@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 7/3 วันที่ 26 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 7/3 วันที่ 26 ก.ย. 55

 “พ่อโทร.ไปตามกาวหน่อยสิ ไม่งั้นกาวชอบทำงานเพลิน” กาวินทร์เดินเข้าครัวไป
       เกริกหยิบมือถือ กดโทร.หากรรณนรี
      เป็นเวลาเดียวกับที่สรวงกอดกรรณนรีไว้แน่น ก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากไล่ลงมาที่จมูก สองสายตาสบประสานกัน สรวงพูดอย่างลึกซึ้ง จริงจัง
       “ฉันรักเธอ ..แล้วเธอล่ะรักฉันบ้างมั้ยกรรณรี?”  
       กรรณนรีมองสรวง รู้สึกเต็มตื้น น้ำตาคลอ “รักสิคะ..ฉันรักคุณมากคุณสรวง”       สรวงยิ้มพราย ก้มลงจูบที่ริมฝีปากกรรณนรีแผ่วเบา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่กรรณนรีจูบตอบคนที่รักโดยไม่ขัดขืน
       สองคนกอดกันแนบแน่น แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะดำดิ่งเตลิดไปตามแรงปรารถนา เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดขึ้น ทั้งสองคนสะดุ้ง เฮือก ได้สติ กรรณนรีรีบคว้ามือถือมามองหน้าสรวง อย่างกังวล
       “พ่อ”
       สรวงรีบบอก “รีบรับโทรศัพท์ท่าน ฉันจะอยู่เงียบๆ” สรวงกอดกรรณนรีจากด้านหลังนิ่งๆ
       แต่ยื่นใบหน้ามาคลอเคลียแถวแก้มกรรณนรีตลอดเวลา
       กรรณนรีรีบสาย ปรับเสียงเป็นปกติ “คะพ่อ”

       “ตีสี่แล้ว งานยังไม่เสร็จอีกเหรอลูก”
       สรวงหอมกรรณนรีฟอดหนึ่ง กรรณนรีค้อนขวับ
       กรรณนรีรีบบอก “เสร็จแล้วค่ะพ่อ กาวกำลังจะกลับบ้านพอดี”
       “งั้นรีบกลับมาเร็วๆ นะ.....พ่อจะรอ พ่อเป็นห่วง”
       “ค่ะพ่อ” รีบวางสาย “แบตหมดพอดี ไม่งั้นพ่อห่วงแน่ กลับเร็วค่ะ”
       สรวงคว้าตัวกรรณนรีมากอดอย่างรักใคร่ ทะนุถนอมไม่ใช่หื่นหิว ยั่วยิ้ม “ใครให้กลับ”
       “ฉันนี่ล่ะจะกลับ” กรรณนรีเขินๆ
       สรวงอ้อนสุดขีด ทั้งเสียงและแววตา “อยู่ต่ออีกนิดนึง”
       “ไม่เอาค่ะ” กรรณนรีส่งสายตาอ้อนๆ อ่อนหวาน “พาฉันกลับได้แล้วค่ะคุณสรวง...เร็ว”
       “ขอชื่นใจก่อน” สรวงดึงมาจูบอีก ก่อนยื่นหน้าเอียงแก้มตัวเองให้กรรณนรีท่าทีขำๆ “อ่ะ!เธอชื่นใจฉัน”
       กรรณนรียิ้มเขิน “มัวแต่ชื่นใจกันไปมา เดี๋ยวก็ไม่ได้กลับกันพอดี” ฉุดมือสรวง “กลับเร็วค่ะ”
       สรวงยื้อมือไว้ “เดี๋ยวก่อน” ยื่นแก้มให้อีก
       “คุณสรวง”
       สรวงยิ้ม พลางชี้แก้มตัวเอง “เร็ว”
       กรรณนรีทำหน้าอ่อนใจ ก่อนยื่นจมูกไปหอมเร็วๆ ที่แก้มสรวงทีหนึ่ง สรวงดึงกรรณนรีเข้ามาหอมเร็วๆ กรรณนรีทุบสรวงไปมา สรวงหัวเราะร่า
       “เอ้า! กลับๆ ฉันไม่แกล้งเธอแล้ว” สรวงลุกขึ้นมาโอบพากรรณนรีออกมาไป ย้ำคำหวานจากก้นบึ้งของหัวใจ “ฉันรักเธอนะ กรรณรี”
       กรรณนรียิ้มหวาน “ฉันก็รักคุณค่ะ”
     
       สองคนยิ้มให้กัน ก่อนที่สรวงจะพากรรณนรีออกจากห้องไปขึ้นรถ สองคนเดินเคียงกันไปกระหนุงกระหนิง
        ตอนสายวันต่อมา ภาพิศมาออกกำลังกายสำหรับคนท้องอยู่ที่ฟิตเนส ดวงหน้าผ่อนคลาย ดูเปี่ยมสุข สักครู่หนึ่งจึงเดินไปพักหยิบมือถือออกมา กดโทร.ออก หาสรวง แต่ติดต่อไม่ได้ ภาพิศกดเบอร์กรรณนรี แต่ก็ติดต่อไม่ได้อีกเช่นกัน
     
       ภาพิศเริ่มกังวล ตัดสินใจโทร.ไปที่เบอร์บ้านนายพลอารักษ์ แม่บ้านมารับสาย
       “บ้านพลตรีอารักษ์ อริยวรรตค่ะ”
       “ฉันภาพิศ คุณสรวงอยู่มั้ย”
       “คุณสรวงไม่อยู่ค่ะ...คุณภาพิศมีธุระอะไรหรือคะ”
       สุดาเดินมาได้ยินพอดี เดินมาคว้าโทรศัพท์ทันที
       “ไม่ว่าเธอจะตายโหงตายห่า เป็นสัมภเวสีผีเร่ร่อนก็ไม่ต้องมาขอส่วนบุญจากลูกชายฉัน”
       สุดาด่าเป็นชุด โดยไม่รู้ว่าที่ด้านหลัง อารักษ์เดินลงมาจากชั้นบนได้ยินพอดี
       ภาพิศหัวเราะเยาะ “ไหนเราว่าจะปรองดองกันไงคะคุณหญิงพี่..แล้วไหงผีเจาะปากมาพูดขนาดนี้คะ? อุ๊ย! มีหนอนหล่นออกมาด้วย”
       สุดาสวนกลับ “หนอนมันก็หล่นออกมาจากปากเธอไงยะ? อ้อ! ไม่ใช่แค่ปาก แต่หนอนมันชอนไชออกมาตามเนื้อตามตัวของเธอเต็มไปหมด เพราะเธอมันเน่า อย่ามายุ่งกับลูกชายฉันอีก”
       สุดากระแทกหูโทรศัพท์บอกแม่บ้าน “ถ้านังภาพิศมันโทร.มาอีกด่ามันเลย” แล้วเดินออกไป แม่บ้านทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม
       อารักษ์กลุ้มใจสุดๆ ภาพิศเองก็ดูจะกังวลไม่น้อย
     
       สรวงขับรถมาส่งกรรณนรีที่หน้าบ้าน สองหนุ่มสาวจับมือกันตลอดเวลา สรวงมองละห้อย
       “ทำไมวันนี้บ้านเธออยู่ใกล้จัง”
       “ยังจะมาพูดดีอีก...วันนี้คุณขับรถช้ามาก ถึงบ้านซะสายเลย”
       สรวงโน้มตัวเข้ามาใกล้บอกเสียงอ้อน “ก็ฉันอยากอยู่กับเธอนานๆ นี่”
       “กลับได้แล้วค่ะ ฉันจะรีบเข้าบ้าน”
       “วันหลังมีโอกาส..เราไปขอบคุณคุณภาพิศด้วยกันนะ” สรวงยิ้มแย้ม
       กรรณนรีเต็มตื้นขึ้นมา “คุณเลิกเกลียดเค้าแล้วเหรอคะ”
       “ก็รักลูกสาวเค้าแล้วนี่..จะเกลียดได้ยังไง” สรวงสารภาพดื้อๆ
       “ขอบคุณค่ะคุณสรวง ขอบคุณจริงๆ”
       สรวงกุมมือกรรณนรีแน่น “ฉันรักเธอกรรณนรี” พร้อมกับยกมือขึ้นจูบอย่างแผ่วเบา “แล้วเจอกันจ้ะ”
       กรรณนรีลงจากรถ เดินเข้ามาในรั้วบ้าน สรวงขับรถแล่นออกไป เกริกมองเห็นทุกเหตุการณ์
     
       กรรณนรีเดินตัวลีบเข้ามาในบ้าน รู้สึกผิดจนไม่กล้าสบตาเกริก ยกมือไหว้แล้วเดินเลี่ยงไปชาร์ตแบตมือถือก่อนจะหันมาชวนคุย
       “พ่อโทร.หากาวอีกหรือเปล่าคะ พอดีมือถือกาวแบตหมด”
       “แล้วคิดว่าพ่อโทร.หรือเปล่าล่ะ? กาวบอกจะออกจากออฟฟิศตั้งแต่ตีสี่ แล้วกาวเพิ่งมาถึงบ้านเดี๋ยวนี้” เกริกเหน็บ
       “พอดี...กาวมีงานด่วนนิดหน่อยค่ะ”
       เกริกเสียงเครือ โกรธนิดๆ “กาวคิดว่าพ่อไม่เห็นเหรอ?” กรรณนรีเงียบกริบ เกริกว่าต่อ “พ่อนั่งจ้องตั้งแต่มีรถมาจอด แล้วกาวลงมาจากรถเค้าแล้ว” กรรณนรีหน้าซีดหนักกว่าเดิมอีก “หายไปกับผู้ชายทั้งคืนแปลว่าอะไรกาว”
       กรรณนรีรีบปฏิเสธปากคอสั่น “เปล่านะคะพ่อ ไม่ใช่อย่างที่พ่อคิด”
       เกริกย้อนถามเสียงเครือ “แล้วมันคืออะไร? ไหนบอกพ่อมาซิกาว มันคืออะไร”
       กรรณนรีอึ้งนิ่งงันไป พูดไม่ออก
       เวลาเดียวกันภาพิศเดินสีหน้ากังวลตรงไปที่ลานจอดรถของฟิตเนสแห่งนั้น ก่อนจะกดโทร.หากรรณนรี
     
       กรรณนรีไม่ทันตอบพ่อเสียงมือถือดังขึ้น กรรณนรีสะดุ้งมองเมื่อเห็นเป็นเบอร์ภาพิศ กรรณนรีหน้าซีด เกริกเข้าใจผิดว่าเป็นสรวง
       “มันโทร.มาใช่มั้ย? เอามานี่พ่อจะคุยกับมันเอง” เดินมาจะคว้ามือถือ
       กรรณนรีปิดทันที “ไม่ใช่เค้าค่ะพ่อ”
       “แล้วใคร”
       “แขกรับเชิญของกาว”
       เกริกไม่เชื่อ “กาวกำลังโกหกพ่อ”
       “เปล่าค่ะ กาวไม่ได้โกหก”
       กาวินทร์เดินเข้ามา “เดี๋ยวผมคุยกับน้องเองพ่อ” คว้าข้อมือกรรณนรี “มะกาว”
       สองคนออกไป เกริกมองตามอย่างโกรธขึ้ง ยังคิดว่ากรรณนรีโกหก จึงเดินตามไป
       ส่วนภาพิศมองมือถือด้วยความไม่สบายใจ
     
       ภายในห้องกรรณนรี กาวินทร์พากรรณนรีเข้ามา แล้วปิดประตูลง
       “พี่ไม่อยากจะด่าแกหรอกนะกาว เพราะเราก็โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว แต่แกกำลังโกหก”
       “กาวไม่ได้โกหกจริงๆ นะพี่แก้ว คนที่โทร.มาไม่ใช่คุณสรวง”
       “แล้วใคร?”
       “แม่...แม่โทร.มา”
       เกริกที่แอบฟังอยู่ด้านนอกได้ยิน ก็ตกใจ คาดไม่ถึง กรรณนรีบอกต่อ
       “แล้วพี่แก้วจะให้กาวคุยกับแม่ต่อหน้าพ่อเหรอ”
       กาวินทร์นิ่ง เสียงอ่อนลง “มันก็จริง...งั้นเดี๋ยวพี่จะช่วยแกโกหกพ่อเอง...รีบอาบน้ำไป
       ทำงาน”
       “ค่ะ”
     
       เกริกยิ้มออกมาน้อยๆ ดวงตาที่บ่งบอกว่าโกรธลูกเมื่อครู่หายไปจนสิ้น
       ไม่นานนักเกริกเดินเข้ามาในห้อง ตรงไปที่หัวเตียง หยิบรูปของครอบครัวขึ้นมาดู เกริกมองภาพอย่างตื้นตันใจ ค่อยๆ เอามือลูบไล้รูปนุดี หรือภาพิศในวันนี้ หน้าตาบ่งบอกว่าคิดถึงมากเหลือเกิน แต่แล้วพลันสีหน้าก็เจื่อนลงไปเมื่อนึกถึง คำพูดที่ภาพิศบอกว่าตนคิดถึงลูก แต่ไม่อยากยุ่งกับเกริก เกริกหน้าเศร้าแต่ยังยิ้มได้
       “แค่เธอคิดถึงลูก แค่นี้ก็พอนุดี แค่นี้ก็พอ”
     
       เกริกกอดตระกองรูปแนบอก คิดถึงเมียที่ทิ้งไปเหลือแสน
        ในวันต่อมาเสียงมือถือดังขึ้น ภาพิศวิ่งมารับ
     
       “ค่ะท่าน”
       อารักษ์จอดรถอยู่ข้างทาง “ภารอสายซักครู่นะ ฉันจะโทร.หาคุณหญิงสุดา”
       ภาพิศอดกังวลไม่ได้ ว่าจะคุยอะไร “ค่ะท่าน” อารักษ์โทร.หาสุดา
       สุดาอยู่ที่บ้าน เสียงโทรศัพท์ดัง จึงกดรับสาย “ค่ะคุณ”
       “คุณหญิง...ตอนนี้ภาพิศอยู่ในสายด้วยนะ เราจะคุยกันสามสาย”
       สายตาของสุดากับภาพิศ แต่ละคนต่างเกร็งๆ ว่าจะคุยอะไรกัน
     
       สุดากับภาพิศ แต่ละคนท่าทางคิดหนัก น้ำเสียงของอารักษ์ที่ฟังออกว่าหนักใจดังก้อง
       “ผมอยากให้เราอยู่กันด้วยความเข้าใจ เป็นไปได้มั้ย ถ้าเราสามคนจะทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครอบครัวเดียวกันซักที”
       ภาพิศ กับสุดานิ่งงันไป ต่างคนต่างคิด
       “ผมจะรออยู่ที่ร้าน...หวังว่า...คงเจอคุณทั้งสองคน”  
       สุดาและภาพิศชั่งใจอย่างหนัก ว่าจะไปหรือไม่ไป
     
       อารักษ์ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าร้านอาหาร ลุ้นๆ ว่าสุดากับภาพิศจะมาหรือไม่
       สักครู่หนึ่งภาพิศซึ่งแต่งตัวสวยเดินมาทางซ้าย อารักษ์หันไปเห็นยิ้มอย่างโล่งใจ แต่สีหน้าก็ยังเป็นกังวล อยู่ดี ไม่รู้ว่าสุดาจะมาหรือเปล่า
       สุกครู่ต่อมาสุดาก็เดินมาจากทางขวา อารักษ์ยิ้มกว้างโล่งใจ ภาพิศ กับสุดาเดินมา อารักษ์กางแขนออก ให้สองคนควงแขน เดินเคียงกันเข้าไปในร้านเท่ สามคนเมียผัว
     
       บริกรนำอารักษ์ ภาพิศ และสุดาไปยังโต๊ะเอาท์ดอร์ที่จัดเตรียมไว้ กลางสวนสวยๆ บรรยากาศร่มครึ้มด้วยสีเขียวของพรรณไม้นานาพันธุ์ สามคนสวมชุดขาวในสไตล์ของตัวเอง เหมือนงานเลี้ยงในสวนกลายๆ โต๊ะถูกจัดอย่างหรูหราสวยงามเป็นพิเศษ มีกุหลาบประดับโต๊ะ
       อารักษ์ยิ้มแย้ม “ผมดีใจมาก ที่คุณสองคนมา...เพราะแสดงให้ผมรู้ว่า..เราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
       สุดากับภาพิศยิ้มให้กัน แต่ในดวงตาฉาบไว้ด้วยความระแวงระวัง ต่างไม่ไว้ใจกัน
       สุดายิ้มจริงใจให้อารักษ์ “ฉันทำเพื่อคุณค่ะ”
       ภาพิศยิ้มหวาน “ภาก็ทำเพื่อท่านค่ะ”
       “ขอบใจมาก ขอบใจจริงๆ” อารักษ์เอื้อมมือไปกุมมือทั้งสองคนไว้ “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ยังไงผมก็อยากให้คุณสองคนปรองดองกันนะ”
       สองคนยิ้มให้กันและกัน “ค่ะ”
       ระหว่างนั้นบริกรเดินถือช่อดอกกุหลาบสีแดงเหมือนกันสองช่อมาให้ อารักษ์ ยื่นให้สุดา และภาพิศพร้อมกัน
       “สำหรับภรรยาที่ผมรัก ทั้งสองคน” อารักษ์บอกเสียงนุ่มนวล
       ภาพิศ กับสุดารับยิ้ม สามคนยิ้มให้กัน
       “ขอตัวซักครู่นะ” อารักษ์บอกแล้วเดินออกไป
       ภาพิศกับสุดาหันมามองหน้ากัน พร้อมรอยยิ้มที่แปลความหมายไม่ออก
     
       อารักษ์เดินเข้าไปในบริเวณร้าน บริกรเดินนำพาเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง ที่ด้านในมี เพชรเพื่อน
       ของอารักษ์นั่งรออยู่ ทันทีที่ประตูปิดอารักษ์ถามขึ้น
       “เรียบร้อยใช่มั้ยเพื่อน”
       “จัดให้เพื่อนตามที่ขอ เชิญ...ตามสบาย” เพชรตบไหล่อารักษ์แล้วเดินออกไป
       อารักษ์นั่งนิ่ง จดสายตามองจ้องที่จอมอนิเตอร์ เห็นเป็นภาพภาพิศกับสุดา ชัดเจน อารักษ์เหมือนจะลุ้นอะไรอยู่
     
       ที่ด้านนอก มีกล้องแอบซ่อนอยู่โดยมีเมียหลวง เมียน้อยไม่รู้เรื่องใดๆ ส่วนใต้โต๊ะก็ติด Wireless ไว้เรียบร้อย ภาพิศกับสุดานั่งเผชิญหน้ากัน ใบหน้าสองคนเปื้อนรอยยิ้ม แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวนัก
       “เธอว่า...เมียน้อย จะหมดไปจากโลกนี้ได้มั้ย” สุดายิ้มขณะถาม
       ภาพิศยิ้มเย้ย “ไม่ได้....ตราบใดที่ผู้ชาย ต้องทนอยู่กับเมียหลวง”
       อารักษ์อยู่ในห้องได้ยินทั้งเสียงเห็นทั้งภาพ สุดายิ้ม ยกสองแขนขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะ ยื่นหน้าเข้าใกล้ภาพิศ หากมองเผินๆ ก็ดูเหมือนสองคนจะถูกคอกัน
       “ก็คงเหมือนเราสองคน เมียหลวง เมียน้อย” สุดาเย้ยกลับ
       ภาพิศต่อให้ “หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์โลก ที่ไม่มีทางปรองดองกันได้”
       สุดายิ้มร้าย “พาราลิมปิกเพิ่งจบลง”
       ภาพิศยิ้มร้ายตอบ “ธาราลิมปิกก็กำลังเริ่มต้น ส่วนภรรยาลิมปิกไม่ต้องรอถึงสี่ปี” สองคนมองสู้สายตากันแบบไม่มีใครยอมใคร “แต่จะเกิดขึ้นทุกวัน”
       “เธอกับฉัน ต้องฟาดฟันกันต่อไปภาพิศ”
       “ฉันก็ยอมคุณต่อหน้าท่านอารักษ์เท่านั้น ให้มันรู้ไป ระหว่างคุณกับฉัน ใครจะแน่กว่าใคร”
     
       ภาพิศกับสุดา ยิ้มให้กันแต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่มีใครยอมใคร ส่วนด้านในสีหน้านายพลอารักษ์ มีแต่ความหนักใจ
           ขณะที่อารักษ์เดินหน้าขรึมออกมาอาการหนักใจ สุดากับภาพิศ ยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
     
       “หายไปไหนคะ..เราสองคนรอตั้งนาน” สุดาเอ่ยขึ้น
       “ผมนึกว่า...ผมมาเร็วไปซะอีก เพราะเท่าที่ดู...คุณสองคนยังคงมีเรื่องคุยกันอีกเยอะ” มองจ้องจับกิริยาทั้งสองคน “ทั้งเรื่องพาราลิมปิก ธาราลิมปิค และภรรยาลิมปิค”
       ภาพิศกับสุดาสะอึก ใจหล่นวูบหน้าถอดสี
       ครางออกมาพร้อมๆ กัน “คุณคะ” / “ท่านคะ”
       อารักษ์ยกมือห้าม “ไม่ต้องพูด....เป็นความผิดของผมเอง ที่คิดว่าเอาอยู่ แต่ความจริง มันก็เป็นแค่ความฝัน ที่ผมหลอกตัวเอง”
       อารักษ์เดินออกไปทันที ภาพิศกับสุดาหน้าซีดเผือดได้แต่เรียก
       “คุณคะ” / “ท่านคะ”
       ทว่าอารักษ์ไม่หันกลับมาแล สองคนกลุ้มใจหนัก
     
       นายแพทย์บุญยิ่งนั่งทานข้าวอยู่กับภรต เสียงมือถือดัง บุญยิ่งรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
       “ว่าไงท่าน” บุญยิ่งแซว
       อารักษ์จอดรถอยู่ข้างทาง หน้าตาหมองหม่น “ว่าจะไปพักที่บ้านชายทะเลหน่อย”
       บุญยิ่งฟังจากน้ำเสียงอารักษ์ ชักเป็นห่วง “มีอะไรรึเปล่า”
       “อยากพัก ถ้านายว่างก็แวะไปเที่ยวแล้วกัน”
       “โอเค.แล้วเจอกัน”
       บุญยิ่งวางสาย ภรตจ้องพ่อตาเขม็ง
     
       ขณะที่สองพ่อลูกเดินตรงไปยังที่จอดรถ ภรตเอ่ยถามขึ้น
       “ท่านอารักษ์จะไปบ้านพักชายทะเลเหรอครับ”
       “ฮื่อ! คงจะปวดหัว อย่างว่า..เมียสองต้องห้าม”
       “งั้นคุณพ่ออย่าบอกเรื่องคุณสรวงกับกาวนะครับ ไม่อย่างนั้นท่านปวดหัวมากกว่าเดิมแน่ คุณหญิงสุดาก็คงไม่ยอม”
       บุญยิ่งยิ้ม บอกลูกชาย “พ่อจะรูดซิบปากให้แน่นเลย”
     
       ขณะที่สรวงนั่งทำงานอยู่ อารักษ์โทร.มาหา
       “ครับคุณพ่อ”
       อารักษ์ยังอยู่ในรถข้างทางที่เดิม “สรวง..พ่อจะไม่อยู่บ้านซักระยะฝากดูแลแม่ แล้วก็ภาพิศ
       ด้วยนะ”
       “คุณพ่อจะไปไหน”?
       อารักษ์แค่นหัวเราะ บอกเสียงขื่น “ทำใจ...ไม่มีอะไรหรอก..พ่ออยากพักผ่อน คิดทบทวนอะไรซักหน่อย ฝากแม่แล้วก็ภาพิศด้วยแล้วกัน....เค้าท้องอยู่ พ่อเป็นห่วง”
       สรวงวางสาย รู้สึกแปลกๆ กับคำพูดบิดา
     
       คืนนั้นสรวงเดินเข้ามาในบ้าน ไม่ได้คิดติดใจอะไรเรื่องอารักษ์แล้ว แต่ถามสุดาเป็นเชิงปรารภ
       “ทำไมจู่ๆ คุณพ่อถึงอยากไปพักผ่อนครับ”
       สุดายิ้มกลบเกลื่อน เหมือนไม่มีอะไร “คงเครียดเรื่องงานมั้งลูก”
       สรวงยิ้มตอบ “ก็ดีนะครับ คุณพ่อทำงานหนักมานาน คุณแม่ไม่ไปด้วย”
       “ไม่ดีกว่า แม่ไม่ชอบอยู่เงียบๆ”
       สรวงยิ้มแย้มท่าทีร่าเริง จับมือสุดาแกว่งไปมา “งั้นวันหลังเราไปแดนซ์กันมั้ยครับ”
       “ถ้าสรวงอยากไปนะ”
       สรวงหัวเราะชอบใจ พูดอ้อนมารดา “ผมรักคุณแม่จัง”
       “แม่ก็รักสรวงมากจ้ะ”
       สรวงยิ้มแย้มกอดสุดาแน่น สุดากอดตอบด้วยสีหน้าเศร้า กังวล ต่างกันสุดขั้วกับบุตรชาย
     
       สรวงกับกรรณนรีไปเที่ยวด้วยกันสองคน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
       เดินจูงมือเล่นริมทาง ก่อนจะพากันแวะทานข้าวในร้านอาหารข้างทาง
       จังหวะต่อมาสองคนขี่จักรยานเล่นในสวนสาธารณะ สุดท้ายสรวงยื่นดอกไม้ให้ กรรณนรีรับมา สรวงฉวยโอกาสแอบหอมกรรณนรีฟอดใหญ่ กรรณนรีค้อนขวับ
       ไม่นานต่อมา สองคนวิ่งเล่น หยอกล้อกันไปมาในทะเล อย่างมีความสุข
     
       ขณะเดียวกันอารักษ์ เดินทอดอารมณ์อยู่ชายทะเล กิริยาท่าทางสุดเซ็ง และเบื่อหน่ายสถานการณ์ในชีวิตยามนี้เหลือเกินแล้ว
     
       ค่ำคืนนั้น ภาพิศท่าทางวิงเวียน ขณะโทร.หาอารักษ์ แต่ปลายสายติดต่อไม่ได้ ภาพิศโทร.หาแฉล้ม
       “ว่าไงคะคุณ” แฉล้มรับสาย
       ภาพิศถอนหายใจเบื่อๆ “ฉันติดต่อท่านอารักษ์ไม่ได้”
       “โทรศัพท์แบตหมดหรือเปล่า? ไม่งั้นก็อาจจะอยู่ในที่ไม่มีสัญญาณ”
       “ไม่ใช่มั้ง...ฉันกลัวจะเป็นแผนคุณหญิงสุดา กักตัวท่านไว้”
       “คุณหญิงสุดาแพ้คุณราบคาบไปแล้ว ไม่กล้าทำอะไรหรอก คุณลองโทร.ใหม่แล้วกัน"
       แฉล้มวางสายไป
     
       ภาพิศกดสายโทร. หาอารักษ์ แต่ไม่ติด ท่าทางภาพิศกังวลหนัก ขณะเดียวกันสุดาก็กดโทร. หาอารักษ์ แต่ก็โทร.ไม่ติดเหมือนกัน กิริยาท่าทางสองคนกังวล หน้าตาไม่สบายใจ สุดาพึมพำเบาๆ
       “หรือจะเป็นแผนนังภาพิศ”
       สุดากดสายโทร.หาสุขหฤทัย
     
       ด้านสุขหฤทัยเจ็บตัวหัวแตกมีผ้าพันอยู่ เนื้อตัวมีรอยช้ำจากการล้มชนประตู กำลังคุยโทรศัพท์กับสุดา
       “ใช่ค่ะต้องเป็นแผนเอาคุณพ่อไปกกของนังภาพิศแน่ๆ....คุณหญิงแม่ก็เห็นฤทธิ์เดชของพวกมันไม่ธรรมดา นี่ถ้าฤทัยไม่เจ็บ...ฤทัยไปจัดการนังกรรณรีไปแล้ว”
       “แล้วนี่แม่จะทำยังไง” สุดาหารือ
       “ทำยังไงก็ได้ค่ะ ที่จะทำให้มันสองคนแม่ลูกไม่มีความสุข” สุขหฤทัยตาวาววับ “เดี๋ยวฤทัยจะจัดการเอง”
     
       วันต่อมาภาพิศขับรถออกมาจากบ้าน สุดาซึ่งหลบมุม จอดรถรออยู่ ขับตามไปติดๆ
       ภาพิศแวะมาออกกำลังกาย ที่สถานออกกำลังกายสำหรับคนตั้งครรภ์ ซึ่งลงคอร์สทั้ง การเล่นโยคะในน้ำ โปรแกรมธาราบำบัด และนวดตัวในกระแสน้ำวน
       สุดาตามเข้ามาลอบมองภาพิศอย่างเกลียดชัง ภาพิศออกกำลังกายจนจบคอร์ส ก็เดินออกมาด้านนอก สุดาเดินหลบฉากไปอย่างรวดเร็ว
     
       สุดาหลบเข้ามาในห้องน้ำ กวาดสายตามองไปรอบๆ พอไม่เห็นใครสุดาก็คว้าขวดสบู่เหลว ออกมามาเทราดลงที่พื้น จากนั้นรีบออกไปรวดเร็ว หลบมุมแอบมอง สักครู่หนึ่งภาพิศเดินมาเข้าในห้องน้ำ สุดาแอบมองด้วยใจระทึก
       ภาพิศเดินเข้าไปด้านใน เท้าเหยียบเข้าที่สบู่เหลว
       ภาพิศตกใจร้องลั่น “ว๊าย”
       สุดาได้ยินเสียงก็ยิ้มอย่างสาแก่ใจ โดยไม่รู้ว่ามือของภาพิศคว้าประตู และยันกำแพงไว้ได้ทัน
       พร้อมๆ กับเสียงภาพิศร้อง สุดาก็เห็นคนวิ่งกันเข้าไปในห้องน้ำ
       “เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ”
       “เปล่าค่ะ โชคดีที่ฉันคว้าประตูได้ทัน” ภาพิศบอก
       สุดาได้ยินก็รู้สึกหงุดหงิด แผนพลาดขณะที่คนด้านในเอ่ยขึ้นอีก
       “พิเรนทร์จริงๆ คนทำสบู่หล่นหกใส่พื้น ไม่ระวังเลย”
       สุดาหน้าหงิกรีบเดินหลบไปอย่างว่องไว
     
       สุดาเดินฮึดฮัดตรงไปที่รถ ส่วนภาพิศที่อยู่ในสถานออกกำลังกาย และยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อเดินออกมามองไปที่ลานจอดรถพอดี ในสายตาภาพิศเหมือนจะเห็นคุณหญิงสุดา แต่ขณะที่ภาพิศกำลังเพ่งสายตาเขม้นมอง คนรู้จักก็เดินมาทัก
       “อ้าว! คุณภาพิศ”
       ภาพิศหันมาหายิ้มทักทาย “คุณก้อย”
       “ตะกี้ได้ยินว่าลื่นล้มในห้องน้ำ เป็นไรหรือเปล่าคะ” คนชื่อก้อยถาม
       “ไม่ค่ะ คราวหลังคงต้องระวัง”
       “ค่ะ ยิ่งท้องอ่อนๆยิ่งต้องระวังมากๆ” ก้อยยิ้มให้แล้วเดินออกไป
       ภาพิศเหลียวไปมองที่ลาดจอดรถไม่เห็นสุดาแล้ว ภาพิศทำหน้าสงสัย
     
       วันต่อมา สรวงนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ ชายหนุ่มบิดเนื้อบิดตัวไล่ความเมื่อย ก่อนจะหยิบมือถือมากดโทร.ออก
       ขณะเดียวกันกรรณนรีนั่งเขียนต้นฉบับ ทำงานอยู่ในออฟฟิศ สัญญาณไลน์ดัง กรรณนรีรับมาเปิดดู เห็นเป็ลไลน์จากสรวงส่งรูปตุ๊กตามาทัก เป็นตุ๊กตายกมือน่ารักทักกัน กรรณนรีส่งตอบกลับไปด้วยไลน์ สองคนนั่งยิ้มส่งไลน์ทักทายกันไปมา คนละสองสามรูป กิริยาสองคนดูกุ๊กกิ๊กผ่อนคลาย
       นิคกับมะยมมองอยู่ สองคนชะโงกหน้ามอง
       มะยมกัด “คนอินเลิฟเป็นงี้เนอะ”
       นิคหมั่นไส้ “เออ...เป็นเอามาก แค่มองโทรศัพท์ก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”
       “มัวแต่เล่นไลน์ ระวังพี่จ๋า” มะยมแซวแรง “ปลดออกจากงานนะแก”
       กรรณนรีตัดบท “โอเคๆ งั้นรีบทำงาน”
       กรรณนรีกดส่งไลน์ให้สรวงอีกที เป็นรูปหัวใจ สรวงนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะวางมือถือลงทำงานต่อ
     
       เสียงมือถือดัง สรวงชะโงกหน้ามองชื่อ ชายหนุ่มเปลี่ยนสีหน้าเป็นหงุดหงิดทันที
         สุขหฤทัยแต่งตัวสวยเช้ง เดินมาที่รถพลางคุยโทรศัพท์ พูดเสียงดุ
     
       “ตอนนี้สรวงอยู่ที่ไหนคะ?”
       สรวงหงุดหงิด “อยู่ที่ไหน ทำไมผมต้องบอกคุณ”
       “เพราะฤทัยเป็นแฟนคุณ”
       “แฟน..ไม่ใช่เจ้าชีวิต”
       สุขหฤทัยบอกรัวเร็ว “แต่ฤทัยเคยบอกสรวงแล้วว่าจะไปไหนมาไหน อยู่ที่ไหนให้รายงานฤทัยตลอด”
       สรวงชักฉุนตอกกลับเสียงเข้ม “ผมไม่ใช่ผู้ต้องหาของคุณ”
       สุขหฤทัยขึ้นเสียงดังกว่า “แต่คุณเป็นแฟน และแฟนก็ควรทำหน้าที่ของแฟน ตามอย่างที่
       แฟนต้องการ”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 7/3 วันที่ 26 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager