@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 8 วันที่ 27 ก.ย. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 8 วันที่ 27 ก.ย. 55 

 รสาดูออกว่าพิมพรรณยังไม่สบายใจเรื่องวาริช ตอนกลางวันจึงชวนเธอไปปิกนิกที่ชายทะเลห่างไกลจากรีสอร์ตพอสมควร โดยเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ ตั้งใจจะซ้อนท้ายกันไปสองคน เนื่องจากห้าวต้องขับรถยนต์ให้นายพร้อม ซึ่งตั้งใจเอาอาหารคาวหวานไปช่วยงานศพคนรู้จัก
แต่พิมพรรณแอบชวนภคพงษ์ไว้ก่อนแล้ว รสาเลยพูดไม่ออก แถมยังต้องขี่มอเตอร์ไซค์ให้เขาซ้อนท้าย เพราะคนชวนซิ่งอีกคันนำไปก่อน ครั้นถึงจุดหมายปลายทางได้ครู่หนึ่ง ไม่ทันจะตั้งวงกินอาหารที่เตรียมมา ทุกคนเห็นวาริชกับผู้หญิงหยอกล้ออี๋อ๋อกันมุมหนึ่ง พิมพรรณเสียใจมากหันหลังกลับทันที ภคพงษ์จึงให้รสาพาพิมพรรณไปก่อน ส่วนเขาจะเก็บข้าวของกลับไปเอง

พิมพรรณร้องไห้ตลอดทาง พอถึงบ้านก็หลบเข้าห้อง บอกรสาว่าขออยู่คนเดียวสักพัก รสาตามใจ แต่ยังคอย วนเวียนอยู่ที่บ้านด้วยความเป็นห่วง เมื่อห้าวรู้เรื่องจากรสาก็เป็นเดือดเป็นแค้นวาริชจอมกะล่อน อยากจะตะบันหน้ามันสักหมัดสองหมัด

ขณะที่ห้าวกำลังฮึดฮัดโมโหอยู่ต่อหน้ารสา พร้อมเดินมาตามห้าวให้ไปช่วยเสิร์ฟอาหารลูกค้าที่ร้านใน รีสอร์ต คืนนี้ลูกค้าแน่นร้าน ขนาดภัคพงษ์ยังมาช่วยอยู่ในครัว รสาทึ่งจัดที่ภคพงษ์ทำอาหารอร่อยถูกปากลูกค้า และยังช่วยแก้ปัญหาเมื่อลูกค้ารายหนึ่งต้องการเซอร์ไพรส์วันเกิดให้แฟนสาวด้วยเสียงเพลง

ภคพงษ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโหลดโปรแกรมเปียโนลงในเครื่องอย่างรวดเร็วและเสียบสายต่อเข้าลำโพงในร้าน ไม่นานเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ก็ดังกระหึ่ม สร้างความประทับใจให้ลูกค้ารายนี้เป็นอย่างมาก และถือโอกาสขอ

แฟนแต่งงาน ท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความยินดีของทุกคน

หลังจากลูกค้ากลับที่พักหมดแล้ว ภคพงษ์ช่วยเก็บถ้วยจานล้างอย่างไม่รังเกียจ รสาเกรงใจบอกให้เขาเลิก ที่เหลือเธอจะล้างเอง

“ไม่เป็นไร ถือซะว่าผมล้างจานแลกค่าที่พักก็แล้วกัน”

“แค่วันนี้คุณช่วยทำอาหาร ช่วยเล่นดนตรี ก็เกินค่าห้องพักแล้วล่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไร ผมอยากทำ” เขายืนยันหนักแน่น

“โอเค อยากทำก็ให้ทำค่ะ แต่อย่าไปฟ้องป้าใจ

กับคุณเผด็จนะคะ ถ้าสองคนนั้นรู้เข้า ฉันต้องโดนเอ็ดแน่ๆ”

“ไม่หรอก สองคนนั้นเขาชินแล้ว ตอนผมไปเรียนที่อังกฤษ ผมก็ทำงานที่ร้านอาหาร หนักกว่านี้ตั้งไม่รู้กี่เท่า”

“ถึงว่า...คุณทำเป็นทุกอย่างเลย เพราะอย่างนี้นี่เอง แต่เรื่องเปียโน ฉันก็เพิ่งรู้นะคะว่าคุณเล่นเป็น แสดงว่าเปียโนในเรือนหลังเล็กเป็นของคุณใช่ไหมคะ”

เขาพยักหน้ารับ และลำดับเรื่องราวให้เธอฟังด้วยความเต็มใจ

“ผมเล่นมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็หยุดไปช่วงที่คุณพ่อเสีย ไม่ได้เล่นอยู่ 3 ปี อาเผด็จก็ส่งผมไปเรียนอังกฤษตอน 10 ขวบ ครอบครัวที่ผมไปอยู่ด้วย เขาเห็นว่าเด็กที่เติบโตตามลำพังควรจะมีงานอดิเรกสักอย่างเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว

จิตใจ ผมก็เลยกลับมาเล่นเปียโนอีกครั้ง แล้วก็เล่นมาเรื่อยๆ”

รสานิ่งฟัง ประหลาดใจที่เขาเปลี่ยนไปมาก จากที่เคยเย่อหยิ่งถือตัว กลับยอมเปิดเผยเรื่องส่วนตัวอย่างเป็นธรรมชาติ

“รสา...เป็นอะไร” เขาสงสัยเมื่อเห็นเธอเงียบไป

“อ๋อ เปล่าค่ะ แค่แปลกใจที่อยู่ๆคุณก็เล่าเรื่องส่วนตัวให้ฉันฟัง”

“จริงสิ ผมไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังมานานแล้ว คุณคงเป็นคนพิเศษมากๆ ผมถึงเล่าให้คุณฟัง”

รสาฟังแล้วเขิน รีบกลบเกลื่อนด้วยการยกจานที่ล้างแล้วไปเก็บ ส่วนห้าวแอบเห็นโดยตลอด ไม่พอใจอย่างมาก ตามไปดักภคพงษ์ขณะเดินกลับห้องพัก ถามเขาว่าคิดยังไงกับรสา

“ผมคิดว่า...ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ”

“จำเป็นสิ เพราะรสคือคนที่พวกเรารัก แกจะทำร้าย หรือทำให้รสเสียใจไม่ได้ ฉันไม่ยอม”

“ถ้าคุณห่วงเรื่องนั้น...ผมบอกได้เลยว่าผมไม่มีวันจะทำร้ายรสา ไม่ว่าผมจะคิดยังไงกับเธอ ผมจะไม่มีวันทำให้เธอเสียใจ”

“จำคำพูดของตัวเองไว้ให้ดี ถ้าเมื่อไหร่ที่รสต้องเสียใจเพราะแก...ฉันไม่เอาแกไว้แน่” ห้าวสำทับเสียงขุ่น หน้าตาขึงขังยืนยันว่าพูดจริงทำจริง!

ขณะนั้น รสาคุยกับพิมพรรณในห้องนอน รสาไม่เห็นด้วยที่พิมพรรณจะไปพบวาริชในวันพรุ่งนี้ แนะนำว่าควรบอกเลิกทางโทรศัพท์ หรือไม่ก็ส่งข้อความไปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปด้วยตัวเอง

“ไม่ได้...ถ้าพิมทำแบบนั้นก็เท่ากับหนีปัญหา คนยังต้องทำงานด้วยกัน จะมองหน้ากันไม่ติด”

“งั้น...รสไปด้วย”

“อย่าเลย รสจะรีบกลับกรุงเทพฯแต่เช้าไม่ใช่เหรอ พิมไม่อยากให้รสเสียเวลา”

“เรื่องของพิมสำคัญเสมอ รสไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลา”

“ขอบใจจ้ะ แต่พิมอยากจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง รสกลับกรุงเทพฯไปเถอะนะ ไม่ต้องห่วง”

รสาคิดนิดหนึ่งก่อนเสนอให้พี่ห้าวไปแทน พิม-พรรณส่ายหน้าปฏิเสธอย่างนุ่มนวล

“ยิ่งไม่ได้ใหญ่ พี่ห้าวไปด้วยมีแต่จะยุ่ง...รส เชื่อใจพิมเถอะนะ พิมจัดการเรื่องนี้ได้”

“รสไว้ใจพิม แต่ไม่ไว้ใจไอ้กะล่อนนั่น”

“วาริชคงไม่กล้าทำอะไรหรอก เพราะเขาเองก็มีคนอื่นอยู่แล้ว พิมไปบอกเลิก เขาน่าจะดีใจด้วยซ้ำ” พูดไปแล้วอดเศร้าไม่ได้ น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“เข้มแข็งไว้นะพิม ไม่ว่ายังไง พิมยังมีรส ยังมีทุกคนที่นี่อยู่เคียงข้างพิมเสมอนะ”

พิมพรรณน้ำตาร่วง รสาสงสารจับใจ กอดปลอบและให้กำลังใจเธออย่างเต็มที่

ooooooo

หลังจากมาเก้อเมื่อวันก่อน และจนป่านนี้ก็ยังติดต่อภคพงษ์ไม่ได้ เช้าวันนี้พักตร์วิมลจึงมาที่บ้านเถลิงยศอีกครั้ง สอบถามปุยนุ่นด้วยท่าทีข่มขู่ เมื่อไม่ได้คำตอบก็ไปคาดคั้นเปลี่ยนถึงเรือนเล็ก อยากรู้ว่ารสาไปไหน

“ไม่ทราบครับ ก็วันนี้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ปกติคุณรสาก็ไม่เข้ามาอยู่แล้ว จะมีก็แต่คนงานมาทำงาน ส่วนผมก็แค่มานั่งเฝ้าตามที่คุณภัคสั่งครับ”

“แล้วรู้หรือเปล่าว่าบ้านนังกรรมกรมันอยู่ไหน”

“ผมไม่ทราบครับ ผมทราบแต่ว่าคุณรสาเป็นคนออกแบบตกแต่งภายใน ไม่ใช่กรรมกร”

“นี่แกกล้ามาย้อนฉันเหรอ”

“ผมไม่ได้ย้อน ผมแค่อธิบายให้กระจ่าง”

“ยังจะย้อนอีก!!” เธอแว้ดใส่จนเปลี่ยนสะดุ้ง รีบเอามือปิดปากตัวเอง “ไม่ได้เรื่อง! อย่าให้ฉันตามหาภัคเจอนะ ฉันจะฟ้องให้หมดเลย”

พักตร์วิมลเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป เปลี่ยนได้แต่มองตามพร้อมกับส่ายหน้าระอาใจ จากนั้นไม่นานเปลี่ยนก็มารายงานสายใจ โดยมีปุยนุ่นนั่งจาระไนอยู่ก่อน... สายใจสุดเอือมระอาพฤติกรรมของพักตร์วิมล จึงไม่อยากให้ภคพงษ์รีบกลับมา อุตส่าห์รีบโทร.ไปบอกรสา ให้ชวนคุณหนูของตนอยู่ต่ออีกวันสองวัน แต่ต้องผิดหวังเพราะรสากำลังเก็บของเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯพอดี

พอสายใจวางสาย ปุยนุ่นเอ่ยขึ้นอย่างโล่งอก

“คุณภัคกลับมาสักที ปุยนุ่นจะได้ไม่ต้องโกหกคุณพักตร์วิมล คนยิ่งโกหกไม่เก่งอยู่ เกือบหลุดตั้งหลายครั้ง”

“นังปุย คราวนี้ห้ามหลุดเด็ดขาดเลยนะ ถ้าคุณพักตร์วิมลรู้ว่าคุณหนูไปต่างจังหวัดกับคุณรสามีหวังคุณรสาอยู่ไม่สุขแน่”

“ทราบแล้วค่ะ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ปุยนุ่นไม่หลุดแน่”

“เฮ้อ...คิดๆแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อ นางเอกละครแสนดีในจอ ตัวจริงจะร้ายกาจขนาดนี้ ฉันยังจำหน้าตอนที่คุณเธอตวาดเมื่อกี๊ได้อยู่เลย” เปลี่ยนบ่นอุบ

“ดาราเขาก็ไม่ได้จะเป็นแบบนี้กันทุกคน แต่อาจจะเป็นคราวเคราะห์ของคุณหนูที่ได้มาเจอกับคนนี้เข้า ฉันก็ได้แต่หวังว่าคุณหนูจะแยกแยะได้ว่าแบบไหนที่เป็นทองชุบ แบบไหนที่เป็นทองแท้” สายใจสรุปด้วยความเป็นห่วงนายของตนอย่างจริงใจ

ooooooo

เผด็จได้ข้อมูลประวัติของสุวิทย์มาแล้ว ซึ่งในเอกสารที่เห็นทำให้เผด็จตกใจคาดไม่ถึง ต้องรีบมาบอกสายใจให้รับรู้ด้วยอีกคน

สายใจเห็นรูปถ่ายรัชนีกับสุวิทย์ก็ช็อกไปเหมือนกัน รำพึงออกมาว่า “และแล้ว...โชคชะตาก็นำพาคุณผู้หญิงกลับมาจนได้”

“แต่กลับมาแบบนี้ ไม่รู้ว่าคุณภัคเธอจะว่ายังไง ฉันก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะให้คุณภัคไปหรือไม่ไป”

“เรื่องนี้เราคงต้องให้คุณหนูตัดสินใจด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาคุณหนูต้องรับผลจากการกระทำของคนอื่นโดยไม่มีทางเลือกมานานแล้ว ครั้งนี้คุณหนูจะได้เป็นคนเลือกสักทีว่าอยากจะหนี หรือว่าอยากจะเจอ”

เผด็จพยักหน้าอย่างเข้าใจและเห็นด้วย สายใจก้มมองที่รูปรัชนีอีกทีด้วยความกังวลลึกๆ ขณะเดียวกันนั้นที่บ้านสุวิทย์ ปรางทิพย์กำลังคุยจ้อกับพ่อแม่ด้วยเรื่องภคพงษ์ ซึ่งเธอตั้งข้อสังเกตว่าเขามีอะไรที่เหมือนกับเธอหลายอย่าง

“พี่เขาชอบเล่นเปียโน ชอบงานออกแบบ เครื่องเพชรที่ร้านเขาออกแบบเองตั้งหลายชิ้นนะคะ ปรางเองก็ชอบออกแบบ ถึงจะเป็นออกแบบเสื้อผ้าแต่ก็เป็นงานออกแบบเหมือนกัน ที่แปลกกว่านั้น...ปรางกับเขา เรามีเลือด กรุ๊ปเดียวกันด้วยนะคะ กรุ๊ปเอเหมือนคุณแม่เลยค่ะ”

รัชนีอึ้งปั้นหน้าไม่ถูก ได้แต่ตอบกลบเกลื่อนเหมือนไม่ตกใจ “แม่ว่าเลือดก็มีอยู่ไม่กี่กรุ๊ป จะเหมือนกันบ้างก็ไม่น่าแปลก”

ปรางทิพย์จ๋อยลงเล็กน้อยที่โดนเบรก แต่สุวิทย์กลับสนใจหันมาถามลูกสาวว่า เลือดกรุ๊ปเอเป็นคนยังไง

“ก็เป็นคนไม่ชอบทะเลาะกับใคร เชื่อมั่นใน

ตัวเอง ไม่ชอบโต้แย้งเพราะเชื่อว่าความคิดตัวเองถูกอยู่แล้ว เลยไม่จำเป็นต้องขอความคิดของคนอื่น เป็นคนรักสิ่งสวยงาม มีรสนิยมดี ถ้าอยากทำธุรกิจกับเขา คุณพ่ออย่าไปทำให้เขาโกรธนะคะ คนเลือดกรุ๊ปเอไม่ค่อยโกรธใคร แต่ถ้าโกรธแล้วจะหายยากมากๆ โดยเฉพาะถ้าไปทำให้เขาเจ็บปวด หรือเสียใจ เขาจะทำใจไม่ได้เลย จะเฝ้าถามตัวเองว่าทำไมๆ หาเหตุผลที่ตัวเองโดนทำร้าย... กับคุณแม่ก็เหมือนกัน เขาบอกว่าผู้หญิงเลือดกรุ๊ปเอ ถ้ารักแล้วรักมาก แต่ถ้าหมดรักแล้ว เธอก็พร้อมจะสลัด

คุณออกจากหัวใจได้อย่างเข้มแข็ง”

รัชนีฟังแล้วแอบสะเทือนใจถึงอดีต ตอนหันหลังให้พรตอย่างไม่เหลือเยื่อใย แม้แต่ลูกตาดำๆเธอยังทิ้งเขามา...แต่ปรางทิพย์ยังคงพูดต่อโดยไม่รู้สิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจผู้เป็นแม่

“เพราะฉะนั้น...คุณพ่อต้องทำให้คุณแม่รักมากๆ

นะคะ ไม่งั้นโดนทิ้งไม่รู้ด้วย”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พ่อดูแลแม่เขาอย่างดีอยู่แล้ว และพ่อก็รักแม่มากที่สุด จะหาคนอื่นรักแม่มากกว่าพ่อไม่ได้อีกแล้ว”

ปรางทิพย์ส่งเสียงแซวพ่อ รู้สึกปลื้มแทนแม่...สองพ่อลูกหันมามองรัชนีด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก รัชนีจำใจต้องยิ้มรับทั้งที่จริงๆอดีตกำลังตามหลอกหลอนจนใจแทบไม่เป็นสุข

ooooooo

รสาขับรถมาส่งภคพงษ์หน้าบ้านหลังใหญ่ ทั้งคู่ยิ้มแย้มหน้าตาสดใส ต่างจากตอนไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะภคพงษ์รู้สึกประทับใจมาก บอกเธอว่าการไประยองครั้งนี้ทำให้เขามีความสุข และนับจากนี้ไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขาอยู่กับเธอ มันจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป...

ภคพงษ์เดินเข้ามาในบ้านด้วยความสบายใจ แต่แล้วบรรยากาศความอึมครึมบางอย่างก็ปรากฏขึ้น เมื่อเขาเห็นเผด็จกับสายใจรออยู่ในอาการเคร่งขรึม

“อาเผด็จ ป้าใจ...มีอะไรหรือเปล่า”

“นี่เป็นแฟ้มประวัติของคุณสุวิทย์ วงศ์เธียรสถิตย์ นักธุรกิจที่ขอพบคุณภัค ในแฟ้มมีทั้งประวัติการทำงาน และครอบครัว อาพูดเท่านี้ ที่เหลือคุณภัคดูเองดีกว่าครับ”

ภคพงษ์รับแฟ้มมาด้วยความแปลกใจ สีหน้าค่อยๆซีดลงเมื่อเห็นรูปรัชนีในแฟ้มนั้น

“ผม...ไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่ไหม”

“ครับ...ภรรยาของคุณสุวิทย์คือคุณรัชนี ก่อนหน้านี้ทั้งครอบครัวพักอยู่ที่อังกฤษ แต่ตอนนี้ทุกคนย้ายกลับมาอยู่ประเทศไทยเป็นการถาวร คุณสุวิทย์ต้องการจะพบคุณภัคเพื่อเจรจาธุรกิจส่งออกเครื่องเพชร ทางเขาต้องการพบคุณภัคโดยเร็วที่สุด แต่อายังไม่ได้ตอบรับกลับไป อารอให้คุณภัคตัดสินใจ”

“ถ้าคุณหนูไม่สบายใจก็ไม่ต้องไปเจอนะคะ”

“บางครั้งคนเราก็ต้องทำสิ่งที่มันขัดกับความสบายใจของตัวเอง เพื่อให้ได้รู้ความจริงบางอย่าง อาเผด็จครับ...นัดคุณสุวิทย์ได้เลย บอกเขาว่าผมพร้อมเสมอ และอยากเจอโดยเร็วที่สุด”

ภคพงษ์แน่แน่วเฉียบขาด...ไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจในครั้งนี้จะทำให้เขาเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต

ooooooo

รสากลับมาเจอชีวินที่บ้านป้าอาภรณ์ ชีวินร้อนใจเรื่องรสาไประยองกับภคพงษ์ แต่ฟอร์มว่ารีบเอาของฝากจากเชียงใหม่มาฝากเธอกับป้า

เมื่อป้าเปิดโอกาสให้คุยกันตามลำพัง ชีวินจึงรัวเป็นชุดใส่รสาว่า ภคพงษ์ตามเธอไประยองได้ยังไง แล้วไป นานแค่ไหน เกิดอะไรขึ้นบ้าง

“โห...ถามเป็นชุดเลย”

“อืม...รสก็ต้องตอบเป็นชุดด้วยนะ”

รสาตอบไปพลางรื้อสมุดงานออกมาวางบนโต๊ะเตรียมทำงานไปพลาง เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เน้นย้ำว่าทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ

“คนอย่างภคพงษ์เนี่ยนะกระโดดขึ้นรถไปโดยไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว แล้วยังไปนอนบังกะโลไม่มีแอร์ ซ้อนมอเตอร์ไซค์ ทำอาหาร เสิร์ฟอาหารแล้วยังจะล้างจานอีก...ถ้าเป็นคนอื่นเล่า วินไม่เชื่อแน่ๆ”

“ถ้ารสไม่เห็นกับตาตัวเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน คุณภัคเป็นคนแปลกจริงๆนะ ยิ่งรู้จักยิ่งไม่เหมือนกับที่คิด คนเราดูแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ”

ชีวินมองหน้ารสา เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเธอแล้วใจเสีย เอ่ยปากเตือนกึ่งดักคอ

“อย่าบอกนะว่ารสหลงเสน่ห์เพลย์บอยเนื้อหอมอย่างภคพงษ์เข้าแล้ว”

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ รสไม่ได้หลง แค่เห็นในสิ่งที่คิดว่าจะเห็นแค่นั้นเอง และสิ่งที่เห็นมันก็คือความจริง”

“แล้วที่เมื่อก่อน รสเห็นว่าเขาเป็นคนไม่น่าไว้ใจ มันไม่ใช่ความจริงเหรอ”

รสาชะงักกึก ตอบคำถามนี้ไม่ได้จริงๆ

“ที่วินถาม...ก็แค่เป็นห่วง ไม่อยากให้รสต้องเสียใจเพราะมองคนผิด”

ชีวินเตือนรสาด้วยความเป็นห่วง เริ่มมองออกว่าความรู้สึกที่รสามีต่อภคพงษ์มากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง

ooooooo

เย็นนั้น พิมพรรณขับรถไปพบวาริชที่บ้านเช่าโดยไม่บอกให้ห้าวรู้ บอกแค่ว่ายืมรถไปธุระส่วนตัว...ฝ่ายวาริชนั้นรออยู่แล้ว เพราะได้รับข้อความจากพิมพรรณตั้งแต่เมื่อคืน เขาจัดเตรียมอาหารไว้หลายอย่าง ท่าทางดีใจไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย ขนาดเธอพูดออกมาว่ารู้ความจริงหมดแล้ว เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าความจริงอะไร

พิมพรรณเริ่มน้ำตาคลอ ชี้แจงด้วยเสียงอันสั่นเครือ “พิมเห็นคุณกับผู้หญิงคนอื่น เมื่อวานนี้ตอนกลางวัน

ที่สะพาน คงไม่ต้องให้บอกว่าผู้หญิงหน้าตาเป็นยังไง แต่งตัวยังไง และคุณสองคนทำอะไรกันบ้าง”

“พิม!...พิมใจเย็นๆก่อนนะ พิมฟังผมก่อน”

“พิมไม่ฟัง คุณนั่นแหละที่ต้องฟังพิม...เราเลิกกันเถอะ”

“ผมไม่ยอมเลิกนะ ผมไม่ยอมเลิกกับคุณนะพิม”

“คุณจะรั้งพิมไว้ทำไมคะ ในเมื่อคุณเองก็มีคนอื่น คุณควรจะซื่อสัตย์กับเขา เราควรจะเลิกกัน”

วาริชกอดรัดเธอไม่ปล่อย ปากก็พร่ำพูดว่าไม่เลิก ยังไงก็ไม่เลิก ผู้หญิงคนอื่นสำหรับเขาไม่สำคัญแม้แต่ นิดเดียว พิมคือคนที่สำคัญที่สุด เขายอมเลิกกับทุกคนเพื่อเธอ

“ไม่ค่ะ พิมจะไม่ขอให้คุณทำแบบนั้น และคุณก็ไม่จำเป็นต้องทำ ไม่ว่ายังไงพิมก็ต้องเลิกกับคุณ เราเลิกกันเถอะค่ะ” พิมพรรณย้ำหนักแน่น พร้อมกับสะบัดหนีจะกลับออกไป วาริชเห็นท่าไม่ดีรีบเปลี่ยนมุกใหม่

“โอเคๆ เลิกก็เลิก ถ้าคุณต้องการแบบนั้น ผมเลิกก็ได้ แต่ก่อนจะเลิกกัน ผมขออะไรสักอย่าง...ช่วยทานข้าวกับผมเป็นครั้งสุดท้าย ผมทำอาหารเพื่อคุณ มันอาจเป็นมื้อสุดท้ายที่เราจะได้กินด้วยกัน คุณจะให้เกียรติทานกับผมได้หรือเปล่า”

วาริชออดอ้อนด้วยน้ำเสียงและสายตาอย่างเต็มที่... ครู่เดียวพิมพรรณผู้อ่อนต่อโลกก็ใจอ่อนยอมกินข้าวด้วย วาริชฉวยโอกาสตอนไปหยิบน้ำแอบใส่ยานอนหลับในแก้วของเธอ มาดหมายรวบหัวรวบหางให้ได้ในคืนนี้

ผ่านไปพักเดียว พิมพรรณมีอาการมึนเบลอและหมดสติไปในที่สุด ตกเป็นเหยื่อความกะล่อนเจ้าเล่ห์ของเขาจนได้...เมื่อเธอรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว ได้แต่ร่ำไห้ด้วยความเสียใจ เจ็บใจ

“ผมทำไปเพราะความรักนะพิม ผมรักคุณ รักมาก มากที่สุด รักจนยอมทำทุกอย่างได้เพื่อไม่ให้เลิกกับคุณ ผมเองก็ไม่รู้ตัวว่ารักคุณมากแค่ไหน จนคุณขอเลิก ผมถึงได้รู้ว่าผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ...ผู้หญิงคนอื่นเป็นแค่ของเล่นของผม คุณเท่านั้นคือตัวจริง ผมยอมเลิกกับทุกคนเพื่อคุณ” วาริชปากหวานออดอ้อน แต่พิมพรรณยังนิ่งมองอย่างลังเล “วันนี้คุณอาจจะไม่เชื่อผม แต่ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น นับจากนี้ไปผมจะมีคุณคนเดียวคนเดียวจริงๆ”

วาริชยืนยันหนักแน่นจนพิมพรรณใจอ่อน พยักหน้าน้อยๆแทนคำตอบ


อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 8 วันที่ 27 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ