@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 12 พ.ย. 55

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 12 พ.ย. 55

นทีโมโห ไม่พอใจที่พี่ด่าต่อหน้าสาว “เลิกโวยวายซะทีเถอะพี่เจ ผมอยู่ช่วยงานแม่มาทั้งวัน ผมก็ต้องไปธุระบ้างสิ ทีพี่ยังไปเที่ยวกับผู้ชายได้เลย”
ขาดคำ เจติยาก็ตบหน้านทีเต็มเหนี่ยว ท่ามกลางความตกใจของทุกคน เพื่อนสาวเห็นท่าไม่ดีรีบขอตัวกลับ นทีโกรธสุด ๆ

“มากไปแล้วนะพี่เจ”

“น้อยไปด้วยซ้ำ แกรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ แม่ช็อก ตอนนี้นอนอยู่ในห้องไอซียู แล้วที่แม่ช็อกก็เพราะแม่ไม่ยอมไปฟอกไตแต่เอาเงินไปให้แกเรียนพิเศษ แต่แกกลับเอาเวลาไปเที่ยวกับสาว ๆ แบบนี้เหรอไอ้นที”

เจติยาเข้าไปทุบตีนทีไม่ยั้ง นทีอึ้งที่แม่อยู่ไอซียู เลยไม่ทันระวัง โดนพี่สาวทุบตีเข้าไปหลายที ลาภิณรีบเข้าไปดึงเจติยาออกมา

“พี่ก็เป็นซะอย่างเงี้ย เอะอะก็โทษผม ใครมันจะไปรู้ ว่าแม่จะเอาเงินฟอกไตมาให้ผมล่ะ”



“ฉลาดแกมโกงอย่างแกมีเหรอจะไม่รู้”

นทีทำหน้าอารมณ์เสียปนรำคาญใส่เจติยาก่อนวิ่งหนีไป ลาภิณห้ามไม่ให้เจติยาตามนทีไป เพราะเห็นว่าอารมณ์ร้อนด้วยกันทั้งคู่ ยังไงก็คงคุยกันไม่รู้เรื่อง เจติยาเดินหัวเสียกลับเข้าบ้านไป ลาภิณมองตามเจติยาไป สีหน้านิ่งขรึม วันนี้ตนได้รู้ประวัติชีวิตเด็กสาวคนนี้เกินกว่าที่คาดคิดซะอีก...ลาภิณได้แต่ถอนใจยาวออกมาด้วยความรู้สึกเห็นใจอยู่เหมือนกัน

เช้าวันรุ่งขึ้น เจติยาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ลุงทวีฟังขณะช่วยกันทำงานอยู่ในห้องแต่งศพ

“แล้วตกลง เมื่อคืนนี้นทีกลับบ้านรึเปล่า”

“ไม่ทราบหรอกค่ะ เจไม่อยากสนใจมันจะไปตายที่ไหนก็ไป”

“พี่น้องกัน จะโกรธกันไปทำไมหนูเจ เออ แล้วอาการแม่เป็นไงบ้างล่ะ”

“ยังไม่ดีขึ้นเลยค่ะ ตอนนี้เจมืดแปดด้านไปหมดแล้ว หมอก็ยังไม่กล้ารับรองเลยนะคะ ว่าถ้าแม่เปลี่ยนไตแล้วจะดีขึ้นรึเปล่า ตอนนี้เจเหลือความหวังอยู่อย่างเดียว ก็คือกล่องรากบุญ”

“ถ้าหนูทำตามที่กล่องต้องการได้ทันเวลา ลุงมั่นใจว่าแม่หนูหายแน่”

“แต่เจก็ยังสงสัยไม่หายนะคะลุง ทำไมคุณสารัชถึงเลือกเจให้สืบทอดกล่อง แล้วยังทำพินัยกรรมยกหุ้นให้เจอีก”

“เรื่องพินัยกรรม ลุงก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคุณสารัชคิดอะไรอยู่ แต่เรื่องกล่องรากบุญ มันเป็นความตั้งใจของคุณสารัชอยู่แล้ว ที่จะให้กล่องตกอยู่ในมือคนดี ๆ อย่างเจ”

ลุงทวีนึกย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ตอนนั้นสารัชเริ่มมั่นใจว่าเวลาของตัวเองคงเหลืออีกไม่มาก เพราะเห็นว่ากล่องรากบุญไม่เรียกร้องให้ตนทำอะไรมาพักใหญ่ ๆ แล้ว สารัชเป็นห่วงว่าเจ้าของกล่องคนใหม่จะไม่ใช่คนดี แล้วจะใช้อำนาจของกล่องไปในทางเลวร้าย จึงคิดอยากจะหาคนมาให้กล่องรากบุญเลือก

สารัชเห็นเจติยาทำงานขยันขันแข็ง ตั้งอกตั้งใจทำงานเลี้ยงแม่เลี้ยงน้อง แถมยังส่งตัวเองเรียนอีกต่างหาก จึงอยากให้เจติยาได้เป็นเจ้าของกล่องรากบุญคนต่อไป ลุงทวีไม่มั่นใจว่ากล่องรากบุญจะเลือกเจติยา เพราะเจติยาไม่มีแรงปรารถนาแรงกล้าพอ แต่สารัชคิดว่าเด็กดีอย่างเจติยาคงทนเห็นแม่ตายไม่ได้แน่ วันไหนที่มยุรีอาการทรุดลง เจติยาก็จะมีแรงปรารถนากล้าพอที่กล่องจะเลือกได้แน่ ๆ

“แล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่คุณสารัชคาดการณ์ พออาการแม่ของเจทรุดหนักลง เจก็มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะรักษาแม่ จนในที่สุดกล่องก็เลือกเจ”

“อย่างนี้นี่เอง แต่เจก็ยังไม่เข้าใจเรื่องพินัยกรรมอยู่ดีล่ะค่ะ ทำไมท่านถึงต้องยกหุ้นให้เจด้วย”

“ลุงก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ แต่ถ้าจะให้เดา ท่านอาจจะอยากให้หนูอยู่ช่วยเหลืองานคุณต้นล่ะมั้ง”

“ช่วยคนแบบนั้นน่ะเหรอคะ ไม่เอาด้วยหรอก”

ทันใดนั้น ลาภิณก็เดินออกมาขวางหน้าเจติยาไว้ “แล้วคนแบบฉัน มันไม่ดีตรงไหน”

“คุณต้นมีอะไรให้ผมรับใช้รึเปล่าครับ” ลุงทวีรีบตัดบท

“เปล่าหรอกครับ ผมแค่จะมารายงานลูกน้องคนสนิทของลุงให้ทราบว่าผลการชันสูตรศพของคุณปรียาออกมาแล้ว”

“จริงเหรอคะ แล้วตกลงคุณปรียาตายเพราะอะไรคะ”

ลาภิณพาเจติยาไปคุยกับนวัชที่โรงพัก นวัชบอกให้ทั้งสองคนรู้ว่า ปรียาตายเพราะปอดติดเชื้อ ซึ่งคนที่ป่วยเป็นอัมพาตก็มีโอกาสเสียชีวิตเพราะสาเหตุนี้ได้ นอกจากนี้ก็ยังพบรอยแผลที่ลิ้น เหมือนโดนอะไรซักอย่างกดลิ้นไว้ แต่กดแรงมากจนเกิดรอยแผล

“แล้วผู้หญิงที่เจส่งภาพไปให้หมวดล่ะครับ เกี่ยวข้องอะไรกับคุณชัยวัฒน์”

“ผู้หญิงคนนั้นชื่อนฤมล เป็นพยาบาลประจำตัวของคุณปรียาครับ จริง ๆ แล้วน่าจะเป็นเมียน้อยของนายชัยวัฒน์ด้วย เพราะคอนโดฯ ที่เธออยู่ เค้าก็เป็นคนซื้อให้”

“รอยแผลที่เกิดจากการกดลิ้น ปอดติดเชื้อ พยาบาลประจำตัว เมียน้อย...”

ขณะที่เจติยากำลังคิดทบทวน จู่ ๆ ก็เหมือนมีลมกระโชกพัดเข้าใส่หน้า ภาพเหตุการณ์หนึ่งฉายวาบเข้ามาในความคิดของเจติยา

เจติยาเห็นภาพพยาบาลของปรียา กำลังจับตัวปรียาไว้ ปรียาเป็นอัมพาต ดิ้นไม่ได้ ขัดขืนไม่ได้ แต่สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด พยาบาลใช้ไม้กดลิ้น แบบที่หมอใช้ตอนตรวจโรค กดลิ้นของปรียาไว้เพื่อให้อ้าปากออก ในขณะที่ สามีปรียากรอกน้ำเข้าปากปรียา เพื่อให้ปรียาขาดใจตาย ปรียาสำลักน้ำ หวาดกลัว คั่งแค้นถึงขีดสุด จนรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย จับมือของพยาบาลไว้ จนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อของพยาบาล

“ความเป็นไปได้ตอนนี้ ก็คือสองคนนั่นอาจจะร่วมมือกันฆ่าคุณปรียาเพื่อหวังมรดก เพราะเท่าที่ผมสืบทราบมา ตอนนี้น้องสาวของคุณปรียาเป็นคนควบคุมการใช้จ่ายเงินทั้งหมด ถ้าคุณปรียายังอยู่ เค้าก็ได้อะไรไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าคุณปรียาตาย ก็จะมีการแบ่งทรัพย์สินมรดก คุณชัยวัฒน์คงได้ไปหลายร้อยล้าน”

ลาภิณถอนใจ นึกถึงตัวเอง “ความโลภตัวเดียวแท้ ๆ”

ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ตำรวจจะเปิดประตูพาสามีปรียา และพยาบาลเข้ามา

สามีปรียาโวยลั่น “ภรรยาผมเสีย ผมก็เสียใจจะตายอยู่แล้ว พวกคุณยังจะมายัดข้อหาให้ผมอีกเหรอ”

วิญญาณของปรียา ยืนอยู่ด้านหลังของสามีร้องบอกเจติยา “บอกทุกคน ว่าฉันตายยังไง บอกไป”

เจติยาลุกขื้นยืนพรวด หันหน้าไปพูดกับสามีปรียา “ไม่มีใครยัดข้อหาคุณหรอกค่ะ แต่เรามีหลักฐาน ว่าคุณกับคุณนฤมลร่วมมือกันวางแผนฆ่าคุณปรียา โดยทำให้คุณปรียาสำลักน้ำ จนต้องเสียชีวิตเพราะปอดติดเชื้อ”

พยาบาลแกล้งปล่อยโฮลั่น “หยุดใส่ร้ายฉันซะทีเถอะค่ะ ฉันดูแลคุณปรียามาตั้งหลายปี จะไปทำเรื่องโหดร้ายอย่างงั้นได้ยังไง”

วิญญาณปรียายื่นหน้ามาพูดข้างหูเจติยา “บอกไป บอกความจริงให้หญิงแพศยาคนนั้นรู้ ว่าตัวเธอเองก็ถูกหลอกใช้เหมือนกัน ผู้ชายคนนั้นไม่ต้องการเธอจริงหรอก”

“คุณนฤมลคะ ถึงคุณจะช่วยคุณชัยวัฒน์ทุกอย่าง เค้าก็ไม่จริงจังกับคุณหรอกค่ะ คุณได้แค่คอนโดฯ แต่รู้มั้ยคะว่าผู้หญิงคนอื่นได้ทั้งบ้านทั้งรถ สัญญาที่เค้าบอกว่าจะแต่งงานกับคุณหลังจากได้มรดก มันไม่มีทางเป็นจริงหรอก อีกไม่นานเค้าก็เขี่ยคุณทิ้งแล้ว”

พยาบาลตกใจสุด ๆ หันไปมองสามีปรียา “จริงเหรอคุณชัยวัฒน์ คุณเลี้ยงผู้หญิงอื่นไว้อีกเหรอ”

“ไร้สาระ มีอะไรค่อยไปคุยกันข้างนอก”

วิญญาณปรียายืนมองอยู่ใกล้ ๆ ยิ้มอย่างสะใจ “บอกตำรวจไป ว่าก่อนตายฉันจิกเล็บที่แขนอีนฤมล เศษหนังของมันยังติดอยู่ในเล็บฉันเลย”

“หมวดช่วยบอกนิติเวชให้ตรวจเล็บของคุณปรียาด้วยนะคะ ก่อนตายคุณปรียาจิกเล็บลงที่แขนของคุณนฤมล เผื่อจะมีหลักฐานติดอยู่ในเล็บของคุณปรียา”

พยาบาลหน้าตาตกใจมากรีบเบี่ยงแขนซ่อนไปด้านหลัง ก่อนจะแอบสบตากับชัยวัฒน์หน้าซีด ๆ นวัชเคยมีประสบการณ์ร่วมกับเจติยาจับคนร้ายมาแล้วเลยเชื่อ รีบทำตามที่เจติยาบอก ลาภิณนึกสงสัยว่าเจติยารู้เรื่องทั้งหมดได้อย่างไร

นิษฐาแวะไปเยี่ยมมยุรีที่โรงพยาบาลแต่เช้า เห็นนทีนั่งคอยอยู่หน้าห้องไอซียูจึงรีบเดินเข้าไปทัก นทีบอกให้รู้ว่ามาอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืน จังหวะนั้นเองพยาบาลวิ่งหน้าตื่นมาบอกว่าอาการของมยุรีทรุดลง นทีกับนิษฐาตกใจมาก

ลาภิณเดินตามออกมาคาดคั้นถามเจติยาว่ารู้เรื่องการตายของปรียาได้อย่างไร เจติยาโกหกว่าเธอแกล้งพูดลักไก่ไปเรื่อยเปื่อย ลาภิณไม่เชื่อ คว้ามือเจติยาไว้ จะบังคับให้บอกความจริงออกมาให้ได้ จังหวะนั้นเองนิษฐาโทรศัพท์มาบอกเรื่องมยุรีพอดี ลาภิณอาสาขับรถพาไปส่งที่โรงพยาบาล แต่เจติยากลับบอกให้ลาภิณพาไปส่งที่บ้าน

อ่านละคร รากบุญ ตอนที่ 4

เจติยาเอาเหรียญที่สามที่ได้มาติดลงบนกล่องรากบุญ แล้วอธิษฐานขอให้แม่หายป่วย ทันใดนั้นเองฝากล่องก็เปิดออก พร้อมกับมีแสงสว่างจ้าออกมาจากในกล่อง เหรียญทั้งสามที่ติดอยู่บนกล่องก็หายวับไป แล้วฝากล่องก็ปิดสนิททันที ทุกอย่างคืนสู่ความสงบ กล่องรากบุญเป็นเพียงกล่องไม้แกะสลักสีดำธรรมดา ๆ เท่านั้น

พอเจติยากับลาภิณไปถึงโรงพยาบาล ก็พบว่ามยุรีอาการดีขึ้นแล้ว หมอพาไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งก็พบว่าร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ ไม่มีอาการของโรคไตหลงเหลืออยู่เลย

ลาภิณมัวแต่ยุ่งอยู่กับเจติยา กว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำแล้ว ชูจิตที่ยืนหน้าเครียดรออยู่หน้าบ้านกับพิสัยและปริมรีบปรี่เข้าไปหา

“ต้นไปไหนมา”

“ผมไปเยี่ยมแม่เพื่อนที่โรงพยาบาลมาน่ะครับ”

ปริมหึงหวงปนหมั่นไส้ “อ๋อ นี่คุณยอมรับยัยเด็กแต่งศพนั่นเป็นเพื่อนแล้วเหรอคะ”

“ตอนแรกที่น้ารู้เรื่อง ก็ไม่อยากพูดอะไรมากเพราะเห็นเป็นเรื่องส่วนตัวของต้น แต่คิดไปคิดมา ยังไงเด็กคนนั้นก็เป็นพนักงานในบริษัทของเรา แถมยังมีอดีตบางอย่างคลุมเครือ ไม่รู้ว่าจะเป็น...” พิสัยแกล้งเหล่ไปทางชูจิต

“จะรื้อฟื้นอีกทำไมพิสัย”

“ขอโทษครับพี่จิต ผมอยากเตือนสติคุณต้น”

“ก็ผมโทรฯ บอกปริมแล้วไงว่าจะไปตามสืบประวัติเด็กคนนี้”

“เอาล่ะ ต่อแต่นี้ไป แม่ขอห้ามไม่ให้ต้นยุ่งเกี่ยวอะไรกับเด็กนั่นอีก แม่คงรับไม่ได้ ถ้าพ่อกับลูกจะ...”

“ไปกันใหญ่แล้วครับแม่ ผมไม่ได้คิดอะไรกับเจติยาเลยนะครับ ที่ผมตามเค้าไป ก็เพราะอยากจะสืบว่าเค้าเป็นอย่างที่แม่สงสัยรึเปล่า แล้วทำไมคุณพ่อถึงต้องยกหุ้นให้เด็กคนนี้ด้วย”

“ข้ออ้างสิไม่ว่า”

“หึงไม่เข้าท่าน่าปริม จะลดตัวไปเทียบกับเด็กนั่นทำไม...แม่ครับ ผมว่าเจติยาคงไม่ได้กิ๊กกั๊กอะไรกับคุณพ่อแบบที่แม่ระแวงหรอกครับ”

“ถ้าไม่ใช่ พ่อเราจะเขียนพินัยกรรมให้มันทำไม ดูพิสัยสิ ทำงานหลังขดหลังแข็งให้บริษัทขนาดนั้น เงินซักบาทก็ไม่ได้”

“ผมไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้วล่ะครับพี่จิต เท่าที่พี่รัชให้โอกาสผมจนมีวันนี้ได้ ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณยังไงได้หมดแล้ว”

ปริมใช้หางตามองพิสัย รำคาญปนหมั่นไส้ ก่อนจะกอดอกจ้องหน้าลาภิณ “แล้วอะไรทำให้คุณต้น คิดยังงั้นคะ”

“ครอบครัวเค้าฐานะไม่ค่อยดีน่ะสิ เด็กคนนี้ต้องทั้งเรียนทั้งทำงานเพื่อหารายได้รักษาแม่ที่ป่วยเป็นโรคไตและส่งน้องชายเรียน”

“แล้วยังไง แม่ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน”

“เกี่ยวสิครับแม่ ถ้าพ่อเลี้ยงเด็กคนนี้จริง เค้าคงมีเงินมากกว่านี้ ไม่ต้องปล่อยให้แม่เค้าป่วยเรื้อรังอยู่แบบนี้หรอกครับ”

“คุณต้นมองโลกชั้นเดียวเกินไปรึเปล่า ถ้าเป็นเด็กเสี่ยเลี้ยงจริง เด็กก็ต้องโกหกแม่อยู่แล้ว ต้องทำเป็นไม่มีเงินยังงี้แหละ แต่จริง ๆ แล้วแอบใช้เงินมือเติบ ใช้เสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าแบรนด์เนม ระวังเถอะ คุณต้นจะหลงกลเด็กนี่เข้าให้อีกคน”

“เหมือนที่พ่อเราเคยหลงกลมันมาแล้ว”

“ปริมว่าเพื่อความสบายใจของทุกคน คุณต้นอยู่ห่าง ๆ แม่นั่นไว้จะดีกว่าค่ะ”

“แม่ว่าต้นว่างเกินไปแล้วล่ะ เอางี้ แม่จะให้ต้นดูแลงานทั้งหมดแทนแม่เพิ่มอีกก็แล้วกัน คราวนี้ต้นจะได้ไม่มีเวลาไปทำเรื่องอะไรไร้สาระอีก”

พิสัยตกใจมาก ถ้าลาภิณรับผิดชอบงานกว้างขึ้นอีกจะตัดช่องทางทำมาหากิน “แต่พี่จิตครับ คุณต้นยังไม่มีประสบการณ์มากพอ ให้รับผิดชอบงานมากขนาดนี้ ผมเกรงว่า...”

ลาภิณรู้ใจพิสัย สวนทันที “ก็ได้ครับแม่ มีงานทำเยอะ ๆ ผมจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”

ลาภิณเหล่มองพิสัย ยิ้มหยัน ๆ อยู่ในที พิสัยเจ็บใจ แต่ไม่กล้าแสดงออกมาก ในที่สุดตนก็ถูกลดบทบาทลงไปเรื่อย ๆ

เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ชูจิตรับเอาพิสัยในวัย 5-6 ขวบมาเลี้ยงแทนลูก สารัชนึกกลัวว่าถ้าวันหนึ่งเขากับชูจิตมีลูก เกรงว่าพิสัยจะทำตัวมีปัญหา แต่ชูจิตอยากแบ่งเบาภาระพ่อแม่ที่มีลูกหลงตอนอายุมากแล้ว สารัชเองก็ไม่อยากขัดใจ ยอมรับเอาพิสัยมาเลี้ยงเป็นลูก 1 ปีต่อมา ชูจิตก็ตั้งท้อง สารัชคอยดูแลประคบประหงม ไม่มีใครเหลียวแลเอาใจใส่พิสัยเหมือนเก่า พิสัยเริ่มอิจฉาลาภิณ นับตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงบัดนี้

พิสัยคิดหาทางเอาคืนสารัชด้วยการจ้างปองกับย้งให้ไปยุยงพนักงานในบริษัท ให้รวมตัวกันประท้วงไม่ยอมมาทำงาน อ้างว่าไม่พอใจที่ลาภิณเข้ามาบริหารงานต่อจากสารัช ชูจิตหนักใจมาก จะตามตัวลาภิณมาปรึกษา ลาภิณก็ไม่เข้ามาทำงานที่บริษัท พิสัยแอบยิ้มสะใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ลาภิณแวะไปเยี่ยมมยุรีที่โรงพยาบาลแต่เช้า มยุรีไม่รู้ว่าลาภิณเป็นใคร เผลอเล่าเรื่องเจติยาให้ฟังจนหมด พอเจติยา นิษฐา นวัชเปิดประตูเข้ามาเจอก็พากันแปลกใจ พอมยุรีรู้ว่าลาภิณเป็นใครก็รีบยกมือไหว้ขอโทษ เจติยาเหล่มองลาภิณด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่เข้าใจว่าลาภิณมาหาแม่ตนทำไม

พอลาภิณลากลับ เจติยาก็รีบเดินตามไปซักถาม “คุณลาภิณ คุณมาทำไมคะ”

“ก็มาเยี่ยมแม่เธอไง ฉันเป็นคนมีน้ำใจกับพนักงานอยู่แล้ว”

“แล้วไม่คิดจะเข้าบริษัทบ้างเหรอคะ”

“เข้าไปทำไม เข้าไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทำ”

“คุณก็รู้ว่าบริษัทกำลังมีปัญหา แล้วทำไมผู้บริหารอย่างคุณถึงไม่อยู่แก้ไขล่ะคะ”

“ดูเธอจะห่วงบริษัทมากกว่าฉันซะอีกนะ อ้อ ลืมไป เธอมันหุ้นส่วนหย่าย”

“แน่นอนค่ะ ฉันยังไม่อยากตกงาน แล้วก็ยังอยากได้เงินปันผลตอนปลายปีด้วย คุณบริหารงานอย่างงี้ แล้วฉันจะเหลืออะไร”

“ถ้าห่วงแค่เนี้ย ก็สบายใจได้เลย ยังไงเธอก็มีงานทำ ได้รับเงินปันผลแน่ ๆ เพราะบริษัทฉันคงยังไม่เจ๊งไปตอนนี้หรอก มีอะไรอีกมั้ย ฉันนัดเพื่อนเอาไว้ จะรีบไป” ลาภิณเดินลอยชายไปโดยไม่สนใจอะไร

เจติยาบ่นเบา ๆ ตามหลัง “ลูกเศรษฐีเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ”

นวัชแอบปรึกษานิษฐาระหว่างไปทานข้าวที่โรงอาหารในโรงพยาบาลด้วยกัน “ฐาว่าที่คุณลาภิณเค้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เจ เค้าคิดอะไรรึเปล่า”

“ฐาถามจริง ๆ นะคะ ที่พี่หมวดถามแบบนี้เพราะเห็นเค้ามาแล้วอารมณ์เสีย หรือว่ารู้สึกวูบวาบอะไรแปลก ๆ รึเปล่าคะ”

“ทำไมพี่ต้องรู้สึกยังงั้นด้วยล่ะ”

“ไม่รู้สึกยังงั้นก็แล้วไป ถ้ารู้สึกก็แสดงว่าหึง”

“หึงอะไรกัน พี่ก็แค่เป็นห่วงเจเค้าเท่านั้นเอง ผู้ชายอย่างคุณลาภิณ ปาดตาดูก็รู้แล้ว ว่าเป็นพวกคาสโนว่า พี่กลัวว่าเจเค้าจะถูกหลอก”

“แต่ฐาว่าเพื่อนฐาไม่ใช่คนโง่นะคะ คงไม่ถูกใครหลอกง่าย ๆ หรอกค่ะ แต่ถ้าพี่หมวดไม่แน่ใจ ก็บอกเจเค้าไปเลยสิคะ ว่าพี่หมวดไม่ชอบให้เค้าใกล้ชิดกับคุณลาภิณ”

“พี่จะไปพูดอย่างงั้นได้ยังไงล่ะ เจเค้าไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ทานข้าวเถอะ พี่ต้องรีบไป”

นิษฐาเหล่ ๆ มองนวัช อมยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมีแผนการ

เช้าวันรุ่งขึ้น ปองกับย้งบุกไปล่าลายเซ็นพนักงานที่ไม่พอใจให้ลาภิณบริหารงานที่ห้องแต่งศพ ลุงทวีกับเจติยาไม่ยอมเซ็น ย้งยิ้มเยาะกวนประสาทหาว่าเจติยาเป็นกิ๊กของสารัช เจติยาฟิวส์ขาดตบหน้าย้งอย่างแรง ย้งจะเอาคืน โอ้เอ้เข้าไปกอดรั้งตัวย้งไว้ ปองเข้าไปช่วยดึงตัวโอ้เอ้ออกมาแล้วต่อยเข้าไปเต็ม ๆ หน้าจนโอ้เอ้ล้มหงายไปกระแทกตู้ ลุงทวีเข้าไปห้ามโดนปองผลักล้มก้นกระแทกพื้น เจติยาหันไปหยิบน้ำยาฆ่าเชื้อมาสาดใส่หน้าปอง ก่อนพาลุงทวีกับโอ้เอ้วิ่งหนีออกไปจากห้องแต่งศพ ปองกับย้งตั้งหลักได้รีบวิ่งตามไปติด ๆ

พวกเจติยาวิ่งหนีไปเจอลาภิณ ทั้งหมดเลยถูกนำตัวไปสอบสวน พิสัยรู้ข่าวรีบตามไปช่วยปองกับย้ง เจติยาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ลาภิณฟัง ปองกับย้งหาว่าพวกเจติยาเป็นคนเริ่มลงมือทำร้ายร่างกายก่อน เจติยารู้ว่าที่ห้องแต่งศพกับบริเวณทางเดินมีกล้องวงจรปิดอยู่ เลยให้โอ้เอ้ไปเอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปิดให้ทุกคนดู จะได้รู้ว่าใครเป็นคนโกหก แถมเจติยายังมีหลักฐานที่ทั้งสองคนไปล่ารายชื่อพนักงานแต่ละแผนกที่ลุงทวีแอบเก็บไว้มามอบให้ลาภิณด้วย

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 12 พ.ย. 55

รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัด
รากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
รากบุญ ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง บาปบุญ คุณโทษและคุณค่าของเวลา
ที่มา เดลินิวส์