@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 8/4 วันที่ 30 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 8/4 วันที่ 30 ก.ย. 55 

    “เดินยังไงคุณ”
       ผู้หญิงคนนั้นทำเสียงดุใส่ แล้วเดินไปเลยโดยไม่สนใจ ภาพิศรู้สึกเจ็บแปล๊บ รีบเอามือประคองท้องอย่างรวดเร็วโดยอัตโนมัติ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกเดินไป ไม่เป็นอะไรมาก    
       ส่วนอีกมุม สุดาแอบมองอยู่ ด้วยสีหน้าผิดหวัง     
       ตรงมุมลับตาในลานจอดรถที่ด้านนอกฟิตเนสแห่งนั้น สุดาจ่ายเงินค่าจ้างให้ผู้หญิงสองคนที่จ้างมาเพื่อสร้างสถานการณ์ก่อนหน้านี้
       สุดาถามด้วยน้ำเสียงกระชาก “ตกลงมันเป็นไรมั้ย”
       หญิงคนที่ชนภาพิศหน้าแหยๆ “คงไม่ค่ะ แต่ฉันก็ชนสุดแรงเลยนะคะ”
       “ไม่น่าเลย” สุดาทำเสียงจิ๊จ๊ะ ฮึดฮัดขัดใจแล้วขึ้นรถขับออกไปอย่างหัวเสีย
     
       เสร็จจากออกกำลังกาย ภาพิศมาเดินซื้อของเตรียมไว้ให้ลูกในท้องกับแฉล้ม
       “โชคดี นี่ถ้าเด็กในท้องเป็นอะไรแย่เลย” แฉล้มว่าหลังรู้เรื่อง
       ภาพิศกุมท้องตัวเองอย่างหวงแหน ขณะที่แฉล้มทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะตั้งข้อสังเกตออกมา
       “แต่ฉันว่ามันแปลกๆ คราวก่อนคุณก็เหยียบสบู่เกือบล้มในห้องน้ำ นี่ก็มีคนมาชน เป็นไปได้มั้ยคุณ จะเป็นฝีมือของคุณหญิงสุดา”
       ภาพิศท้วง “กำลังท้องอยู่ ฉันไม่อยากคิดเรื่องร้ายๆ”
       “ระวังหน่อยก็ดีนะคุณ ยัยคุณหญิงอาจจะไม่อยากจบ เหมือนที่คุณอยากให้จบก็ได้ ไม่งั้นจะมีเรื่องกับคุณบ่อยๆ ทำไม? ดีไม่ดี ตอนนี้อาจจะคิดแผนอะไรอยู่ก็ได้”
       ภาพิศหวั่นไหวครุ่นคิดตามคำพูดแฉล้ม สีหน้าทั้งกังวลและไม่สบายใจ
     
       สายวันนั้นเกริกเดินออกมาจากห้อง แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นกาวินทร์นอนฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะ เกริกมองอย่างแปลกใจ
       “อ้าว!ยังไม่ไปทำงานอีก” เกริกปลุกเสียงอ่อนโยน “แก้ว..แก้วไม่สบายหรือเปล่าลูก” เกริกชะงัก “กลิ่นเหล้าหึ่งเลย” จังหวะนั้นกาวินทร์งัวเงียตื่นขึ้นมา “ทำไมดื่มขนาดนี้แก้ว”
       กาวินทร์โวยวาย “ผมกลุ้มใจ”
       “มีเรื่องอะไร?” กาวินทร์นิ่ง เกริกถอนใจ “จะเรื่องอะไร ลูกก็น่าจะตั้งสติ แก้ปัญหาไปทีละเปลาะ ในเมื่อลูกก็รู้ว่าเหล้ามันแก้ปัญหาไม่ได้ อย่างดีมันก็แค่” เสียงเครือสั่น “เมา แล้วก็แค่ให้ลืมความทุกข์ไปวันๆ”
       กาวินทร์เครียดจนพาลใส่พ่อ “ก็ผมทำอย่างพ่อไง อยากลืมปัญหา” เสียงดังระบายอารมณ์ “ปัญหาที่มันแก้ไม่ได้”
       กาวินทร์เดินออกไป เกริกมองแก้วเหล้าบนโต๊ะสะท้อนใจตัวเอง
     
       เกริกถือขวดเหล้าแก้วเหล้าเดินมาที่กำแพงหลังบ้าน มองนิ่งๆ แล้วขว้างขวดเหล้าในมือใส่กำแพง พร้อมกับหยิบขวดเหล้าที่วางเกลื่อนบนพื้นปาใส่กำแพงไม่ยั้ง ก่อนที่จะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้เสียใจ คับแค้นใจ
     
       เกริกตัดใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะเลิกดื่มเหล้า
         ในขณะที่สุขหฤทัย แหวกว่ายน้ำออกกำลังกายอย่างมีความสุข เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ดังลั่น
     
       สุขหฤทัยขึ้นมาจากสระคว้าผ้ามาคลุมร่าง เดินไปหยิบมือถือ แสยะยิ้มเมื่อเห็นชื่อหน้าจอ
       “ว่าไงคะ...ว่าที่ดาราหนังเอวี”
       กาวินทร์เดินอยู่ตามทาง หน้าตาบุดบึ้งโกรธเกรี้ยว แต่พยายามข่มอารมณ์พูดเสียงอ่อนโยน นุ่มนวล
       “ผมขอคุยด้วยหน่อย”
       “ตอนนี้ไม่ว่าง” สุขหฤทัยปรายตามองดูเล็บมือตัวเองไม่สนใจ “กำลังแคะขี้เล็บอยู่”
       กาวินทร์พยายามกดข่มความโกรธลงไป “คุณฤทัย..ผมขอร้องล่ะนะ..ผมอยากคุยกับคุณดีๆ”
       “ถ้าเรื่องคลิปนั่น ฉันไม่คุย”
       กาวินทร์ข่มอารมณ์ พูดเสียงนุ่มนวล “เรื่องคลิปนั่นผมก็ไม่สนแล้วเหมือนกัน ..ผมอยากคุยกับคุณเรื่องอื่น ..เรื่องสำคัญที่คุณจำเป็นต้องรู้”
       สุขหฤทัยฉงน “เรื่องสำคัญ....เรื่องอะไร”
       กาวินทร์พูดเสียงหวาน “เราต้องคุยกันครับ ผมขอร้อง...ผมอยากให้เราคุยกัน...นะครับ”
       น้ำเสียงของกาวินทร์อ้อนวอน แต่ดวงตาเป็นประกายวาววับ เหี้ยมเกรียม
     
       สองคนนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง กาวินทร์กับสุขหฤทัยเดินมาด้วยกัน ท่าทีของสุขหฤทัยเชิดหยิ่ง ขณะที่กาวินทร์เดินตามตัวลีบ แสร้งทำเป็นยอมหญิงแสบสุดหัวใจ
       ขณะเดียวกันที่ด้านในตรงเคาน์เตอร์ มาลินีที่มาส่งขนมเห็นสองคนพอดี รีบทำธุระให้เสร็จๆ บอกเจ้าของร้านว่า
       “ไว้วันหลังมดจะทำขนมสูตรใหม่ๆ มาให้ชิมนะคะ ขอบคุณค่ะที่ไว้ใจ”
       มาลินีรับเงิน แล้วเดินออกมา ขณะที่กาวินทร์พาสุขหฤทัยมานั่งตรงโต๊ะในมุมหนึ่ง สุขหฤทัยเชิด แต่ท่าทางเต็มไปด้วยความอยากรู้ ในขณะที่กาวินทร์ทำทีเป็นหลงรักสุขหฤทัยเต็มเปา มองด้วยสายตาอ่อนโยน พูดคำหวานเอาใจ
       “ผมดีใจมากที่คุณมา”
       “นายมีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า เรื่องสำคัญของนายคืออะไร?”
       กาวินทร์ทำท่าเขินๆ แบบหนุ่มเพิ่งหัดจีบสาว “ผม...ผม อยากขอโอกาสจากคุณ”
       “ก็บอกแล้วไง ถ้าเป็นคลิปนั่นไม่มีทาง” สุขหฤทัยเย้ย
       “เรื่องคลิปผมไม่สนใจแล้ว ที่ผมสนใจ ที่ผมแคร์ ก็คือคุณ”
       สุขหฤทัยมองอย่างงงๆ ขณะที่กาวินทร์แต่งนิยายว่า
       “ผมไม่ใช่ผู้ชายมักง่าย มักมาก แต่คืนนั้นที่ผม..ทำอย่างนั้น ก็เพราะคุณ”
       “เกี่ยวอะไรกับฉัน”
       “เพราะผมรักคุณไง...ผมต้องการคุณ”
       มาลินีเดินผ่านมาพอดีได้ยินเต็มๆ แต่มาลินีเดินมาจากด้านหลัง กาวินทร์จึงไม่เห็น มาลินีอึ้ง อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติรีบเดินผ่านไป สุขหฤทัยจ้องกาวินทร์ท่าทีงุนงง
       “ผมคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคุณ..ก็เลย...”
       สุขหฤทัยเบ้หน้าทำท่ารังเกียจเดียดฉัน “อี๋! ไม่ต้องพูดต่อ ฉันขยะแขยงไม่อยากฟัง” ลุกจะเดินออกไป
       กาวินทร์รีบบอกน้ำเสียงจริงจัง “แต่ผมรักคุณนะฤทัย”
       สุขหฤทัยไม่สน เดินเชิดออกไป
       กาวินทร์วางเงินไว้ที่โต๊ะทำหน้าฮึดฮัด บ่นงึมงำกับตัวเอง
       “ยัยบ้า ถ้าฉันได้คลิปคืน ฉันไม่บ้าตามตื้อเธอหรอก” แล้วตามออกไป
     
       มาลินีเดินออกมาที่หน้าร้านแล้ว หน้าซีดใจสั่น ลึกๆ เสียใจแต่ทำเป็นไม่สน อารามช็อกหูอื้อตาลาย จึงเผลอชนเก้าอี้ข้างๆ แทบล้ม สุขหฤทัยหันมาตามเสียง จำมาลินีได้ เดินเข้ามายิ้มเยาะ
       “ไงได้ยินไอ้แก้วมันบอกรักฉัน ถึงกับเข่าอ่อนเลยเหรอยะ”
       มาลีนีหันมาเผชิญหน้าทำเป็นเข้มแข็ง “ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับพี่แก้ว พี่แก้วจะบอกรักคุณมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”
       สุขหฤทัยหัวเราะ “จริงเร้อ...” เชยคางมาลีนีขึ้นมา “แต่หน้าตาของเธอเหมือนปลาขาดน้ำ
       เลยนะยัยหน้าจืด” สะบัดมือออกจากหน้ามาลินี “ไม่ต้องกลัว คนอย่างฉันไม่เคยแย่งของๆ ใคร โดยเฉพาะคนอย่างไอ้แก้ว เพราะฉันกับมันคนละชั้นกัน” เดินหนีไปโดยไม่สนใจ
       กาวินทร์มาเห็น หน้าซีดเผือด หันมาโวยใส่มาลินีทันที
       “มดพูดอะไรกับคุณฤทัย
       มาลินีไม่ตอบ มองกาวินทร์อย่างเสียใจ กาวินทร์รีบลากแขนมาลินีไป กลัวสุขหฤทัยเห็น
       “มานี่เลยมด มานี่”
     
       ที่บริเวณลานจอดรถ กาวินทร์เหวี่ยงมาลินีออกไปเต็มแรง ถามตะคอก
       “มดพูดอะไรกับคุณฤทัย บอกพี่มาเดี๋ยวนี้
       มาลินีเข้มแข็งขึ้นมากไม่เหมือนเดิม “พี่แก้วคงลืมไปแล้วมังคะ ว่าวันนี้ไม่ว่าในฐานะไหน
       เราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่ามดจะทำอะไร มดไม่จำเป็นต้องพูดต้องบอกพี่แก้วค่ะ” พลางจะเดินหนี
       กาวินทร์ฉุน คว้ามือมาลินีกระชากกลับมา พูดแทบเป็นคำรามตามนิสัย
       “ได้...ถ้าเรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับคุณฤทัย....พี่กำลังตามจีบเค้า อย่าทำให้แผนพี่เสียนะมด”
       “คนที่จะทำให้ทุกอย่างเสียคือพี่แก้ว ไม่ใช่มด โดยเฉพาะถ้าคุณฤทัยเค้าเห็นพี่แก้วมาจับมือมดอย่างนี้ ปล่อยค่ะ” สะบัดมือออก กาวินทร์จำต้องปล่อย “ส่วนเรื่องที่พี่แก้วจะรักใครชอบใคร ก็เชิญไปบอกให้เค้าฟังเถอะค่ะ ไม่ต้องมาบอกมด เพราะมดไม่อยากฟัง”
       กาวินทร์เยาะ “เพราะมดหึง”
       “มันเลยจุดนั้นไปแล้วต่างหากล่ะค่ะ พี่แก้ว...ไม่ได้อยู่ในความสนใจของมดอีกแล้วค่ะ”
       พูดจบมาลินีเดินหนีอย่างไม่แยแส แก้วได้แต่ฮึดฮัด ขัดใจ มาลินีไม่ยอมเหมือนเดิมแล้ว
     
       แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้อง ทำให้กรรณนรีรู้สึกตัว มองสภาพตัวเอง เห็นอยู่ในชุดใหม่ใส่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีขาวของสรวง กรรณนรีตกใจ สรวงโผล่หน้าเข้ามายิ้มละไม
       “นี่! ไม่ต้องทำท่าสำรวจโลกขนาดนั้น ผมไม่ได้ทำอะไรคุณซักหน่อย” เข้ามานั่งข้างๆกอดกระเซ้า “ก็แค่หอมนิดหอมหน่อย แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เท่านั้นเอง”
       กรรณนรีซาบซึ้งใจ “คุณจะทำก็ได้นี่คะ...ในเมื่อฉันเต็มใจ
       สรวงกอดจริงจัง “อย่างที่บอก เพราะผมรักคุณไงกรรณรี ผมรอวันของเราได้”
       กรรณนรีมองซึ้ง สรวงกระเซ้า ทำท่าเหมือนเสือจะขย้ำเหยื่อ
       “นี่! อย่ามองผมด้วยสายตาอย่างนี้ เดี๋ยวผมกลายเป็นสรวงเสือหื่นปล้ำคุณขึ้นมาจะยุ่ง...” ฉุดให้ลุกขึ้น “ไป..อาบน้ำ เดี๋ยวนายสอระวง จะสำแดงฝีมือทำอาหารเช้าให้คุณชิม” สรวงเดินออกไพร้อมรอยยิ้มกว้าง หันหน้ามาสั่งเสียงดุ “อาบน้ำๆ”
     
       กรรณนรีเยื้อนยิ้ม มองสรวงอย่างเต็มตื้น ก่อนจะเดินตามออกไป
         กาวตามสรวงเข้าไปในครัว เห็นสรวงทำอาหารเช้า จำพวกเมนูไข่อยู่ ทั้งไข่ดาว ไข่คน ไส้กรอก อย่างคล่องแคล่ว อีกมือก็หันไปจับขนมปังเข้าเครื่องปิ้ง
     
       “ฉันช่วยดีกว่าค่ะ” กรรณนรีบอก
       “ไม่ต้อง ตอนผมเรียนอยู่เมืองนอก ผมทำทานบ่อยๆ อีกอย่าง...” หันมาจ้องหน้ากรรณนรีพูดแซว “เหม็นขี้ฟัน รีบไปอาบน้ำเร็วเข้าคุณ...หรือจะต้อง..ให้ผมอาบให้”
       สรวหันตัวมาทำท่าย่างเท้าเข้ามา กรรณนรีถอยหลังกรูด
       “ไม่ต้องค่ะ ฉันอาบเองได้”
       “งั้นก็รีบไปอาบเร็วๆ จะได้ออกมาทานอาหารเช้า” สรวงเหลียวมองท้องฟ้าด้านนอกยิ้มกริ่ม “เอ๊ะ!หรืออาหารเที่ยงดี”
       กรรณนรีหมั่นไส้ค้อนขวับ “คุณนี่”
       “มัวแต่ค้อนอยู่นั่นแหละ ไปอาบน้ำได้แล้ว คุณนายตื่นสาย” สรวงขยับตัวจะเข้ามาอีก
       กรรณนรีวิ่งหนีไป สรวงมองตามยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปง่วนกับการทำอาหารต่ออย่างสุขใจ
     
       กรรรณรีเดินเข้ามาในห้องน้ำ มองกระจกดวงตาหมองครุ่นคิดฝันอยากมีครอบครัวอบอุ่นกับสรวง
       กรรณนรีฝันถึงบ้านหลังเล็กๆ น่ารักๆ ที่จะได้ใช้ชีวิตครอบครัวกันอย่างอบอุ่น มีกรรณนรี มีสรวง และลูกสาวน่ารักวัยสองขวบ สองคนช่วยกันเลี้ยงลูกไปมา
       สรวงอาบน้ำ กรรณนรีแต่งตัว สรวงอุ้มลูกสาว กรรณนรีป้อนข้าว สองคนพาลูกไปเดินเล่นใบหน้ายิ้มแย้ม เปี่ยมสุข
     
       กรรณนรีดึงตัวเองกลับมา น้ำตาไหลพรากๆ ร่ำร้องในใจ
       “ต่อไป...คุณคงรังเกียจฉันมาก แต่นับวัน ฉันยิ่งรักคุณ...คุณสรวง”
       กรรณนรีร้องไห้ ส่วนด้านนอก สรวงถือกระทะไข่ดาวเข้ามาเคาะประตูเรียก
       “นี่คุณ เข้าไปหลับในห้องน้ำอีกรอบรึไง...ออกมาได้แล้วคุณนายตื่นสายไข่ดาวสุกจนจะเป็นไข่พระจันทร์อยู่แล้ว เอ๊ะ!หรือจะต้องพังประตูเข้าไป”
       “ค่ะๆ...เสร็จแล้วค่ะ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
     
       บนโต๊อาหาร ภาพแห่งความสุข แสนโรแมนติก ระหว่างสรวง กับกรรณนรี สองคนตักอาหารป้อนให้แก่กันและกัน สองคนหยอกล้อ กอดหอม เคล้าคลอ ภาพความสุขที่กรรณนรีจะเก็บจำไว้ในใจหลังจากพ้นวันนี้ไปแล้ว
     
       เวลาเดียวกันทางด้านสุดากับสุขหฤทัยคุยกันอยู่ที่ห้องโถงในคฤหาสน์ ท่าทีสุดาดูเป็นกังวล
       “นังกรรณนรีมันยังไม่ติดต่อมาอีกเหรอ”
       “ยังเลยค่ะคุณหญิงแม่”
       “มันไม่กลัวรึไง”
       “ฤทัยมั่นใจ ยังไงมันต้องกลัว....กลัวว่าพ่อมันจะตายถ้าเห็นคลิปอุบาทว์นั่น”
       “ก็แล้วทำไมมันไม่ติดต่อกลับมา..มัวทำอะไรอยู่”
       สองคนทำท่าจิ๊จ๊ะขัดใจ
     
       ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าตรงโค้งทะเล สรวงจับมือกรรณนรีเดินเล่นท่ามกลางแสงสะท้อนผิวน้ำทะเลยามเย็นระยิบระยับตา
       “ฉันอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้จัง”
       สรวงยิ้มกว้าง รวบตัวกรรรนรีมากอด “แต่ฉันไม่...เพราะฉันอยากอยู่กับเธอนานๆ ตลอดไป
       เราจะสร้างครอบครัวเล็กๆ ด้วยกันนะกรรณรี มีเธอ มีฉัน มีลูก” ยิ้มยั่วตาหยี พลางพูดกระเซ้า “ถ้าไม่นับมรดกของพ่อ เงินเดือนของฉันอาจจะไม่ได้มากมายอะไรแต่ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ให้เธอกับลูกลำบาก แต่อาจจะต้องมีบางมื้อ ที่ฉันจะให้เธอกินบะหมี่สำเร็จรูป”
       “ฉันไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน ไม่ใช่ผู้หญิงหน้าเงิน บะหมี่สำเร็จรูปฉันก็กินได้ ถ้ากินกับคุณ”
       “ไม่เอาอ่ะ” ผลักกรรณนรีออกพูดเย้า “ถึงตอนนั้น ฉันคงไม่อิ่ม เธอหากินเองแล้วกัน”
       กรรณนรีหมั่นเขี้ยวทุบตีสรวง “จริงๆเลยคุณนี่”
       สรวงคว้าตัวมากอดใหม่ มองตาหวานฉ่ำ “ใครจะให้เธอลำบาก...ถึงฉันจะให้เธอกินบะหมี่สำเร็จรูป ฉันก็จะให้เธอกินแบบคัพ แพงกว่าแบบซองนิดนึง”
       กรรณนรีอมยิ้มหัวเราะขำ “คุณนี่ ยังไงฉันก็พร้อมลำบากไปกับคุณค่ะ”
       สรวงหอมหน้าผากกรรณนรีฟอดใหญ่ “ชื่นใจ” จับแขนสองข้างมองจ้องหน้า บอดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “รู้มั้ยเห็นเธอทุกข์ ฉันก็ทุกข์ด้วย เพราะฉะนั้นมีอะไร เธออย่าเก็บไว้คนเดียว”
       กรรณนรีมองตอบอย่างซึ้งใจ “ค่ะคุณสรวง”
       “ฉันรักเธอ”
       “ฉันก็รักคุณค่ะ”
       สรวงตระกองกอดกรรณนรีไว้แนบอก สองหนุ่มสาวทอดสายตามองพระอาทิตย์จนลับขอบฟ้าไป
     
       สรวงขับรถมาส่งกรรณนรีที่บ้านตอนกลางคืน สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรัง
       “ฉันถือช่วยค่ะ”
       สรวงยิ้ม “ผมลูกผู้ชายหิ้วของแค่นี้จะให้” ทำน้ำเสียงล้อราวกับพระเอกลิเก “นางผู้ซึ่งเป็นที่รักหิ้วได้ยังไง”
       กรรณนรียิ้มขำกับคำพูดเชยเฉิ่มที่สรวงคัดสรรมา “เสร็จจากนี้แล้วจะไปเล่นลิเกที่วิกไหนคะ? ฉันจะได้ตามไปเป็นแม่ยก”
       “ยกที่นี่แหละ ยกหัวใจให้หมดเลย” สรวงหัวเราะร่า “ป่ะ..พอแล้วเลี่ยน เข้าบ้าน”
       กรรณนรีหัวเราะกิ๊กกั๊ก “ฉันนี่แหละควรจะพูดประโยคนี้ ไปค่ะ”
       สองคนเดินเข้าไปในบ้านกระหนุงกระหนิง
     
       สองคนเข้ามาตรงห้องนั่งเล่นในบ้าน สรวงยกมือไหว้แล้วส่งของให้เกริก ที่ยื่นมือมารับของพลางถาม
       “หิ้วอะไรมาฝากเยอะแยะ”
       “ของทะเลน่ะครับคุณลุง”
       “ขอบใจๆ ทานอะไรกันมาหรือยัง? เดี๋ยวลุงทำให้”
       สรวงมองไปยังกรรณนรียิ้มตาหวาน “อิ่มแปล้เลยครับ”
       “งั้นก็กลับได้แล้วค่ะ”
       “แล้วเจอกัน คุณลุงครับ..ผมกลับนะครับ”
       “ไหว้พระๆ” เกริกเดินหิ้วของเข้าครัวไป ปากบ่นแต่สีหน้าแช่มชื่น “ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
       กรรณนรีมองตามสรวงหน้าเศร้า...รู้ดีว่าต่อไปจะทำอย่างนี้อีกไม่ได้แล้ว
       ระหว่างนั้นกาวินทร์ที่มองมานานจากบันไดเดินเข้ามาหากรรณนรีบอกเสียงเข้ม
       “มาคุยกับพี่หน่อยสิกาว”  
     
       บริเวณมุมหนึ่งตรงหน้าบ้าน กาวินทร์กับกรรณนรีเดินออกมาด้วยกัน กาวินทร์ถามหน้าเครียดเป็นห่วงอยู่ในที
       “ทำไมกาวยังคบกับเค้าอยู่ ทั้งๆ ที่กาวก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
       กรรณนรีน้ำตาคลอ “กาว...แค่อยากทำตามหัวใจตัวเอง”
       “ทำตามหัวใจตัวเอง แต่ถ้าพ่อรู้ พ่อเจ็บน่ะเหรอ? เมียก็ถูกเค้าแย่งไป ลูกก็ยังจะถูกเค้าพรากไปอีก โดยผู้ชายที่มาจากตระกูล อริยะวรรต”
       “มันไม่มีวันนั้นหรอกค่ะพี่แก้ว...” กรรณนรีสะอื้นเสียงดังขึ้น “มันไม่มีทางมีวันนั้น”
       กาวินทร์ไม่เข้าใจ และยุ่งยากใจ “พี่ไม่เข้าใจ กาวพูดเหมือนจะตัดใจแต่กาวก็ไปกับมัน”
       “กาวบอกแล้วไงคะว่าขอทำตามหัวใจตัวเอง ครั้งแรก และครั้งสุดท้าย..และนับจากวันนี้ ระหว่างกาวกับคุณสรวง มันจะไม่เหลืออะไรอีกแล้วค่ะ”
       กรรณนรีผลุนผลันวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
     
       ทันทีที่ประตูห้องนอนปิดลง กรรณนรีปล่อยโฮออกมาสุดกลั้น ก่อนจะปาดน้ำตาทิ้งโทร.หาสุขหฤทัย ที่กำลังเอาเท้าแช่อ่างน้ำอุ่น มีคนมาขัดเท้าให้ สุขหฤทัยรับสายอย่างเป็นต่อ หยอดเสียงเย้าแกมเย้ย
       “ว่าไงจ๊ะกรรณนรี”
       กรรณนรีเสียงเครือแต่ยังเข้มแข็ง “ฉันตกลงทำตามข้อบังคับของคุณ...แต่ทันทีที่งานสำเร็จ คุณต้องทำลายคลิปบ้าๆ พวกนั้น รวมทั้งไปจากชีวิตของฉัน”
       สุขหฤทัยหัวเราะเย้ย “ข้อเสนอของเธอเบบี๋มากเลยกรรณนรี คลิปอุบาทว์ของพี่ชายเธอ ฉันไม่อยากเก็บไว้ให้มันเป็นเสนียดหรอก”
       กรรณนรีโกรธจัด “งั้นก็ทำลายมันเดี๋ยวนี้เลยสิ”
       “ก็บอกแล้วไง ฉันเก็บไว้เป็นเครื่องต่อรองกับเธอ” เสียงเข้ม “ฟังอีกครั้ง ยิ่งเธอทำงานเสร็จเร็วแค่ไหน คลิปก็จะถูกทำลายเร็วเท่านั้น”
       สุขหฤทัยวางสายยิ้มอย่างพอใจ
     
       กรรณนรีน้ำตาไหลออกมาอีก คับแค้นใจนัก
            ขณะที่นิคกับมะยมเดินเข้ามา จ๋าเดินหน้าตาตื่นมาหาพร้อมซองสีขาว ยื่นให้ตรงหน้า
     
       มะยมร้องลั่น “เฮ้ย! พี่จ๋า...เรื่องอะไรมายื่นซองขาวกันแต่เช้า”
       “ผมเข้าออกงานตรงเวลานะครับไม่เคยขาด ไม่เคยเกเร ไม่เคยลาเจ็บลาป่วย” นิคสยองด้วย
       “ก็ใครว่าพี่จะไล่เธอสองคนออกล่ะ”
       มะยมกับนิคมองหน้ากัน ก่อนหันมามองจ๋างงๆ
       “แล้วซองอะไรครับ”
       “จดหมายลาออกของกาว”
       สองคนตกใจตาโต ร้องประสานเสียง “หา! กาวลาออก”
     
       นิคกับมะยมเดินออกมาที่หน้าออฟฟิศ
       “โทร.หากาวเลยแก” นิคบอก
       “โทร.จนมือหงิกอยู่เนี่ย แต่กาวไม่รับสาย เฮ้อ!กาวนะกาว มีปัญหาอะไรทำไมไม่บอก” มะยมว่า
       นิคหน้ายุ่ง “นั่นน่ะสิ มัวทำอะไรอยู่นะกาว”
       กรรณนรีอยู่ในร้านเสริมสวยสุดหรู กำลังนั่งทำผม เพื่อแปลงโฉมตัวเอง แต่กรรณนรีนั่งนิ่ง เฉยเมย ดวงหน้าราวกับหุ่นปั้น
     
       ในเวลาต่อมา สุดากับสุขหฤทัยยืนอยู่ที่ชายทะเล กรรณนรีในชุดเดรสสั้น เสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะ สวยและเซ็กซี่มากเดินเข้ามา พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปกลายเป็นสาวมาดมั่น
       “ฉันมาแล้ว”
       สุดากับภาพิศหันมามอง สองคนยิ้มพอใจ
       “ฤทัยรสนิยมดีมากเลยจ้ะ ถึงเปลี่ยนนางสลัมให้กลายเป็นผู้ดีขึ้นมาได้” สุดาว่า
       “นับจากวันนี้ บทบาทของ ศุภาวีร์ ผู้หญิงคนใหม่ของท่านอารักษ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว” สุขหฤทัยเสริมต่อ
       สุดากำชับเสียงเข้ม “จำไว้หน้าที่ของเธอคือแย่งท่านอารักษ์มาจากนังภาพิศให้ได้...เธอทำสำเร็จเร็วแค่ไหน คลิปอุบาทว์ๆ ของพี่ชายเธอก็จะถูกทำลายเร็วแค่นั้น”
       “ทำให้ได้เร็วๆ นะจ๊ะ ศุภาวีร์” สุขหฤทัยพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดเย้ย “แย่งท่านอารักษ์มาจากนังภาพิศให้ได้”
       สองคนเดินไป กรรณนรีมองตามอย่างแค้นเคือง คำรามก้องในใจ
       “นอกจากแย่งนายอารักษ์มาจากคุณภาพิศ สิ่งที่ฉันจะทำคือ ทำให้นายอารักษ์หย่าจากคุณให้ได้ คุณหญิงสุดา”
     
       แววตากรรณนรีวาวโรจน์
     
       ขณะที่อารักษ์นั่งทอดอารมณ์อยู่ที่บ้านพักริมทะเล สีหน้าของอารักษ์เคร่งเครียด ไม่สบายใจ จังหวะนั้นกรรณนรีในชุดแต่งตัวสุดเซ็กซี่ เสื้อสายเดี่ยว มีผ้าคลุมสะโพก ผมยาวสยาย อ่อนหวาน เดินลัดเลาะมาตามชายหาด
       พอเห็นอารักษ์ กรรณนรีก็แสร้งทำทีจะเป็นลม ซวนเซโงนเงน อารักษ์เห็นก็ตกใจ วิ่งเข้ามาหา
       “คุณ...เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ”
       ทันทีที่อารักษ์ประคอง กรรณนรีก็ซบหน้าลงกับอกอารักษ์กิริยาอ้อนๆ
       อารักษ์รู้สึกแปลกๆ เขย่าตัวเรียก “คุณ”
       “ฉันไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ” กรรณนรีช้อนตา เงยหน้าขึ้นมองแบบมีจริต
       อารักษ์จำได้ มองอย่างตะลึงแล เพราะกรรณนรีเปลี่ยนไป สวยขึ้นมาก “เธอ...เธอชื่อก้าง ที่เป็นนักข่าวใช่มั้ย”
       กรรณนรีบอกเสียงเศร้า “ค่ะแต่ต่อไปได้โปรดอย่าเรียกฉันว่าก้างกรุณาเรียกฉันว่า...ศุภาวีร์”
       อารักษ์มองกรรณนรีไม่เข้าใจ ขณะที่กรรณนรีซบหน้าลงกับอกอารักษ์ออดอ้อนอีก
       “ท่านขา....ฉันอยากตาย..ฉันอยากตาย”
       อารักษ์ตบหลังเบาๆ ปลอบ “อย่าพูดเรื่องตาย มีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนหนูเอง”
       อารักษ์ประคองกอดกรรณนรีเดินเข้าไปยังที่พัก ท่าทางเจ้าชู้มาก
       ที่ด้านหลังสองคน สุดากับสุขหฤทัยแอบมองอยู่ พอเห็นอารักษ์ประคองกรรณนรีเข้าไปด้านใน สองคนก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะตามไป
     
       อารักษ์ประคองกรรณนรีลงนั่งที่เก้าอี้ตรงระเบียงหน้าบ้านพัก กรรณนรีร้องไห้สะอึกสะอื้นใส่จริต อารักษ์ปลอบกรรณนรีเหมือรผู้ใหญ่ใจดี แต่แอบถึงเนื้อถึงตัว จับมือไม้ตลอดเวลา
       “ไม่เอาน่า..หนูจะร้องไห้ทำไมแค่ผู้ชายคนเดียว”
       กรรณนรีแอ๊บเสียงเศร้า “ก็หนูรักเค้า” กรรณรีเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวว่าหนู
       อารักษ์จับมือปลอบ “ฉันเข้าใจ แต่ผู้ชายดีๆ ยังมีอีกเยอะ ที่จะไม่ทำให้หนูเสียใจ อย่างฉันคนหนึ่งไง”
       กรรณนรีช้อนตามองใส่จริตจกร้าน หูตาแพรวพราวยั่วยวน “ท่านพูดจริงหรือคะ”
       “จริงสิ...” อารักษ์เกลี่ยผมออกให้กรรณนรีแบบเอ็นดูแต่แอบแต๊ะอั๋ง “ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตา
       ผู้หญิง โดยเฉพาะคนสวยๆ อย่างหนู...” ชายสูงวัยกลั้วหัวเราะ “แปลกจัง..ที่ผ่านมาฉันปล่อยหนูมาได้ยังไง”
       กรรณนรีชม้ายตามอง “ก็สายตาท่าน มีแต่คุณหญิงสุดาแล้วก็คุณภาพิศ”
       อารักษ์ยิ้ม ถอนหายใจ “แต่ตอนนี้สุดากับภาพิศกำลังจะกลายเป็นอดีตไปแล้วล่ะ”
       “ท่านพูดจริงเหรอคะ”
       “ตั้งแต่ฉันได้เจอหนู..ฉันก็คิดว่า ถึงเวลาที่ฉันควรทำให้มันเป็นเรื่องจริงซักที”
       อารักษ์จับมือกรรณนรี ดึงเข้ามากอด กรรณนรีจำต้องโอนอ่อนผ่อนตาม แต่ดวงตาเกลียดชัง
       ขณะเดียวกันที่ด้านหลัง สุขหฤทัยกับสุดาแอบมองอยู่ ยกมือถือถ่ายไว้อย่างรวดเร็ว
     
       กลางหว่างบรรยากาศสวยงามที่ชายทะเลเย็นนั้น สุดายืนอยู่กับสุขหฤทัย สองคนยิ้มร้ายสะใจอยู่ ที่แผนการลุล่วงไปหนึ่งเปลาะ
       สุขหฤทัยยื่นมือถือให้สุดา “ส่งไปให้นังภาพิศมันดูเลยค่ะคุณหญิงแม่”
       สุดารับมายิ้มอย่างพอใจ กดเบอร์โทร.ภาพิศแล้วส่งไปทันที
     
       ขณะที่ภาพิศกำลังช็อปปิ้งของใช้เด็กอ่อน สัญญาณมือถือดัง ภาพิศรับมาดู ภาพแทนสายตาเห็นอารักษ์กอดผู้หญิงคนหนึ่งไม่เห็นหน้า ภาพิศจ้องมองดู
       สุดายิ้ม รอจังหวะกดโทร.หา ทำเสียงเศร้าแต่หน้ายิ้มหยัน
       “คุณน้องเห็นแล้วใช่มั้ยคะ”
       “ค่ะ”
       “ผู้หญิงคนใหม่ของท่านอารักษ์....มีคนส่งมาให้พี่...ถึงเวลาที่เราควรจะร่วมมือกันได้แล้วนะคะ”
       สุดาผุดยิ้มร้ายออกมา ในขณะที่ภาพิศหน้าเครียดเคร่ง
     
       สุดากับภาพิศนั่งด้วยกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง สุดาแสร้งทำทีเป็นกลัดกลุ้ม
       “พี่ไม่คิดเลยจริงๆ แค่คุณน้องท้องไม่เท่าไหร่ ท่านก็มีผู้หญิงคนใหม่ซะแล้ว”
       “คุณหญิงทราบมั้ยคะว่าผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร” ภาพิศคาใจมาก
       “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน...รู้แค่ว่า...ทั้งสาว ทั้งสวย...ยิ่งถ้าเทียบกับคุณน้องแล้วล่ะก็ เหมือนแม่กับลูกเลยล่ะค่ะ”
       ภาพิศหน้าตาบูกบึ้ง ความหึงหวงแล่นพล่าน สุดาลอบมองยิ้มอย่างพอใจ พูดต่อ
       “นี่ล่ะค่ะพี่ถึงว่า...ถึงเวลาที่เราควรร่วมมือกันซักที เพราะพี่คนเดียวคงเอาท่านไม่อยู่หรอก” สุดาแอบเหน็บ “ก็ขนาดคุณน้องคนเดียว พี่ยังแทบตาย”
       “ค่ะฉันจะร่วมมือกับคุณหญิง สืบดูให้รู้ผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร”
       ภาพิศพูดตาวาวโรจน์  
     
       ที่หน้าร้านอาหาร ภาพิศคุยโทรศัพท์ ปรึกษาแฉล้มที่อยู่ปลายสาย
       “คุณจะไปอยากรู้ทำไมคะ?..รู้ไป คุณก็ไม่สบายใจเปล่าๆ” แฉล้มว่า
       “แต่เพราะผู้หญิงคนนั้นทำให้ท่านไม่มาหาฉัน...” ภาพิศพูดพลางเอามือลูบท้อง พูดเสียงเครือ
       “ทั้งๆ ที่ฉันท้อง ฉันกำลังมีลูกกับท่าน”
       ด้านหลังภาพิศยามนั้น สุดาเหยียดยิ้มอย่างพึงใจ ที่เห็นภาพิศทุรนทุรายเจ็บปวด
       “ฉันว่าคุณทำใจให้สบายดีกว่าค่ะ...อย่าไปเต้นตามคุณหญิงสุดาเลย” แฉล้มเตือนอีก
       “ฉันไม่ได้เต้นตามคุณหญิงสุดา...แต่ฉันเต้นเพื่อลูกของฉัน...ฉันจะทำยังไงถ้าท่านหลงผู้หญิงคนนั้นจนไม่ยอมกลับมา”
       คุณหญิงสุดายิ้มพอใจมาก ขณะที่ภาพิศคำราม
       “คุณต้องช่วยฉันต้องสืบมาให้ได้ ผู้หญิงที่มาเหยียบย่ำหัวใจฉันมันเป็นใคร”
       แฉล้มทำหน้าเซ็งๆ ขณะวางสาย
     
       สุดายิ้มหยัน สีหน้าสาแก่ใจมาก
        มะยมกับนิคเดินหน้าเซียวออกมาจากออฟฟิศกำลังจะกลับบ้าน เจอสรวงเดินยิ้มเข้ามาหา
     
       “กาวอยู่มั้ยครับ วันนี้ผมติดต่อกาวทั้งวันไม่ได้เลย”
       นิคกับมะยมมองหน้ากัน ก่อนหันไปมองสรวง
     
       ไม่นานนัก สามคนนั่งคุยกันอยู่ในร้านอาหาร มะยมเอ่ยขึ้นก่อน
       “เราสองคนก็ติดต่อกาวไม่ได้เหมือนกันค่ะ”
       “ไม่ได้แค่เราสองคน ที่ออฟฟิศก็ติดต่อกาวไม่ได้เหมือนกัน” นิคบอก
       สรวงหน้าตาฉงน “กาวเป็นอะไร”
       “มะยมก็ไม่ทราบค่ะ ว่ากาวมีเรื่องอะไร กาวถึงได้ลาออก”
       สรวงตกใจ “ลาออก”
       “ที่บ้านกาวไม่รู้...รู้เรื่องนี้รึยัง??
       “ผมจะลอง แวะไปถามดู”
       สีหน้าของสรวงกังวลหนัก
     
       สรวงแวะไปหากรรณนรีที่บ้านด้วยความร้อนใจ เจอเกริกที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่ สรวงยกมือไหว้ เกริกรับไหว้ถามแปลกใจ


อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 8/4 วันที่ 30 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager