา กำลังจะถามว่ามีอะไร ยินสรวงพูดขึ้น
       “อธิบายว่า ไอ้พลมันมายืมเงินแม่ มันติดหนี้แม่....แม่ใช้มันไปล้างรถ แม่ใช้มันไปตัดหญ้า...แล้วแม่ให้เงินมัน อะไรอย่างนั้นเหรอครับ”
       สุดาหน้าซีดหนัก
       “ไม่ว่าแม่จะพูดยังไง มันก็ฟังไม่ขึ้น...เพราะผมเห็นกับตา...” สรวงบอกเสียงเครือ เนื้อเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “แม่รวมหัวมัน ทำร้ายภาพิศ”
       อารักษ์อึ้ง ถามสวนออกไป “จริงเหรอคุณหญิง”
       สุดาเหลียวขวับตกใจแทบช็อก “คุณ”
       สรวงเองก็ตกใจมาก “คุณพ่อ”
       อารักษ์ถามคาดคั้น “เป็นความจริงใช่มั้ยสรวง..บอกพ่อมา....ที่พ่อได้ยินมันคือความจริง”
       สุดาร้องไห้โฮ สรวงยืนนิ่งพูดไม่ออก ยิ่งกลุ้มหนัก อารักษ์มองหน้าคุณหญิงสลับกับสรวง ทั้งเจ็บปวดและผิดหวัง
       “ตกลงที่ผ่านมา..ผมเป็นแค่ตัวตลก ให้คุณปั่นหัวเล่น” อารักษ์เดินลงไปข้างล่าง
       สุดากรีดร้องที่ทุกอย่างตาลปัตร “คุณอารักษ์...ฟังฉันก่อน ..ฟังฉันก่อน” ก่อนจะร้องไห้โฮออกมา
       สรวงตามอารักษ์ออกไป  
     
       ดวงหน้าอารักษ์เครียดเคร่ง แววตาเต็มไปด้วยเสียใจที่ถูกสุดาหลอก นายพลนักรักเดินดิ่งตรงไปที่รถ สรวงตามมา
       “คุณพ่อกำลังโกรธ กำลังเกลียดคุณแม่”
       อารักษ์หยุดหันมาหา “แล้วสรวงจะให้พ่อรู้สึกยังไง...ในเมื่อที่ผ่านมา พ่อเชื่อแม่ พ่อไว้ใจแม่...แต่สิ่งที่แม่ทำ แม่ใส่ร้าย ปรักปรำคนอื่น”
       สรวงแก้ต่างแทนมารดา “คุณพ่อน่าจะรู้นี่ครับว่าทำไม...เพราะคุณแม่รักคุณพ่อ”
       “แต่แม่ไม่รักตัวเอง...และพ่อก็อยู่กับคนแบบนี้ไม่ได้สรวง”
       พูดจบอารักษ์ก็ก้าวขึ้นรถขับทะยานออกไป
      
       สรวงยืนเศร้า ขณะที่สุดาซึ่งยืนด้านหลัง หัวใจสลาย ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น
        เวลาเดียวกันนั้น ภาพิศกำลังเก็บข้าวของเครื่องใช้ จะออกจากโรงพยาบาลอย่างเดียวดาย ประตูห้องถูกเคาะเบาๆ ก่อนจะเปิดเข้ามา
     
       ภาพิศหันไปมองตาเขียวนึกว่าเป็นคุณหญิงสุดามาเยาะเย้ยถากถาง แต่แล้วสีหน้าก็อ่อนลงเมื่อเห็นเป็นอารักษ์
       สีหน้าภาพิศฉงน ไม่รู้อารักษ์จะมาแบบไหนอีก แม้ไม่ได้มึนตึง แต่ก็มีท่าทีเย็นชา
       “ท่าน...ท่านมีธุระอะไรกับภาคะ”
       อารักษ์พูดด้วยท่าทีอ่อนโยน “ฉันมารับภากลับบ้าน”
       ภาพิศมองอย่างงงๆ ไม่คาดคิดมาก่อน
       อารักษ์เดินเข้ามาสวมกอดเอาไว้
       “ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว ฉันขอโทษนะภา ภาให้อภัยฉันนะ”
       ได้ฟังแล้ว ภาพิศก็ร้องไห้โฮออกมา พูดเสียงสั่น “ไม่ค่ะ”
       อารักษ์ตกใจนึกว่าภาพิศยังโกรธอยู่ “ภาฉันเสียใจจริงๆ ที่ไม่เชื่อใจภาไม่ไว้ใจภา ให้อภัยฉันเถอะนะ”
       ภาพิศเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้านองน้ำตา
       “ที่ภาบอกว่าไม่ เพราะภาไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียดท่าน ที่ผ่านมา..ภาก็รอ…รอแค่ว่า..เมื่อไหร่ท่านจะรู้ความจริง มาถึงวันนี้แล้ว ภาดีใจที่สุดค่ะ...ดีใจที่สุดเลย”
       ภาพิศสวมกอดอารักษ์ตอบ สองคนกอดกันแนบแน่น เข้าใจ
       กรรณนรีวิ่งมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้อง กำลังจะเปิดประตูเข้าไป แต่ต้องชะงักอยู่กับที่ เมื่อเห็นภาพนายพลอารักษ์กอดภาพิศแนบแน่น
       กรรณนรียิ้มทั้งน้ำตา ในรอยยิ้มนั้นก็มีทั้งความยินดี และความเสียใจ...น้อยใจ เจืออยู่จางๆ
     
       ที่ริมน้ำมุมโปรดแห่งนั้น กรรณนรีเดินทอดน่องมาตามทางสีหน้าเศร้า ยินดีกับภาพิศ แต่นึกสะท้อนใจชีวิตตัวเอง
       สรวงมายืนรออยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กรรณนรีมองเห็นก็เอ่ยขึ้นทันที
       “ฉันนึกอยู่แล้วว่าต้องเจอคุณ”
       สรวงหน้าเศร้าๆ “ผมก็นึกเหมือนกัน ว่าต้องเจอคุณ....ผมรู้ความจริงแล้วนะ”
       “เรื่อง...” กรรณนรีถาม
       สรวงบอกเสียงแผ่ว “คุณแม่...ไอ้พล”
       กรรณนรีเข้าใจความรู้สึก นึกเป็นห่วง “คุณสรวง”
       “โอเค.ผมโอเค.อย่างที่คุณบอก ยังไงชีวิตก็ต้องเดินต่อไปแต่ แต่ผมไม่ไหวแล้ว”
       สรวงน้ำเสียงสั่น แต่พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหล
       กรรณนรีตกใจเดินเข้าไปหา มองหน้าสรวงอย่างเป็นห่วง สรวงมองมายังกรรณนรี แววตาดูอ้างว้างและเดียวดายเหลือแสน
       “ชีวิตของผมต่อจากนี้...ขอมีคุณอยู่ข้างๆ ได้มั้ย...กรรณนรี”
       ขาดคำสรวงดึงรั้งร่างกรรณนรีมากอด สภาพเหมือนนกปีกหักต้องการรวงรังพักพิง กรรณนรีไม่ขัดขืน แถมยกมือโอบกอดสรวงพลางพูดปลอบประโลม
       “ฉันจะอยู่ข้างๆ คุณค่ะ”
     
       สรวงซบหน้าลงกับไหล่กรรณนรีอย่างอ่อนล้าโรยแรง สองคนกอดกันอยู่ริมน้ำสวยแห่งนั้นนิ่งและนาน
         เช้าวันนี้บรรยากาศดูสดใสไปหมด อารักษ์เดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร ในขณะที่ภาพิศยกสำรับมาขึ้นโต๊ะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส อารักษ์รับมาถามเสียงอ่อนโยนอย่างห่วงใย
     
       “อ้าว! ภา ยกมาเองทำไม” อารักษ์กวาดสายตามองหาบ่าวอย่างแปลกใจ “แล้วหายไปไหนกันหมด”
       “วันนี้ภาให้หยุดค่ะ”


อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 6/3 วันที่ 22 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager