@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 9 วันที่ 1 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 9 วันที่ 1 ต.ค. 55 

 สรวงแวะไปหากรรณนรีที่บ้านด้วยความร้อนใจ เจอเกริกที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่ สรวงยกมือไหว้ เกริกรับไหว้ถามแปลกใจ
      “อ้าว! แล้วกาวล่ะ?” สรวงยิ่งแปลกใจ เกริกมองเข้าไปในรถ “ลุงก็นึกว่ามาส่งกาว”
       สรวงรู้ทันทีว่าเกริกไม่รู้เรื่องกรรณนรีลาออก “พอดีผมผ่านมาทางนี้เลยแวะมาหากาวนะครับ”
       “กาวยังไม่กลับจากทำงานเลย มะ...เข้ามานั่งรอก่อน”
       สรวงท่วงท่าขรึมลง “ขอบคุณครับแต่ผมต้องรีบกลับไปทำงานต่อ บอกกาวด้วยนะครับผมมาหา”
       สรวงเดินออกไป เกริกมองตามอย่างงุนงง สองป้าวิ่งมาท่าทางตื่นเต้น ในมือป้าตั๊กแตนมีหนังสือติดมาด้วย
       “พ่อเกริกๆ”
       “ว่าไงป้า”
       “กาวมีแฟนเป็นคนดังก็ไม่บอก” จักจั่นยิ้ม
       เกริกยิ้มขำ “ดังอะไร”
       ตั๊กแตนโชว์หนังสือในมือหรา “นี่ไง?..เค้าลงหนังสือด้วย ล้อ..หล่อ”
       เกริกรับมาดู เห็นสรวงถ่ายรูปลงปกหนังสือ เกริกอ่านข้อความโปรยปก
       “ผ่าหัวใจหนุ่มในฝันของสาวๆ สรวง อริยะวรรต”
       เกริกทิ้งหนังสือในมือลง วิ่งตามสรวงออกไป สองป้างง
       “เอ้า! ทิ้งหนังสือทำไม”
       ตั๊กแตนนึก “ฉันว่ามันคุ้นๆ นะ สรวง อริยะวรรต” สองป้ามองหน้ากันต่างคนต่างนึก “ลูกชายท่านอารักษ์ผัวใหม่ของนุดี” ตั๊กแตนโพล่งขึ้น
       สองคนมองหน้ากันอย่างตกใจ
     
       ขณะที่สรวงกำลังจะขึ้นรถ เกริกตามเข้ามาท่าทางร้อนรนตกใจ
       “เดี๋ยวก่อนคุณ”
       “ครับคุณลุง” สรวงหันมาหา
       “ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าคุณ....คุณนามสกุล อริยะวรรต”
       สรวงตกใจหน้าซีดเผือด ขณะที่เกริกมองขมขื่น
       “คุณเป็นอะไรกับพลตรีอารักษ์” สองคนมองหน้ากัน ต่างคนต่างอึดอัด ลำบากใจ
       สรวงตอบอย่างลำบาก “ผม....ผมเป็นลูกชาย”
       สีหน้าเกริกเจ็บปวด เหมือนหัวใจถูกทุบอย่างแรง เกริกเอามือกุมหัวใจ
       “พ่อคุณพรากเมียผมไปแล้ว ผมขอ...คุณอย่าพรากกาวไปจากผมอีกเลย
       สองคนประสานสายตากัน เกริกมองมาอย่างเจ็บปวด พยายามข่มน้ำตาไม่ให้ไหล หันหลังกลับแต่แล้วเกริกก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะล้มทรุดลงไป สรวงตกใจ รีบเข้ามาประคอง
       “คุณลุงๆๆ”
     
       เกริกนอนนิ่งอยู่บนเตียง สรวงมองอย่างเสียใจ กาวินทร์เปิดประตูวิ่งพรวดเข้ามา
       “พ่อ” หันมาเห็นสรวง “แก” กาวินทร์คำรามกระชากคอเสื้อสรวง เงื้อหมัด อย่างโมโห ก่อนจะข่มอารมณ์ได้ ผลักออกไปแรงๆ
       “คุณกลับไปเลยไป”
       “ขอผม” สรวงเป็นห่วงเกริก
       กาวินทร์สวนขึ้นทันที พร้อมกับชี้ไปที่ประตู “ผมบอกให้ไป อย่าให้ต้องมีการต่อยกันหน้าคนป่วยเลย ผมขอร้อง”
       สรวงถอนหายใจเดินออกไป ปิดประตูลง แต่ปิดไม่สนิท
     
       กาวินทร์ผวาเข้าไปกอดเกริกที่นอนหมดสติอยู่ จับมือเกริกร้องครวญคร่ำ
       “พ่อ...พ่อต้องไม่เป็นอะไรนะ” กาวินทร์บอกเสียงเข้ม “พ่อต้องไม่เป็นอะไร?” มองอย่างหนักใจ “แค่เรื่องนายสรวง พ่อยังเป็นขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นเรื่องผม....พ่อคง...”
       กาวินทร์หลับตานิ่ง ซบหน้าลงยังมือที่กุมมือเกริกอยู่ สรวงยังยืนอยู่ที่ประตูแอบฟัง นึกเป็นห่วงเกริก สีหน้าฉงน ไม่เข้าใจ สิ่งที่กาวินทร์พูดออกมา
     
       ภรตเดินมาส่งมาลินี สองคนเดินมาตามทาง ในมือของทั้งคู่ถือพุงพะรุงพะรัง มาลินียิ้มบอกภรต
       “ขอบคุณมากนะคะพี่ภรต อุตส่าห์ไปซื้อของเป็นเพื่อนมด”
       “พี่เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำน่ะ”
       มาลีนีหน้าหมองแต่ฝืนยิ้มให้ดูสดใส “คนไม่มีใครก็อย่างนี้นะคะ ...ขอให้เราสองคน
       ผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปได้เร็วๆ นะคะ”
       “พี่ก็หวังอย่างนั้น” ภรตแหงนหน้ามองฟ้าร้องเพลงฮิต “โปรดส่งใครมารักฉันที...อยู่อย่างนี้มันหนาวเกินไป”
       สองคนร้องท่อนต่อมาร่วมกัน “อยากจะรู้รักแท้มันเป็นเช่นไร มีจริงใช่ไหม โปรดส่งใครมาเป็นคู่กัน ที่ไม่ทำให้ฉันเดียวดายช่วยมาทำให้ฉันเข้าใจ และได้รักใครกับเขาสักครั้ง”
       ทั้งร้องเฮ้ หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน จังหวะนั้นเสียงมือถือมาลีนีดัง
       “เอ้า! ใครโทร.มา”
       มาลินีมองดู “พี่แก้ว” ยิ้มบางๆ ออกมา
       ภรตบอก “รับสิ”
       “ไม่ดีกว่าค่ะ...เกิดพูดผิดหู เดี๋ยวพี่แก้วจะรำคาญมดอีก ขอบคุณมากค่ะพี่ภรต แล้วเจอกันค่ะ”
       “โอเค...แล้วเจอกันมด”
       สองคนโบกมือบ๊ายบายให้กันอย่างเพื่อน มาลินีมองมือถือ ตัดสินใจปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น ขณะเดินเข้าบ้านไป  
     
       กาวินทร์นั่งหน้าเครียดอยู่ด้านนอกโรงพยาบาล ถอนหายใจ มองมือถือมาลินีไม่ยอมรับสาย
       กาวินทร์โทร.หากรรณนรี แต่ไม่ติด กาวินทร์โทร.เข้าเบอร์ออฟฟิศน้องสาว ซึ่งมีเพียงเสียงโทรศัพท์ดังแต่ไม่มีคนรับ กาวินทร์ตัดสินใจกดโทร.หามดอีกครั้ง แต่มาลีนีไม่รับสายเหมือนเดิม
       นาทีนั้นกาวินทร์รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างเหลือเกินแล้ว
     
       คืนเดียวกันนั้น จ๋า นิค และมะยม เดินเข้ามาในออฟฟิศ สตาร์ อินเทรนด์ จ๋าเอ่ยขึ้น
       “เฮ้อ! กว่าจะประชุมเสร็จแทบตาย...เออแล้วนี่เราสองคน เตรียมตัวทันหรือเปล่า?”
       “ทันสิพี่...ขืนไม่ทัน ผมก็ถูกไล่ออก”
       “งั้นก็ตามไปเก็บภาพน้องฟ้ากับเสี่ยวินัยมาให้ได้” จ๋ากำชับ
       “แน่นอนค่ะ ถ้าน้องฟ้าบอกเลิกเสี่ยวินัยแล้ว แต่ยังแอบไปกับเสี่ยวินัยอีก แล้วมีรูป มีหลักฐานว่าไปด้วยกัน คราวนี้ไม่มีคนเห็นใจน้องฟ้าแน่” มะยมบอก
       “โอเค งั้นแยกย้าย” จ๋าคว้ากระเป๋าเดินออกไป
       นิคถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับบ่นออกมา “เฮ้อ! เป็นนักข่าว ตามข่าวคนนั้นคนนี้ได้ แต่เพื่อนอยู่ไหน หาไม่ได้ ตามไม่เจอ เสียชื่อหมด”
       “ก็ขอให้คุณสรวงตามกาวเจอก็แล้วกัน”
       มะยมว่าสองคนมองหน้ากันห่วงกรรณนรีเหลือแสน
     
       วันต่อมาภาพิศในชุดคลุมท้อง ท่าทางอิดโรยเดินนำสรวงเข้ามาในบ้าน
       “นั่งก่อนค่ะคุณสรวง....มีอะไร ถึงได้มาหาพี่คะ”
       “คุณได้ข่าว” สรวงทำท่าจะเรียกชื่อกาว แต่แล้วพูดเลี่ยง “ก้างหรือเปล่าครับ”
       “เปล่าค่ะ ช่วงนี้พี่แพ้หนักไม่ได้ไปไหนเลย? มีอะไรเหรอคะ”
       “ก้างหายไปไหนก็ไม่รู้ไม่มีใครติดต่อได้..ผมเลยคิดว่า เค้าอาจจะติดต่อคุณ”
       “เปล่าค่ะ ไม่ได้ติดต่อมาเลย” สีหน้าภาพิศกังวลขึ้นมา “ก้างหายไปไหน อุ๊ปส์!”
       ภาพิศคลื่นไส้ ทำท่าจะอาเจียน สรวงปราดเข้าช่วยทันที
     
       ภาพิศอาเจียนอยู่ในบ้าน มีสรวงคอยเช็ดหน้าเช็ดตาให้ (พ่อฝากไว้
       “คุณจะไปหาหมอมั้ย”
       ภาพิศยิ้มเจื่อน “ไม่ค่ะ อย่างที่บอก ช่วงนี้พี่แพ้หนัก เชิญคุณสรวงตามสบาย ถ้าก้างติดต่อมาพี่จะบอกน้องเค้าว่าคุณสรวงเป็นห่วงมาก”
       “งั้นผมกลับนะครับ” พอจะกลับเสียงมือถือดัง สรวงรับ “ครับคุณแม่”
       สุดาอยู่ที่บ้านบีบน้ำตา “สรวง..คุณพ่อมีผู้หญิงคนใหม่อีกแล้วนะลูก”
       สรวงตกใจ “ผู้หญิงคนใหม่” สรวงหันมามองภาพิศ เห็นภาพิศหน้าถอดสี ดูออกว่าเสียใจมาก
       สุดาแสร้งทำเป็นเสียงเครือสั่น “แม่อยากรู้มากว่ามันเป็นใคร”
       สรวงหันหน้าไปมองภาพิศ เห็นภาพิศนั่งนิ่งน้ำตาคลอเบ้า
     
       ภาพิศน้ำตาไหล ขณะบอกสรวงด้วยสีหน้าเจ็บช้ำ
       “อย่างที่คุณหญิงบอกน่ะค่ะ ท่านมี “ผู้หญิง” คนใหม่ พี่เข้าใจนะคะคุณสรวง แต่ที่พี่ไม่เข้าใจ ทำไมท่านต้องทิ้งลูกไปด้วย”
       สรวงสะท้อนใจ สงสารภาพิศ ฉุนอารักษ์ “คุณพ่ออาจจะคิดถึงแต่ตัวเอง”
       ภาพิศร้องไห้โฮออกมา “มันทำให้พี่คิดถึงตัวเอง..ตอนที่พี่ทิ้งลูกพี่มา...เพราะพี่ก็นึกถึงแต่ตัวเองเหมือนกัน” รีบบอก “แต่พี่ไม่ได้ต้องการความสุขสบายนะคะคุณสรวง....พี่ต้องการแค่ใครซักคนที่รักพี่ เข้าใจพี่ อยู่กับพี่..และตอนนั้นท่านก็คือผู้ชายคนนั้น”
       สรวงพูดต่อด้วยน้ำเสียงขมขื่น “และพี่ก็ยอมทิ้งลูกมา”
       ภาพิศพยักหน้า “ทั้งๆ ที่พี่รักลูกสุดหัวใจ....แต่ตอนนี้บาปกรรมมันกำลังสนองพี่ค่ะคุณสรวง บาปกรรมมันกำลังสนองพี่” ภาพิศร้องไห้จนตัวโยน ยกมือลูบท้องตัวเองอย่างน่าเวทนา
     
       สรวงมองภาพตรงหน้านึกสะท้อนใจ
  สรวงขับรถมาตามทางด้วยความกลัดกลุ้ม กดมือถือโทร.ออก เห็นเป็นชื่อของนายพลอารักษ์ผู้เป็นบิดา แต่อารักษ์ไม่ได้รับสาย
     
       เวลาเดียวกันที่ชายทะเล กรรณนรีเดินทอดอารมณ์เหมือนคนอกหัก อารักษ์เดินตามคอยเอาอกเอาใจ ถามเสียงอ่อนโยนอย่างห่วงใย
       “ไงจ๊ะหนู?...สบายใจขึ้นรึยัง”
       กรรณนรีทอดเสียง แววตาออดอ้อน “คนโดนทิ้งจะให้สบายใจได้ยังไงล่ะคะ”
       “ก็ฉันบอกแล้วไง...ว่าฉันจะทำให้หนูสบายใจ ต่อไป ฉันจะดูแลหนูเอง”
       กรรณนรียิ้มให้ ก่อนจะเมินหน้าหนี “ผู้ชายพูดอย่างนี้ทุกคน”
       “แต่ฉันเป็นคนพูดจริง แล้วก็ทำจริงๆ” อารักษ์บอกด้วยแววตากรุ้มกริ่ม
       กรรณนรียิ้มชายตาให้ท่า “หนูไม่เชื่อท่านหรอกค่ะ” เดินหนีไปบริเวณริมทะเล
       อารักษ์เดินแกมวิ่งตามติด “เชื่อฉันเถอะนะหนู...เชื่อฉันเถอะ”
       กรรณนรีหัวเราะ ใส่จริต “หนูไม่เชื่อ” แล้ววิ่งหนี
       “ฉันจะทำให้หนูเชื่อให้ได้”
       อารักษ์วิ่งไล่ตามกรรณรี ท่าทางกระชุ่มกระชวยเหมือนกลับเป็นหนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง
     
       ท่ามกลางแดดเปรี้ยง นิคกับมะยมเดินเล่นกันที่ชายทะเล
       “สุดท้ายน้องฟ้ากับเสี่ยวินัย ก็หลบพวกเราอีกจนได้ สงสัยต้องเปลี่ยนสายงานแล้ว ตามข่าวไม่ได้เลยซักที” มะยมบ่น
       “เรื่องแบบนี้ใครเค้าจะให้ตามจับได้ง่ายๆ ล่ะแก เอาน่าถือว่ามาเที่ยวแล้วกัน
       แก” นิควิ่งลงทะเลไป “เฮ้! มาเล่นด้วยกันเร็วมะยม”
       “ได้เล้ย” มะยมวิ่งลงทะเลไปเล่นกับนิค อย่างสนุกสนานเบิกบานใจ  
     
       กรรณนรีวิ่งหนีมา...อารักษ์วิ่งตาม แกล้งทำท่าเป็นลม
       “โอ๊ย”
       กรรณนรีตกใจจริงๆ “ท่าน” รีบวิ่งกลับมาดู เผลอจับแขน “ท่านเป็นยังไงคะ”
       อารักษ์จับมือกรรณนรี พูดเสียงอ่อนโยน ทำตาเจ้าชู้ “หนูห่วงฉันด้วยเหรอจ๊ะ”
       กรรณนรีรู้ว่าอารักษ์แกล้ง เผลอชักสีหน้า แล้วรีบปรับเป็นมีจริตดีดดิ้นดึงมือออก “ท่านแกล้งหนู”
       “ไม่ได้แกล้ง แต่แค่รู้ว่าหนูห่วง...ฉันก็ดีขึ้นทันทีเลยจ้ะ หนูจ๊ะ”
       กรรณนรีหลบตา แสร้งทำเป็นเอียงอาย “คะ”
       “เป็นไปได้มั้ย...ที่หนูจะอยู่ คอยห่วงฉันตลอด”
       “จะเป็นไปได้ยังไงล่ะคะ? ในเมื่อท่านมีภรรยาอยู่แล้วตั้งสองคน แต่ละคนก็หวงท่านทั้งนั้น”
       “ฉันจะจัดการเค้า ไม่ให้มายุ่งกับหนู”
       “ท่านทำไม่ได้หรอกค่ะ นอกจากไม่มีเค้า”
       “ฉันจะเลิกกับภาพิศอย่างเด็ดขาด”
       แม้กรรณนรีจะทำทุกอย่างตามแผนแต่ก็อดตกใจเสียใจไม่ได้ กรรณนรีเผลอตัวยื่นคำขาดเสียงแข็ง
       “ท่านต้องเลิกกับคุณหญิงสุดาด้วยค่ะ”
       อารักษ์หน้าเจื่อน อ้ำอึ้ง นิ่งงันไปในทันที กรรณนรีมองจ้องหน้าจริงจัง
       อีกฝั่ง มะยมกับนิคเห็นเหตุการณ์สองคนหยุดชะงัก เพ่งมอง ตะลึงงันไปตามกัน
       กรรณนรีมองอารักษ์ อย่างไม่เชื่อใจ
       “ท่านทำไม่ได้”
       “ทำได้สิ..ทุกวันนี้ฉันก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับคุณหญิงสุดาแล้ว”
       “แต่สิ่งที่หนูต้องการคือใบหย่า ถ้าท่านไม่มีใบหย่ามาให้หนูเห็น...หนูคงรับความหวังดีจากท่านไม่ได้ค่ะ”
       กรรณนรีเดินหนี อารักษ์ร้องตะโกนเรียกไว้
       “หนู....หนู โธ่เอ๊ยหนู” รีบตามไป
       สายตาของมะยม และนิค เห็นท่าทีของกรรณนรีที่สะบัดสะบิ้ง โดยมีอารักษ์ตามงอนง้อเหมือนคนจีบกัน มะยมกับนิคมองหน้ากันเลิกลัก
       “นิค...เราไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย” มะยมถาม
       “หรือจะเป็นคนหน้าเหมือนไอ้กาว” นิคว่า
       “เฮ้ย! ถ้าเหมือนขนาดนี้ฝาแฝดแล้ว ไหนจะท่านอารักษ์อีก... ฉันว่ากาวกับท่านอารักษ์ชัดๆ”
       “ที่กาวลาออกจากงาน แล้วติดต่อไม่ได้...”
       นิคพูดไม่ทันจบคำ มะยมสวนออกมาทันที “กาวมากับท่านอารักษ์”
       สองนักข่าวหัวเห็ดมองหน้ากัน ต่างคนต่างตกใจมาก
     
       ขณะที่กรรณนรีจะเดินเข้ารีสอร์ต อารักษ์ตามมา
       “หนูจ๊ะ...”
       “หนูจะไม่คุยเรื่องนี้กับท่าน จนกว่าท่านจะได้ใบหย่ามาให้หนูดู” กรรณนรียืนกราน
       “ฉันเอามาให้หนูดูแน่ๆ แต่ตอนนี้...ฉันจะเลิกกับภาพิศให้หนูก่อนเลย”
       กรรณนรีอึ้ง อารักษ์อ้อน
       “นะหนูนะ..หนูให้โอกาสฉันนะ”
       กรรณนรีตัดบท น้ำเสียงเย็นชา “หนูอยากอยู่คนเดียว”
       อารักษ์ใจหล่นวูบ ร้องคราง “หนู”
       กรรณนรีย้ำเสียงเย็นชากว่าเดิม “หนูขออยู่คนเดียวค่ะ”
       อารักษ์นิ่งไม่กล้าตอแย “ได้จ้ะได้...”
       อารักษ์เดินออกไปลับตัวแล้ว กรรณนรีทำท่าจะเปิดประตูบ้านพักเข้าไป
       แต่ต้องชะงักเมื่อยินเสียงเครือสั่นของมะยมแทรกเข้ามา
       “ฉันกับนิคก็หลงเป็นห่วง นึกว่าแกเป็นอะไรที่ไหนได้แกมาอยู่กับท่านอารักษ์”
       นิคเองก็เสียใจและผิดหวังมาก “ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแกจะเป็นคนแบบนี้กาว ไปมะยม” จับมือมะยมเดินไป
       กรรณนรีร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ “นิค มะยม อย่าเพิ่งไป ฟังฉันก่อนๆ”
     
       ก่อนจะรีบตามสองเพื่อนไป
          มะยมเสียใจมากวิ่งร้องไห้ลงทะเลไป นิคตามมาฉุดเอาไว้
     
       “อย่ามะยมอย่า”
       มะยมสะบัดออก “ปล่อยนิค แกปล่อยฉัน ฉันอยากลืม ลืมว่ามีเพื่อนอย่างไอ้กาว”
       มะยมตีน้ำทะเลด้วยความโมโห “ทำไมมันถึงเป็นคนแบบนี้ไปได้ ทำไม”
       กรรณนรีวิ่งตามมาฉุดมะยมไว้ “ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิด นะมะยม”
       มะยมผลักออกอย่างรังเกียจ “งั้นแกบอกฉันมาสิ..ว่ามันเป็นยังไง? แกถึงได้มากับสามีคนอื่น”
       กรรณนรีอึ้ง ก่อนจะร้องไห้ออกมา “ฉันมีความจำเป็น”
       มะยมจับต้องเสื้อ ผ้ากระโปรงของกรรณนรี “จำเป็นที่จะต้องใส่เสื้อผ้าแพงๆ แบบนี้เหรอ?” จับสร้อย นาฬิกา แหวนเครื่องประดับ “จำเป็นที่แกจะต้องมีของแพงๆแบบนี้เหรอกาว”
       กรรณนรีอึ้ง มะยมผลักออกอย่างแรง จนล้มลงในน้ำ มะยมตามไปกระชากตัวขึ้นมา
       “แกตอบฉันมาสิ ตอบฉันมา”
       กรรณนรีเอาแต่ร้องไห้โฮๆ ส่ายหน้า มะยมยิ่งมองยิ่งโกรธ ยิ่งหมั่นไส้
       “แกตอบไม่ได้..สุดท้ายแกก็ไม่พ้นกับพวกผู้หญิงราคาถูก ที่ซื้อได้ด้วยเงิน” มะยมเสียใจ กรีดเสียงร้องดัง เขย่าตัวกรรณนรี “ฉันเกลียดแกกาว ฉันเกลียดแก”
       มะยมผลักกรรณนรีลงน้ำไปอีก แล้วจะตามไปซ้ำ
       “แกก็รู้ว่าฉันเกลียดพวกเมียน้อย ครอบครัวฉันต้องแตกก็เพราะพวกเมียน้อยแล้วแกที่เป็นเพื่อนรักของฉันมาทำแบบนี้อีก? แกทำได้ยังไงกาว”
       มะยมตรงเข้าผลักอีก กรรณนรีเอาแต่ร้องไห้
       “ฉันจำเป็นมะยม ฉันจำเป็น”
       “จำเป็นต้องแย่งท่านอารักษ์ ทั้งๆ ที่แกก็รู้ว่า…” เสียงแผ่วลง “คุณภาพิศกำลังท้อง แกทำลายครอบครัวคนอื่น ฉันมองแกผิดจริงๆ กาว ฉันมองแกผิดไปจริงๆ” มะยมเดินร้องไห้หนีไป
       กรรณนรีโผเข้าจับมือมะยมรั้งไว้ “มะยม”
       มะยมผลักออกอย่างรังเกียจ “อย่ามายุ่งกับฉัน นับตั้งแต่วันนี้เธอกับฉันจบสิ้นกัน ฉันไม่อยาก
       มีเพื่อนเลวๆ ไปนิค” คว้ามือนิคเดินออกไป
       กรรณนรีตามมาฉุดมือนิค “นิค..แกฟังฉันก่อนนะ นิค แกฟังฉันก่อน”
       นิคมองด้วยสายตาผิดหวัง “ฉันก็เหมือนมะยมแหละกาว ....ฉันไม่อยากมีเพื่อนเลวๆ”
       นิคปลดมือกรรณนรีออก แล้วเดินไปกอดไหล่มะยมพากันเดินไป กรรณนรีร้องไห้โฮ เสียใจเอามากๆ
     
       เวลาเดียวกันอารักษ์ ทำหน้าครุ่นคิดหนักใจ ก่อนยกมือถือขึ้นมา
       ภาพิศนั่งกึ่งนอน ท่าทางเศร้าและแพ้ท้องหนัก ภาพิศน้ำตาคลอ ยินเสียงโทรศัพท์ดัง
       น้อยเอามือถือมาให้ “ท่านโทร.มาค่ะ”
       ภาพิศยิ้มได้ “ท่านอยู่ที่ไหนคะ ภาเป็นห่วง”
       “ขอบใจ ฉันสบายดี”
       ภาพิศยิ้ม “ลูกเริ่มดิ้นแล้วนะคะ คงอยากเล่นกับพ่อ...เมื่อไหร่ท่านจะกลับมาคะ”
       “ฉันไม่กลับแล้วภา”
       ภาพิศฉงน “ท่านหมายความว่ายังไงคะ”
       “ถึงเวลาที่เราควรจบกันซักที”
       “ท่าน” ภาพิศช็อก พูดรัวเร็ว “แต่ในท้องภามีลูกของท่านนะคะ เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน” น้ำเสียงอ้อนวอน “ท่านอย่าทิ้งภากับลูกนะคะภาไม่เหลือใครอีกแล้วภาไม่เหลือใคร”
       “อย่างที่เคยบอก ถึงฉันจะเลิกกับเธอ แต่ฉันจะรับผิดชอบลูก แค่นี้นะ”
       อารักษ์ตัดสายทิ้งทันที ภาพิศใจจะขาดรอนๆ กรีดเสียงร้องคร่ำครวญ
       “ท่านคะ ท่านอย่าทิ้งภา อย่าทิ้งลูกนะคะ ภาไม่เหลือใคร” จู่ๆ ภาพิศเกิดหายใจไม่ทัน “ภาไม่เหลือใคร” หมดสติล้มลงไป
       “คุณหญิง” รีบวิ่งมาหารวดเร็ว
     
       ยามเย็น ขณะทำงานอยู่ มือถือดังขึ้น สรวงกดรับ
       “ครับ”
       น้อยบอกละล่ำละลัก “คุณสรวงคะ....คุณภาพิศเป็นลมหมดสติค่ะ”
       สรวงตกใจ
     
       ภาพิศนอนหมดสติ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ทันทีที่เห็นสรวงภาพิศก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น อีก
       “คุณสรวง ท่านทิ้งพี่แล้ว ท่านทิ้งพี่แล้ว”
       สรวงตกใจ พยายามปลอบ “ใจเย็นๆ ก่อนครับ ใจเย็น”
       “พี่เย็นไม่ไหว ท่านโทร.มาบอกเลิกพี่ ท่านทิ้งลูกทิ้งพี่ เพราะผู้หญิงคนใหม่” น้ำเสียงกราดเกรี้ยว “พี่อยากรู้จริงๆ ว่ามันเป็นใคร” พูดพร่ำโดยไม่ได้นึกถึงตัวเอง “มันถึงได้หน้าด้านมายุ่งกับท่าน”
       ภาพิศคว้ามือสรวงมาจับ “คุณสรวงไปกับพี่นะ ไปทุกหนทุกแห่งที่ท่านเคยอยู่ พี่จะไปตามไล่ล่า นังผู้หญิงคนนั้น” ทำท่าจะไป
       สรวงฉุดมือภาพิศเอาไว้ “หยุดคุณภาพิศ”
       “ไม่..พี่จะไป...พี่จะไป” ภาพิศจะไปให้ได้
       “ไป...ให้เหมือนกับวันที่คุณพ่อทิ้งแม่ผมไปหาคุณเหรอครับ”
       ภาพิศหยุดกึก หันมามองสรวงอาการอึ้ง สรวงมองมาทั้งเห็นใจ สงสาร และสาแก่ใจ
       “วันที่ผู้ชายมีผู้หญิงคนใหม่ ผู้หญิงคนเก่าทุกคนมีสภาพไม่ต่างกันหรอกครับ” สรวงเสียงเครือๆ “เป็นเหมือนของเล่นที่ถูกทิ้ง และที่หนักหน่อย ของเล่นชิ้นนั้นก็อาจเป็นได้แค่ขยะ”
       ภาพิศสะเทือนใจร้องไห้โฮออกมา “คุณสรวง” ร้องไห้อย่างหมดสภาพ พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งหมดแรง
       สรวงเสียงอ่อนลง “ผมอยากให้คุณใจเย็นๆ วันไหนที่คุณพ่อเบื่อผู้หญิงคนนั้น ท่านก็คงจะกลับมา” ภาพิศไม่ตอบ นั่งร้องไห้อย่างน่าเวทนา
     
           กรรณนรีนั่งร้องไห้อยู่ชายทะเลเสียใจมากที่เรื่องบานปลาย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตดี ก่อนปาดน้ำตาออก บอกตัวเองให้เข้มแข็ง
       “ชีวิตมันต้องเดินต่อไปกาว..จะเจ็บแค่ไหน เธอก็ต้องเดินต่อไป”
     
       กรรณนรียกแขนปาดน้ำตาทิ้งแรงๆ ลุกเดินออกไปอย่างมุ่งมั่น
           คืนนั้นขณะที่กรรณนรีเดินมาที่บ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นอารักษ์รออยู่แล้ว อารักษ์ตกใจที่เห็นสภาพกรรณนรี
     
       “หนูร้องไห้”
       กรรณนรีแกล้งสวมรอย “หนูเสียใจ หนูอยากอยู่คนเดียว”
       “โธ่! หนูจ๋า...อย่าเสียใจนะ ฉันรับปาก ฉันจะทำทุกอย่างที่หนูต้องการ...หนูอย่าร้องไห้นะ...นะ”
       กรรณนรีนิ่ง อารักษ์เอ่ยต่อ
       “ถ้าหนูไม่เชื่อ เรากลับกรุงเทพ.วันนี้เลย ฉันจะไปหย่ากับคุณหญิงสุดา”
       กรรณนรีมองอารักษ์นิ่งเฉย ยังไม่วางใจ คิดว่าอารักษ์ก็คงเหมือนผู้ชายเจ้าชู้ทั่วไป รับปากเพราะ...อยากได้
     
       คืนเดียวกัน สองมารร้ายนั่งชนแก้วไวน์กันอยู่ริมทะเล
       “กลับมาทะเลคืนนี้พระจันทร์สวยจังเลยนะคะคุณหญิงแม่” สุขหฤทัยว่า
       “แต่มันอาจจะเป็นคืนเดือนมืดสำหรับคนบางคน” สุดาเปรียบเปรย
       สองคนหัวเราะสะใจ ท่าทีมีความสุขมาก
     
       ส่วนอีกฟากของชายทะเล มะยมกับนิคเดินมาด้วยกัน มะยมร้องไห้ไม่เลิก นิคเดินตาม มะยมพูดแผ่ว
       “สุดท้ายกาวก็เป็นทาสของเงิน ฉันไม่เข้าใจเลยนิค ฉันไม่เข้าใจจริงๆ”
       “แกไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกเรื่องหรอกมะยม แค่เข้าใจตัวเองก็พอ...ฉันไม่อยากเห็นแกร้องไห้”
       “จะไม่ให้ฉันร้องไห้ได้ยังไงนิค กาวเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุด แต่กาวกลับทำตัวแบบนี้” มะยม ร้องไห้ไป อารมณ์เริ่มแรงขึ้น “แกรู้บ้างมั้ยหัวอกลูก ที่พ่อมีเมียน้อยเป็นยังไง”
       “รู้สิ....เพราะมันไม่ต่างจากหัวอกของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเมียน้อย”
       มะยมมองจ้องนิค คาดไม่ถึง นิคบอกเสียงข่มขื่น
       “ฉันถึงบอกแกไง ว่าชาตินี้ ฉันจะรักเดียวใจเดียว ฉันจะไม่ทำให้ผู้หญิงที่ฉันรักเสียใจ...เพราะฉันจำได้” น้ำตาคลอๆ ขึ้นมาอีกคน “ถึงน้ำตาของแม่ ผู้หญิงที่ถูกพ่อทิ้ง น้ำตาของเมียน้อยที่ไม่เคยมีค่า” ก้มหน้าร้องไห้ “ลูกเมียน้อยอย่างฉัน มันก็เจ็บไม่ต่างจากลูกที่พ่อมีเมียน้อยอย่างแกหรอกมะยม....มันไม่ต่างกันเลยจริงๆ”
       นิคร้องไห้ มะยมมองจ้องอย่างตกตะลึง คาดไม่ถึงที่เห็นนิคร้องไห้ มะยมดึงนิคเข้ามากอดพูดปลอบ
       “อย่าร้องไห้นิค แกอย่าร้อง” มะยมปลอบเพื่อนทั้งที่ตัวเองก็ร้องไห้อยู่อย่างนั้น
       นิคพยายามกลั้นก้อนสะอื้น ขืนน้ำตา “งั้นแกก็อย่าร้อง...ฉันรักแก ฉันไม่อยากเห็นแกร้องไห้รู้มั้ยมะยม” ปลอบมะยมแต่ตัวเองก็ดันร้องไห้เหมือนกัน
       “ฮื่อ! ฉันจะไม่ร้องไห้” มะยมเช็ดน้ำตาให้นิค
       “ฉันก็จะไม่ร้องไห้เหมือนกันมะยม” คราวนี้นิคเช็ดน้ำตาให้มะยม “แกเลิกคิดเรื่องกาว...ได้แล้ว ถึงต่อไปเราจะไม่มีกาว แต่เราก็ยังมีกันและกัน”
       “เราจะมีกันและกันนิค..สัญญาแกจะไม่ทำให้ฉันเสียใจ”
       “ฉันสัญญา..ฉันจะไม่ทำให้แกเสียใจมะยม”
       สุดท้ายเพื่อนรักสองคนก็เอาหัวชนกันร้องไห้เหมือนเดิม  
     
       สรวงขับรถมาตามทาง มุ่งหน้าสู่บ้านกรรณนรี พลางกดมือถือ โทร.ออก
       ขณะเดียวกันอารักษ์ขับรถมาส่งกรรณนรีที่บ้าน อารักษ์เอื้อมมือจะกุมมือกรรณนรี แต่กรรณนรีชักมือออกขยับตัว กลัวปนรังเกียจแต่ควบคุมสีหน้าและอารมณ์ อารักษ์ยิ้มพอใจ เห็นท่าทางของกรรณนรียิ่งรู้สึกเอ็นดูกระชุ่มกระชวย
       เสียงมือถือกรรณนรีดัง กรรณนรีหยิบมาดู พอเห็นเป็นสรวงก็หน้าถอดสี อารักษ์ถามอ่อนโยน
       “ใครโทร.มาจ๊ะ”
       “เพื่อนค่ะ”
       อารักษ์ถามเสียงหวาน “ผู้หญิงหรือผู้ชาย...ถ้าเป็นผู้ชายอย่ารับนะ..ฉัน หึง”
       กรรณนรีตัดสินใจปิดมือถือ ด้านสรวงยิ่งรู้สึกเป็นห่วง
       “ปิดมือถือทำไม?” มองมือถือห่วงกรรณนรีมากขึ้น
       กรรณนรียิ่งเขยิบตัวถอยห่างอารักษ์ นายพลสูงวัยหัวเราะอย่างเอ็นดู
       “ไม่ต้องกลัวฉันแล้ว บอกแล้วไง ฉันจริงใจกับหนู... ภาพิศฉันก็เลิกกับเค้าแล้ว หนูก็รู้”
       กรรณนรียิ้มมีจริต “งั้น....หนูรอให้ท่านหย่ากับคุณหญิงก่อนนะคะ หนูถึงจะคุยเรื่องเราสองคนต่อ”
       “ได้จ้ะ....ฉันตามใจหนูทุกอย่าง”
       กรรณนรียิ้มหวาน หยอด “หนูจะรอท่านค่ะ”
           อารักษ์ขับรถไปอย่างเบิกบานกระชุ่มกระชวย
     
       ครู่ต่อมาสรวงเลี้ยวรถเข้ามาในซอยบ้านกรรณนรี เห็นรถอารักษ์อยู่หน้าบ้าน ชายหนุ่มเขม้นตามอง ไม่อยากเชื่อสายตา
       “คุณพ่อ” สรวงขับตาม
       กรรณนรีบอกอารักษ์ “ท่านจอดให้หนูลงข้างทางก็ได้ค่ะ”
       “ทำไมล่ะ ฉันอยากรู้จักบ้านหนู”
       กรรณนรีอ้อน “แต่หนูกลัวพ่อจะว่า...รอให้เรื่องของเราเรียบร้อยก่อนแล้วกัน ท่านจอดให้หนูลงตรงนี้แหละค่ะ”
       “ได้จ้ะ”
       อารักษ์จอดรถข้างทาง กรรณนรีรีบลงจากรถทันที สรวงที่ขับรถตามมาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
       “กรรณนรี”
       อารักษ์ ยื่นหน้าบอกกรรณนรียิ้มแย้ม ทำท่าบอกจะโทรศัพท์มาหา “เดี๋ยวฉันโทร.หานะ”
       “ค่ะท่าน” กรรณนรียิ้มหวานโบกมือบ๊ายบาย
       สรวงขบกรามแน่น ชาดิกไปทั้งร่าง
       พออารักษ์ขับรถลับตาไปแล้ว สีหน้ากรรณนรีเปลี่ยนเป็นหม่นเศร้าน้ำตาคลอ เดินตรงไปยังทางกลับบ้าน
     
       สรวงมองตามอย่างคั่งแค้น
       กรรณนรีเดินมาจะเข้าบ้าน ล้าไปทั้งกายและแสนเหนื่อยใจ ขณะกำลังเปิดประตู แต่ทันใดนั้นร่างของกรรณนรีก็ถูกดันเข้าไปภายในบ้าน จนกรรณนรีล้มลง ร้อง “ว๊าย” หันหน้ากลับมา ในจังหวะที่ประตูปิดลงและเห็นสรวงยืนหน้าถมึงทึงอยู่
     
       “คุณสรวง” กรรณนรีตกใจแทบช็อก
       สรวงคำรามกระชากแขนกรรณนรีขึ้นมาถาม “เธอไปกับพ่อฉันได้ยังไง”
       “ปล่อยคุณสรวง ฉันเจ็บ”
       สรวงขย้ำแรงขึ้น คาดคั้นเสียงดุดัน “ตอบฉันมา” กรรณนรีเฉย คราวนี้สรวงตะคอกใส่ “เธอไปกับพ่อฉันได้ยังไง”
       กรรณนรีกับสรวงมองหน้ากัน ดวงตาของสรวงสั่นระริก
       “เธอเป็นผู้หญิงคนใหม่ของพ่อฉันใช่มั้ย?” กรรณนรีเริ่มร้องไห้ “ใช่มั้ย กรรณรี เธอเป็นผู้หญิงคนใหม่ของพ่อฉันใช่มั้ย”
       สรวงน้ำตาไหลริน ยิ่งโกรธยิ่งออกแรงขย้ำ ในขณะที่กรรณนรีก็ร้องไห้โฮพูดไม่ได้
       “เธอเคยพูดเองไม่ใช่เหรอ? เธอเกลียดผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน แล้วทำไมเธอถึงทำอย่างนี้”
       สรวงผลักกรรณนรีอย่างแรง จนกรรณนรีล้มลงไปกองกับพื้น ขณะที่สรวงเอามือทุบข้างฝาระบายอารมณ์
       สรวงหันขวับตะคอกใส่ “แม่เธอถูกพ่อฉันซื้อด้วยเงิน เธอเองก็ถูกพ่อฉันซื้อด้วยเงิน” ปรี่มากระชากอีก “เธอคิดอะไรอยู่ ทำไมเธอไม่คิดถึงใจพ่อเธอบ้างเลย ทั้งๆ ที่ตอนนี้พ่อเธออยู่ โรงพยาบาล”
       กรรณนรีหน้าซีดเผือด ตกใจแทบช็อก “อะไรนะ พ่ออยู่โรงพยาบาล”
     
       เวลาต่อมาสรวงขับรถมาหน้าตาบูดบึ้งถมึงทึง มีกรรณนรีนั่งข้างๆ และเปิดมือถือโทร.ออก
       ส่วนกาวินทร์กำลังขับรถกลับบ้าน ข้างๆ ที่นั่งคนขับคือเกริกที่ท่าทางอิดโรย กาวินทร์รับสาย กรรณนรีถามทันที
       “พี่แก้วพ่อเป็นยังไงบ้าง”
       “ปลอดภัยแล้ว พี่กำลังจะพากลับบ้าน แล้วกาวหายไปไหนมาตั้งหลายวัน”
       “กาวไปทำงานที่ต่างจังหวัด” สีหน้าสรวงโกรธจัด ที่กรรณนรีโกหก
       “แล้วทำไมไม่เปิดมือถือ ไม่รับโทรศัพท์ รู้มั้ยพี่กับพ่อเป็นห่วงแกจะแย่”
       “พอดี...กาวลืมเอามือถือติดตัวไป” สรวงฟังก็ยิ่งโมโห
       “ทำงานเสร็จแล้วก็รีบกลับมาแล้วกัน รู้ไว้..พ่อรู้เรื่องกาวกับคุณสรวงแล้ว” กาวินทร์บอก
       กรรณนรีหน้าซีด “พ่อรู้ได้ยังไง”
       “ก็ถามคุณสรวงเองสิ...ว่ารู้ได้ยังไง เพราะวันนั้นคุณสรวงอยู่กับพ่อ”
       กาวินทร์วางสายไป
       กรรณนรีหันขวับไปมอง สรวงตกใจ เย้ยขึ้นมาทันที
       “ใช่...พ่อเธอรู้เรื่องเธอกับฉันแล้ว”
       “คุณบอก...”
       สรวงฉุนขาดเบนรถเข้าจอดชะลอข้างทาง หันมาตะคอก “ฉันจะบอกหรือไม่บอก มันไม่ใช่สำคัญแล้ว เพราะสิ่งที่พ่อเธอยังไม่รู้ก็คือ เธอเป็นผู้หญิงคนใหม่ของพ่อฉัน”
       กรรณนรีหน้าซีดตกใจ “คุณสรวง
       สรวงมองจ้องหน้ากรรณนรีอย่างเหยียดหยาม ด่าทอต่อว่าอีก “ไม่ต้องทำดัดจริต คนอย่างเธอมันก็แค่ผู้หญิงใจง่าย ฉันไม่ปล่อยเธออีกแล้วกรรณรี
       สรวงเร่งเครื่องรถขับออกไปรวดเร็ว กรรณนรีได้แต่ร้องออกมาด้วยความตกใจ
       “จอดคุณสรวง จอด”
     
       ไม่นานหลังจากนั้น สรวงกำลังฉุดลากกรรณนรีลงไปในทะเล กรรณนรีร้องลั่น
       “คุณสรวง ปล่อยฉันปล่อย”
       “ฉันปล่อยแน่ เพราะฉันไม่ต้องการแตะต้องผู้หญิงสกปรกอย่างเธอ”
       สรวงเหวี่ยงกรรณนรีลงทะเลอย่างแรง ร่างกรรณนรีอยู่กลางน้ำ สรวงเดินเข้าไปหา กรรณนรีถอยหลังร้องไห้ด้วยความกลัว จนเสียหลักล้มลงในน้ำ สรวงตามไปกระชาก
       กรรณนรีร่ำร้อง อ้อนวอน “คุณสรวง..ปล่อยฉัน..ฟังฉันก่อน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนที่ฉันรักก็คือคุณได้ยินมั้ยคนที่ฉันรักคือคุณ”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 9 วันที่ 1 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager