@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 7 วันที่ 26 ก.ย. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 7 วันที่ 26 ก.ย. 55 

เผด็จรับคำแล้วจะกลับออกไป ภคพงษ์นึกถึงเรื่องแม่ที่เจอเมื่อกลางวัน ทำเหมือนจะเล่าให้เผด็จฟัง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ นิ่งเงียบเสีย...

วันนี้รสาลางานครึ่งวันเพื่อไประยอง แต่ไม่ทันที่เธอจะออกเดินทาง ห้าวก็โทร.มาเล่าให้ฟังว่า

เห็นวาริชเดินจูงมือผู้หญิงที่ตลาด ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่น้องสาวเพราะท่าทางกะหนุงกะหนิงสนิทสนมกันมาก ซึ่งตนยังไม่กล้าบอกพิมพรรณ จะรอให้รสามาก่อนคำบอกเล่าของห้าวทำให้รสายิ่งร้อนใจ เธอรีบเก็บของเตรียมออกเดินทางโดยไม่ลืมเอาแฟ้มงานมาฝากเปลี่ยนไว้ให้เผด็จ...ปะเหมาะพอดีภคพงษ์ต้องการหนีพักตร์วิมลที่โทร.มาบอกปุยนุ่นว่าเธอกำลังจะถึงบ้าน ภคพงษ์จึงขึ้นรถไปกับรสาโดยไม่มีใครรู้เห็น

เมื่อพักตร์วิมลมาเก้อ เธอโวยวายเอากับปุยนุ่นอย่างหัวเสีย พอลองโทร.เข้ามือถือภคพงษ์ ปรากฏว่าได้ยินเสียงมันดังอยู่บนโต๊ะในบ้าน นั่นยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดงุ่นง่านไปกันใหญ่

ภคพงษ์มาตัวเปล่า ไม่มีแม้เงินติดกระเป๋า ระหว่างทางเขาหิวข้าว รสาที่ไม่ได้เต็มใจให้เขามาจึงต้องเป็นคนจ่าย ซึ่งเธอก็กำชับห้ามเขากินของแพงอย่างเด็ดขาด และเมื่อเขายียวนกวนใส่ รสาเลยแกล้งสั่งแต่อาหารรสจัดมาทั้งนั้น คิดว่างานนี้นายไฮโซปากดีต้องมีอันปากแดงกันบ้างล่ะ แต่กลายเป็นว่าคนที่เผ็ดจนปากแทบพองต้องพึ่งน้ำเปล่าไปหลายขวดคือรสาเสียเอง

ภคพงษ์กินเผ็ดเก่งตั้งแต่สมัยเรียน คุยอวดรสาว่าตอนอยู่อังกฤษเขาทำอาหารกินเองเผ็ดมากกว่านี้อีก แค่นี้ระดับอนุบาล รสาฟังแล้วหมั่นไส้ ยิ่งได้ยินเขาเปรยขึ้นว่า ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว...เธอยิ่งไม่พอใจทำตาพองใส่

“ไม่ต้องทำตาดุใส่ผมหรอกน่า ตาก็โตอยู่แล้ว ยิ่งถลึงตายิ่งน่ากลัว”

รสาค้อนขวับ ภคพงษ์ยิ้มเอ็นดู ใช้ช้อนกลางเขี่ยพริกออกจากอาหารแยกใส่จานให้รสากินต่อ เพราะรู้ว่าเธอยังไม่อิ่ม รสาทำเชิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตักกุ้งมากิน พอเห็นเขาอมยิ้มก็รีบออกตัวว่า ที่กินเพราะเสียดายของ ภคพงษ์ถึงกับส่ายหน้าในความดื้อของเธอ แววตาเขาอ่อนโยนและเป็นสุขอย่างประหลาด

กินอาหารเสร็จ ภคพงษ์ยังเดินชมตลาดและซื้อขนมกับผลไม้กินอย่างเอร็ดอร่อย โดยคอยชี้บอกให้รสาเป็นคนจ่ายเงิน รสาชักไม่สบอารมณ์ เขม่นแล้วเขม่นอีก แต่เขาก็ยังลอยหน้าต่อไป แถมบางครั้งยังแอบแหย่เธออย่างนึกสนุก

นอกจากอาหารการกินแล้ว รสายังต้องหาซื้อเสื้อผ้าลำลองให้เขาอีกหนึ่งชุด ระหว่างนี้เองห้าวโทร.เข้ามือถือ

รสา ถามว่าถึงไหนแล้ว รสาบอกว่าแวะกินข้าวอยู่ที่ตลาด แล้วเดี๋ยวจะไปรับพิมพรรณเอง ให้พี่ห้าวรออยู่ที่บ้าน

ส่วนที่บ้านเถลิงยศ เผด็จกับสายใจกำลังวุ่นวายใจไม่รู้ว่าภคพงษ์หายไปไหน คิดไปคิดมาสายใจนึกถึง

รสา ลองโทร.ถาม พอได้ความว่าคุณหนูของตนไปกับเธอจริงๆ ก็โล่งใจหายห่วง ฝากฝังรสาดูแล และบอกด้วยว่าไม่ต้องรีบให้กลับมา นานๆทีคุณหนูจะได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด

ที่หน้าโรงเรียน เด็กๆทยอยกลับกันเกือบหมดแล้ว พิมพรรณยืนรอวาริช ก่อนหน้านี้เธอโทร.หาเขาหลายครั้งแต่เขาไม่รับสาย พอมาถึงเขารีบแก้ตัวพัลวันว่างานยุ่ง ลูกค้าที่ร้านเกมส์เรื่องมาก เลยต้องคุยกับเขาเยอะหน่อย พิมพรรณพยักหน้าเข้าใจ แล้วบอกเขาว่าวันนี้รสาจะมารับ ต้องขอโทษด้วย

“ไม่เห็นต้องขอโทษเลยนี่ครับ รสมาก็ดี จะได้

ชวนกันไปหาอะไรทานที่ตลาด แล้วนี่รสจะมาถึงหรือยังครับ”

รถรสาแล่นเข้ามาพอดี พิมพรรณกับวาริชเดินไปหา เมื่อรู้เห็นว่ารสามีหนุ่มหล่อมาด้วย วาริชรีบแสดงตัวเป็นแฟนพิมพรรณ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่กลัวเขาจะเกาะแกะแฟนของตน นอกจากนี้วาริชยังคุยอวดรวยข่มภคพงษ์จนรสาแอบหมั่นไส้ ขณะที่ภคพงษ์กลับวางเฉย ไม่อวดตัวแถมยังถ่อมตนว่าทำธุรกิจเล็กๆของครอบครัว

“แล้วไม่ทราบว่าคุณกับรสเป็นอะไรกันครับ”

“เป็นเพื่อนกันครับ แต่เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากกว่าเพื่อนปกติ” ภคพงษ์พูดหน้าตาเฉย รสาหันขวับมาจ้อง นึกว่าเขาจะสลด กลับโอบไหล่เธอโชว์วาริชเสียอีก

“ดีเลยครับ พิมบอกว่ารสยังโสด ถ้ามีแฟนสักทีก็ดี พิมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

รสาหันมองวาริชด้วยความไม่พอใจ แต่ยังไม่ทันได้ด่าอะไร วาริชชิงพูดขึ้นก่อน

“ผมว่าเราไปหาอะไรทานที่ตลาดกันดีไหมครับ ผมเลี้ยงเอง”

“ดีครับ” ภคพงษ์ชิงตอบก่อนรสา พิมพรรณรีบสนับสนุนให้รสาไปกับภคพงษ์ ส่วนเธอไปกับวาริชแล้วไปเจอกันที่ตลาด

คล้อยหลังสองคนนั้น รสาโวยภคพงษ์ทันทีว่า ใครเป็นเพื่อนเขา ใครสนิทกับเขามากกว่าเพื่อนปกติ แล้วใครจะไปกินข้าวกับเขาที่ตลาด จะทำอะไรปรึกษากันสักนิดได้ไหม

“ผมตอบว่าเป็นเพื่อนก็ดีแล้ว...ดีกว่าตอบว่าเป็นแฟน”

“คุณภัค!”

“ทำตาโตใส่อีกแล้ว...ผมพูดเล่น ที่ผมต้องตอบแบบนั้นเพราะวาริชหวงพิม เขากลัวผมจะไปจีบ ผมตอบเลี่ยงมาแบบนี้ เขาจะได้สบายใจ”

“แต่ฉันไม่สบายใจ”

“ไม่เป็นไรหรอก คุณโกรธง่ายหายเร็ว ได้คุยกับพิมสักพักเดี๋ยวก็หาย...ไป รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวสองคนนั้นจะรอนาน” เขาตัดบทเดินนำไป รสาโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากถอนใจเซ็งๆ

ooooooo

มืดค่ำแล้วลูกสาวยังไม่กลับ พร้อมเริ่มบ่นด้วยความเป็นห่วง แต่พอวิมลมาบอกว่าพิมพรรณอยู่กับรสาแล้วก็ภคพงษ์ที่ตลาด คนเป็นพ่อค่อยคลายกังวล แต่ห้าวกลับหน้าเสียเมื่อรู้ว่านายไฮโซหน้าขาวมากับรสาด้วย

ภคพงษ์ยังคงทำตัวติดดิน ไม่ปริปากฐานะแท้จริงของตนต่อหน้าวาริชและพิมพรรณ ปล่อยให้วาริชคุยโอ่อวดรวยไปตามสบาย

“ที่จริง ระหว่างที่รถของรสเสีย บอกผมก็ได้นะครับ ผมจะได้ให้คนที่บ้านที่เชียงใหม่เอารถมาให้ยืม ไม่ต้องลำบากให้คุณภัคขับรถมาส่ง”

รสามองหน้าวาริชด้วยความหมั่นไส้ พอหันไปทางพิมพรรณก็ชะงัก เพราะรายนั้นยิ้มด้วยความปลื้มใจ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้ลำบาก” ภคพงษ์ตอบอย่างสุภาพ

“ผมก็ไม่ลำบากเหมือนกัน ที่เชียงใหม่ผมมีรถอยู่หลายคัน แต่ผมไม่อยากเอามาเยอะ อีกอย่างผมอยากจะลองใช้ชีวิตอยู่แบบสมถะดูบ้าง”

พิมพรรณยิ้มรับสนับสนุนอย่างเชื่อหมดหัวใจ ว่าวาริชอยากจะลองมาต่อสู้ สร้างฐานะด้วยตัวเอง

“ใช่ครับ...ที่ผ่านมาผมอาจจะเป็นเหมือนคุณหนูลอยไปลอยมา แต่หลังจากที่ผมเจอพิม ผมอยากจะหยุดและสร้างครอบครัวสักที”

พิมพรรณยิ้มปลื้ม แต่รสาไม่ค่อยเชื่อน้ำคำวาริช ภคพงษ์ปรายตามาเห็นปฏิกริยาของรสาก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ส่วนวาริชยังไม่หยุดโอ้อวด

“พูดถึงเชียงใหม่แล้วก็นึกได้ คุณภัคไม่สนใจจะซื้อที่ทำบ้านพักตากอากาศไว้ที่โน่นสักหลังเหรอครับ ผมหาที่ให้ได้นะ”

“ขอบคุณ แต่คงไม่ไหวหรอกครับ”

“เอาน่า...ไม่ต้องแพงเหมือนที่บ้านผมก็ได้ ราคาถูกๆก็มี สนใจหรือเปล่า”

คราวนี้รสาคิดว่าภคพงษ์คงจะตอกกลับวาริช

แต่เขากลับพูดอย่างสุภาพเช่นเดิมว่าขอบคุณ เอาไว้ถ้าตนพร้อมมากกว่านี้แล้วจะบอก...รสาขัดใจเป็นบ้า เมื่อสบโอกาสออกมาหน้าตลาดกันสองคน เธอถามภคพงษ์ทันทีว่า ทำไมไม่บอกวาริชไปเลยว่าเขารวยแค่ไหน เธอเห็นวาริชพูดข่มเขาแล้วหงุดหงิดแทน

“ผมชอบที่จะเปิดเผยตัวจริงกับคนที่ผมไว้ใจเท่านั้น สำหรับคนที่ผมไม่แคร์ เขาจะคิดยังไงก็ช่าง”

คำตอบของภคพงษ์ทำให้รสาอึ้ง สะดุดกับสายตาของเขาที่มองมาเหมือนจะบอกว่าเริ่มแคร์ จู่ๆเธอมีอาการตื่นเต้นขึ้นมา ต้องเบนสายตาไปทางอื่นแล้วพูดเฉไฉว่าจะไปตามพิมก่อน ดึกแล้วเดี๋ยวอาพร้อมกับอาวิมลเป็นห่วง

พิมพรรณกำลังเลือกซื้อผลไม้ วาริชยืนมองอยู่ห่างๆ ระหว่างนี้เขาแอบโทร.หาผู้หญิงอีกคน ออดอ้อนว่า คิดถึง แต่วันนี้งานยุ่งเพิ่งจะมีเวลาโทร.กลับ พอเหลือบเห็นพิมพรรณจะเดินมา เขารีบบอกลาคนในสาย อ้างว่าลูกค้าเรียกอีกแล้ว

“คุยกับใครคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” พิมพรรณถาม

“ยิ้มอะไร คุยกับลูกค้าน่ะ เรื่องมากจะตาย ก็ต้องทำเป็นอารมณ์ดีกลบเกลื่อน ซื้อของเสร็จแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถ” วาริชทำเนียนรวบรัดตัดความ ออกเดินหน้าระรื่นไปกับพิมพรรณ

รสาก้าวออกมาจากมุมที่ซ่อนตัว สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด แววตาเต็มไปด้วยความกังวลที่ได้ยิน

วาริชเจ๊าะแจ๊ะสาวอื่น

ooooooo

กลับถึงรีสอร์ต รสายังไม่คลายความกังวลเรื่องที่แอบได้ยินวาริชคุยโทรศัพท์จีบสาวอื่น เธอไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงกับพิมพรรณเพื่อไม่ให้เสียใจ ภคพงษ์สังเกตได้ เอ่ยปากทันทีที่พิมพรรณเดินเข้าไปในบ้านแล้ว

“ผมเห็นคุณเครียดๆตั้งแต่ขับรถมาจากตลาดมีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีค่ะ” ปฏิเสธแล้วรสาจะเลี่ยงเข้าบ้าน ภคพงษ์จับมือเธอไว้ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างรู้ทัน

“ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็บอกพิมตรงๆ พิมรักคุณ และไว้ใจคุณมากที่สุด ผมเชื่อว่าเขาต้องฟังคุณ”

รสาชะงัก คาดไม่ถึงว่าเขาจะรู้ใจเธอขนาดนี้ ทันใดนั้นเสียงห้าวร้องเรียกรสาดังมา รสาสะดุ้งรีบดึงมือออกจากภคพงษ์ ห้าวเดินเข้ามามองหน้าภคพงษ์อย่างไม่เป็นมิตร แกล้งเดินเฉียดไหล่เขาไปหยิบกระเป๋าของรสาในรถ

พร้อมกับวิมลต้อนรับขับสู้ภคพงษ์ด้วยความเต็มใจ อนุญาตให้พักที่รีสอร์ตของตนได้ตามสบายจะสองคืนหรือสามคืนก็ได้ ห้าวท้วงทันทีว่า ตอนนี้ห้องเต็ม วิมลแย้งว่าเต็มที่ไหน บังกะโลริมหาดยังว่าง

“ฉันรู้ว่าว่าง แต่มันเก่ามากนะ ทั้งเก่าทั้งโทรม แอร์ก็ไม่มี จะนอนได้เหรอ”

“นอนได้ครับ ไม่มีปัญหา ถ้าไม่มีห้องจริงๆ ผมนอนที่นี่ก็ได้” ภคพงษ์มองไปที่โซฟารับแขก ห้าวยิ้มย่อง ให้นอนตรงนั้นได้ แต่สามคนพ่อแม่ลูกคัดค้านขึ้นพร้อมกันว่ายุงเยอะ

“บ้าเหรอพี่ห้าว นอนตรงนี้เดี๋ยวยุงก็ได้หามกันพอดี พิมว่ารสพาคุณภัคไปดูที่พักก่อนดีกว่า ว่าพอจะ นอนได้หรือเปล่า นี่จ้ะกุญแจ”

ห้าวจะแย่งกุญแจไปเอง แต่พิมพรรณไม่ยอม ซ้ำยังดึงห้าวออกไปคุยกันอีกทาง ปล่อยให้รสาพาภคพงษ์ไปดูที่พักตามสะดวก...ห้าวไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรที่ไม่ชอบภคพงษ์ เลยพูดส่งเดชว่าไม่ชอบที่หน้ามันขาวเกินไป พิมพรรณฟังแล้วทั้งขำทั้งงงว่าความขาวกับความไม่น่าไว้ใจมันเกี่ยวกันยังไง

“เกี่ยวก็แล้วกัน พี่ว่ามันต้องคิดไม่ดีกับรส ครั้งแรกที่มาส่งยังพอให้อภัย แต่ครั้งนี้เล่นมาแบบไม่มีอะไรมาเลย แล้วยังมีหน้ามาขอนอนบ้านคนอื่นอีก ไว้ใจไม่ได้”

“พี่ห้าวน่ะคิดมาก คุณภัคก็ดูสุภาพ จริงใจดี ไม่ลุ่มล่าม อีกอย่างดูเขาให้เกียรติรสจะตาย”

“สร้างภาพน่ะสิ เป็นเจ้านายมีอย่างที่ไหนตามมาเที่ยวกับลูกน้อง พี่บอกแล้วไอ้พวกหน้าขาวๆไว้ใจไม่ได้สักคน...ของเราก็เหมือนกัน”

“ของพิม? หมายถึงใคร”

ห้าวอึกอัก นึกด่าตัวเองไม่น่าหลุดปากไปเลย เมื่อโดนพิมพรรณถามคาดคั้น ห้าวเลยโบ้ยให้รสา

บอกเองดีกว่า พอดีรสากลับจากไปส่งภคพงษ์ที่ห้องพัก พิมพรรณจึงเค้นเอาคำตอบจนได้

เมื่อรู้ความจริงว่าวาริชมีคนอื่น รสาเพิ่งได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ตอนหัวค่ำ ส่วนห้าวเห็นกับตาที่ตลาดเมื่อวันก่อน...พิมพรรณน้ำตาร่วงไม่รู้ตัว

“พิมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ แต่ถ้าพิมไม่เชื่อ พิมจะกลายเป็นคนที่โง่มาก พี่ห้าว...ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง สวยหรือเปล่า แล้วตอนที่พี่ห้าวเห็น เขากำลังทำอะไรกัน”

ห้าวลำบากใจไม่อยากตอบ รสาจับมือพิมพรรณ ปลอบโยนว่า “รสว่าพิมอย่าพยายามตั้งคำถามเลย ยิ่งเราอยากรู้ เราจะยิ่งเจ็บเปล่าๆ”

“ใช่...รู้เท่าที่เห็น รู้เท่าที่มันเป็น ก็พอแล้ว” ห้าวโพล่งขึ้น

“แต่ตอนนี้พิมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่พิมเห็นมันเป็นความจริงหรือเปล่า และความจริงมันคืออะไรกันแน่”

พิมพรรณร้องไห้ด้วยความเสียใจและสับสน รสาใจเสีย ดึงเธอมากอดด้วยความสงสาร

ooooooo

รุ่งขึ้นพิมพรรณออกจากบ้านแต่เช้า รสาทราบจากวิมลว่าพิมพรรณตื่นตั้งแต่ตีห้า ซึ่งรสาแน่ใจว่าเธอไม่ได้นอนเลยต่างหาก

ด้วยความเป็นห่วง รสาออกตามหาพิมพรรณแถวชายหาด โดยอุ้มน้องหมาตัวน้อยน่ารักที่เพื่อนบ้านเอามาฝากอาวิมลเลี้ยงชั่วคราวไปด้วย ระหว่างนี้เองชีวินโทร.หาเธอโดยไม่รู้ว่าอยู่ระยอง ถามเธอว่า สนใจอาหารเหนือพวกแคบหมูน้ำพริกหนุ่มบ้างไหม ตอนนี้ตนมาประชุมกับลูกค้าที่เชียงใหม่ ตอนเย็นลงเครื่องแล้วจะรีบเอาไปให้ที่บ้าน

“ไม่เป็นไรจ้ะ ตอนนี้รสอยู่ระยอง แต่ถ้าวินอยากซื้อมาฝากป้าภรณ์ก็ได้นะ ลองโทร.ถามป้าก็ได้”

“รสอยู่ระยองเหรอ แล้วรสไปยังไง กลับยังไง

จะให้วินไปรับหรือเปล่า หรือจะให้นั่งรถตู้ไปหา แล้วนั่งรถกลับมาเป็นเพื่อน”

“ไม่เป็นไรจ้ะ รสขับรถกลับเอง แล้วก็มีเพื่อนนั่งกลับไปด้วย”

“ใครเหรอ”

รสานิ่งไปนิดก่อนตัดสินใจตอบตามจริง ชีวินได้ยินชื่อภคพงษ์ก็ตกใจ ทำท่าจะซักต่อ...แต่รสาเบรกเสียก่อนว่า อย่าเพิ่งถามอะไร เอาไว้กลับไปค่อยคุยกัน ตอนนี้ตนต้องดูแลพิมพรรณก่อน

พิมพรรณหลบไปนั่งเศร้าที่ริมทะเลห่างไกลผู้คน รสาโทร.เข้ามือถือเธอก็ไม่รับ นั่นยิ่งทำให้รสาเป็นห่วง เดินตามหาด้วยความร้อนใจ

หลังจากลังเลอยู่นาน พิมพรรณตัดสินใจโทร.

หาวาริช ซึ่งตอนนั้นเขาอยู่ที่ร้านเกมกับแฟนอีกคน

กว่าจะรับสายได้จึงใช้เวลาหลบเลี่ยงพอสมควร วาริชหลอก พิมพรรณว่า ตนกำลังประชุมกับลูกค้า พูดไม่กี่ประโยคก็บอกลาจนผิดสังเกต ทำให้พิมพรรณยิ่งคิดมาก นั่งน้ำตาเอ่อคลออยู่คนเดียว

รสาอุ้มหมาน้อยเดินผ่านไปทางห้องพักภคพงษ์ เสียงหมาเห่าทำให้ภคพงษ์เดินออกมามอง แล้วชวนรสาไปเดินเล่นริมทะเล รสาออกตัวว่าเธอคงเดินเป็นเพื่อนเขาได้ไม่นาน เพราะต้องไปตามหาพิมพรรณ

“ผมทราบ ผมรั้งตัวคุณไว้ไม่นานหรอก ไม่ต้องห่วง...ตอนเด็กๆผมเคยคิดอยากจะเลี้ยงหมาสักตัว

แต่ก็ต้องเลิกล้มความคิด เพราะชีวิตตอนนั้นอยู่ไม่เป็นที่ ต้องไปๆมาๆระหว่างโรงเรียนประจำกับบ้านของฝรั่งที่รับเป็นผู้ปกครอง แล้วก็ต้องบินกลับไทย เลยคิดว่า ถ้าเลี้ยงแล้วดูแลไม่ได้เต็มที่ อย่าเลี้ยงดีกว่า ผมเคย

อ่านเจอในหนังสือเขาบอกว่า การมีสัตว์เลี้ยงมันดีมากสำหรับเด็กๆนะ มันทำให้เขารู้จักการดูแลเอาใจใส่คนอื่น รู้จักการอยู่ร่วมกับคนอื่น เป็นบทเรียนทางธรรมชาติวิทยาที่ดีมาก”

“จริงเหรอคะ ฉันมีสัตว์เลี้ยงมาตลอดเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่ปลาทองตอนเด็กๆ พอโตขึ้นมาหน่อยก็เป็นนกแก้ว หมาก็เคยเลี้ยงชื่อเจ้าเฉาก๊วย เพิ่งจะเสียไปเมื่อปีที่แล้วเองค่ะ ส่วนนี่ก็เจ้าปุยเพื่อนของอาวิมลมาฝากเลี้ยงไว้สองสามวัน เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็สนิทกันเลย”

“เพราะคุณเรียนรู้การให้มาตั้งแต่เด็ก ทำให้คุณเป็นคนเปิดเผย เข้ากับคนง่าย เมตตา และอ่อนโยนเหมือนทุกวันนี้”

ภคพงษ์มองรสาอย่างจริงใจ แววตาชื่นชมเธออย่างเห็นได้ชัด ทำเอารสาเก้อเขิน กลบเกลื่อนด้วยการถามเขาว่า กินยาผิดหรือเปล่า หรือว่าเมาทะเล อยู่ๆถึงได้มายอกันเอง

“ผมไม่ได้กินยาผิด แล้วก็ไม่ได้เมา แต่ผมพูดจริงๆ”

ภคพงษ์ย้ำอีกครั้งอย่างจริงจัง รสาถึงกับตะลึงทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ ทันใดนั้นเสียงห้าวดังขึ้นเหมือนระฆังช่วยชีวิต ห้าวเดินเข้ามาแทรกกลาง บอกรสาว่าตนเจอพิมพรรณแล้ว

รสาไม่รอช้า รีบร้อนไปกับห้าวทันที และทันไปเห็นพิมพรรณกำลังจะเดินลงทะเล สองคนตกใจนึกว่าเธอคิดฆ่าตัวตาย วิ่งตามพร้อมกับร้องห้ามกันเสียงหลง ภคพงษ์ เดินตามมาทีหลังพลอยตกใจไปด้วย

ปรากฏว่าพิมพรรณไม่ได้จะฆ่าตัวตาย แค่เดินเล่นปล่อยอารมณ์ไปเรื่อยเปื่อย เธอบอกทุกคนว่าไม่ได้เป็นอะไร แล้วก็ไม่คิดจะฆ่าตัวตายด้วย มันยังไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอก

“ก็ใครจะไปรู้ หาก็ไม่เจอ โทร.มาก็ไม่รับสาย”

“พิมแค่อยากอยู่คนเดียว ทบทวน เผื่อจะเจอว่า เราบกพร่องตรงไหน”

“พี่ว่าพิมไม่ต้องคิดหรอก คิดไปก็ไม่ได้คำตอบ เรามาหาอะไรทำสนุกๆแก้เครียดกันดีกว่า”

ว่าแล้วห้าวก็นำเสนอให้เล่นเกมวิ่งขี่หลังแข่งกัน โดยใช้วิธีจับไม้สั้นไม้ยาวเลือกคู่กันก่อน ปรากฏว่าห้าวคู่กับพิมพรรณ ส่วนรสาคู่กับภคพงษ์ แต่ห้าวอยากคู่กับรสามากกว่า จึงทำโยกโย้อยู่พอสมควรกว่าจะยอมทำตามกติกา

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นด้วยความสนุกสนาน แรกๆ

รสาเก้อเขินที่ต้องขี่หลังภคพงษ์ แต่พอออกสตาร์ตก็หมายมุ่งเอาชัยชนะจนลืมความเขิน กลายเป็นสนุกสนานกันทั้งคู่

ผลการแข่งขัน คู่ของรสาเอาชนะห้าวกับพิม-พรรณได้ฉิวเฉียด ทั้งที่ห้าวซึ่งนำมาตลอดกำลังจะวิ่งไปคว้าธงชัยอยู่แล้ว แต่เจ้าหมาน้อยดันวิ่งตัดหน้าจนห้าวเสียหลักล้มไม่เป็นท่า ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายตกใจของพิมพรรณ

รสาดีใจมากกับชัยชนะถึงขนาดเผลอโอบไหล่ภคพงษ์อย่างกันเอง แล้วกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยรอยยิ้ม

“แจ๋วจริงๆค่ะคุณภัค สุดยอดไปเลย”

พอรู้ตัวก็ยิ้มแหยๆ อ้อมแอ้มว่าขอโทษ พร้อมกับดีดตัวออกห่าง ส่วนห้าวกับพิมพรรณยังเค้เก้อยู่กับพื้น

“โอ๊ย...พี่ห้าวนะพี่ห้าว วิ่งยังไงล้มมาได้”

“ก็ไอ้เจ้าปุยน่ะสิมันตัดหน้า...บ้าจริงๆ” ห้าวโวยออกมาด้วยความเสียดาย

ภคพงษ์กับรสายิ้มขำท่าทีของห้าว แล้วภคพงษ์ก็หยิบธงผ้าจากมือรสา นำมาผูกข้อมือให้เธออย่างอ่อนโยน

“ชัยชนะนี้เป็นของเธอนะรสา ถ้าไม่ได้เธอ ฉันคงไม่ชนะ”

ภคพงษ์ยิ้มอบอุ่นจริงใจและเป็นธรรมชาติ รสารู้สึกใจเต้นโครมครามอย่างบอกไม่ถูก ห้าวมองภาพเบื้องหน้าด้วยความไม่พอใจ แอบหวงรสาอยู่ลึกๆ

ooooooo

วันเดียวกันที่บ้านสุวิทย์...รัชนีเข้ามาในห้องรับแขกเห็นลูกสาวคนสวยกำลังเพลิดเพลินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะอ่านนิตยสารเล่มหนึ่ง

“ปราง...อ่านอะไรอยู่ลูก”

“อ่านสัมภาษณ์ชายในฝันของสาวๆค่ะคุณแม่”

“นี่ลูกแม่โตเป็นสาวจนเริ่มสนใจชายในฝันแล้วเหรอเนี่ย ใครจ๊ะ” รัชนีกระเซ้าอย่างอารมณ์ดี แต่พอ

ลูกสาวตอบร่าเริงว่าเขาคือ ภคพงษ์ เถลิงยศ...เธอถึงกับชะงัก หน้าถอดสีทันที

“เขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมากเลยนะคะคุณแม่ ทั้งครอบครัว ฐานะ การศึกษา รูปร่าง หน้าตา แถมยังนิสัยดีอีกต่างหาก ปรางไม่แปลกใจเลยค่ะที่เขาได้รับเลือกเป็นหนุ่มฮอตชายในฝันของสาวๆ”

“แต่แม่ว่า...ปรางอย่าไปสนใจเลย” รัชนีพูดพร้อมกับดึงหนังสือจากมือลูกไป

“อ้าว...ทำไมคะแม่”

“ก็ปรางยังเด็ก แม่อยากให้ปรางสนใจเรื่องเรียนมากกว่าเรื่องผู้ชาย”

“ปรางแค่อ่านสัมภาษณ์พี่เขา ไม่ได้แปลว่าปรางจะสนใจเขาในแง่นั้นสักหน่อย ทำไมคะคุณแม่ หรือว่าปรางอ่านบทสัมภาษณ์ของผู้ชายไม่ได้เลย”

“เปล่านะลูก แม่แค่เป็นห่วง”

“คุณแม่ห่วงปรางมากเกินไปค่ะ ปรางโตแล้วนะคะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ ปรางดูแลตัวเองได้” ปรางทิพย์เอ่ยอย่างอ่อนโยน พลางกอดรัดออดอ้อนแม่ “ปรางขออนุญาตอ่านต่อนะคะ”

รัชนีจำใจปล่อยหนังสือเล่มนั้นคืนลูกไป ทั้งที่ความกังวลใจบางอย่างเริ่มก่อตัวเข้ามารบกวนจิตใจ

ooooooo

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 7 วันที่ 26 ก.ย. 55
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ