@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 6 พ.ย. 55

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 6 พ.ย. 55

ลาภิณขับรถอย่างเร็วเลี้ยวปาดเข้ามาจอดหน้าตัวบ้านอย่างเร่งรีบ ก่อนรีบร้อนลงมาจากรถ ปริมในชุดปาร์ตี้เมื่อคืนเหมือนกับลาภิณ หน้าตายังไม่ตื่นดี รีบเปิดประตูตามลงมาติด ๆ

ชูจิตที่ยืนรออยู่หน้าบ้านรีบปรี่เข้าไปหา “ห่วงแต่เที่ยวอยู่นั่นล่ะ ไม่ทันดูใจคุณพ่อแล้วเห็นมั้ยต้น”

ลาภิณน้ำตาท่วมตา รีบวิ่งพรวดขึ้นบ้านไป ปริมเข้าไปกอดปลอบใจชูจิต ชูจิตร้องไห้สะอึกสะอื้นสวมกอดว่าที่ลูกสะใภ้เอาไว้แน่น

ลาภิณวิ่งพรวดพราดเข้าไปในห้อง เห็นสารัชนอนสิ้นลมหายใจอยู่บนเตียง มีพิสัยนั่งหน้าซึมเศร้ามองดูอยู่ปลายเตียง ทนายปุ่น หมอและพยาบาลยืนสงบอยู่มุมห้อง ลาภิณเข้าไปกอดศพพ่อร้องไห้
พิสัยหน้าเครียด ๆ ตบบ่าลาภิณให้กำลังใจ “คุณพ่อท่านไปสบายแล้วนะต้น”

ชูจิตเดินตามมาดูด้านหลังห่าง ๆ ยกมือขึ้นปิดปากร้องไห้ พยายามสะกดอารมณ์ ลาภิณขยับตัวออกจากกอดแล้วไปกราบเท้าสารัช ฟุบหน้านิ่ง กลั้นสะอื้นจนตัวสั่น ชูจิตเห็นลูกชาย สะเทือนใจ ปล่อยโฮออกมาอีก พิสัยเดินไปกอดปลอบ ชูจิตกอดน้องชายเอาไว้แน่น



ชูจิตเดินซับน้ำตานำมานั่งที่โซฟาในห้องทำงานของบ้าน “เมื่อไรลูกจะจริงจัง ไปทำงานที่บริษัทของเราซะที”

ลาภิณตามมานั่งข้าง ๆ “น้าพิสัยอนุญาตให้ผมไปทำงานได้แล้วเหรอครับ”

“ทำไมลูกต้องพูดแขวะน้าเค้าด้วย พิสัยเป็นน้องชายแท้ ๆ ของแม่นะต้น น้าช่วยคุณพ่อดูแลกิจการมาตลอด ลูกตะหากที่กลับมาอยู่บ้านเฉย ๆ...เป็นปีแล้วนะ แม่ไม่เคยเห็นต้นเข้าบริษัทเลยซักครั้งเดียว เอาแต่เที่ยวเตร่ ไม่เบื่อชีวิตแบบนี้บ้างรึไงต้น”

“แม่เชื่อมั้ยว่าผมอยากช่วยงานคุณพ่อ แต่เค้าไม่อยากให้ยุ่ง”

“พิสัยน่ะเหรอ” ชูจิตมีสีหน้าไม่เชื่อคำพูดลูกชาย

“ผมพูดไปก็เท่านั้น มันไม่น่าเชื่อถือเท่าคำพูดน้องชายของแม่หรอก”

“ถ้าลูกตั้งใจทำงานจริง แม่จะช่วยแก้ไขอุปสรรคของลูกทั้งหมดให้เอง”

“แม่ไม่รู้จักบริษัทนิราลัยลึกซึ้งพอ ทุกอย่างที่แม่เห็นเป็นภาพที่น้าพิสัยจัดฉากขึ้น อย่ารับปากสิ่งที่แม่ไม่มีทางทำได้เลยครับ เค้าเตรียมการใต้ดิน รอจังหวะฮุบบริษัทตอนพ่อตายมานานแล้ว เค้าอยากได้มันมาก ผมก็ขี้เกียจทะเลาะด้วย บางทีผมอาจไปหางานอื่นทำ”

“คุณพ่อพยายามรักษาบริษัทของคุณปู่หวังจะให้ลูกสืบทอดงานต่อ พิสัยแค่ช่วยดูแล เขาไม่มีสิทธิยึดบริษัทเรานะต้น ถ้าลูกแสดงความสามารถให้ทุกคนในบริษัทได้เห็น ใครที่ไหนจะมาชิงอำนาจจากลูกไปได้ อย่าลืมซิต้น บริษัทนิราลัยเป็นของตระกูลบูรณินของเรา พิสัยไม่มีทางกีดกันเจ้าของแท้จริงได้หรอก เชื่อแม่สิ”

“ผมจะลองดูซักตั้งก็ได้ครับ”

“ต้องยังงี้สิต้น วิญญาณคุณพ่อรับรู้แล้วต้น ท่านคงจากไปอย่างหมดห่วงแล้วล่ะ”

สองแม่ลูกสวมกอดกัน ชูจิตน้ำตาคลอเบ้า พิสัยแอบฟังการสนทนาอยู่หน้าห้องทำงาน สีหน้าแววตาไม่พอใจนักกับการตัดสินใจของสองแม่ลูก

ที่ห้องแต่งศพ เจติยาตั้งอกตั้งใจแต่งหน้าศพลูกค้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพอใจ พอเสร็จแล้วหญิงสาวก็เก็บอุปกรณ์แต่งหน้าแล้วยกมือไหว้ศพ ก่อนหันไปมองลุงทวีที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน

“เสร็จแล้วค่ะลุง”

ลุงทวีนั่งหน้านิ่งขรึมจ้องมองกล่องรากบุญตรงหน้าอยู่ไปมาอย่างใช้ความคิด ไม่ได้ยินที่เจติยาเรียก เจติยาเดินเข้ามาใกล้ ลุงทวีถึงได้หลุดจากความคิดหันมามองหน้าเจติยา

“กล่องอะไรคะลุง เจเห็นคุณลุงจ้องมันมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว”

“เค้าคืนให้ลุง มันถึงเวลาของเค้าแล้ว”

“เค้านี่ใครเหรอคะ”

“ก็เจ้านายของเราน่ะสิ” ลุงทวีถอนใจออกมา ก่อนย้อนคิดไปถึงเรื่องราวของกล่องลึกลับใบนี้

ในอดีต ลุงทวีกินเหล้าหนักจนฟุบหลับอยู่ข้างถนนกลางดึกวันหนึ่ง ไม่คาดคิดมีมือหนึ่งมาเขย่าตัวลุงทวีอย่างแรง ลุงทวีเผลอตาตื่น สะดุ้งเมื่อมองเห็นชายเร่ร่อนนั่งยอง ๆ เขย่าตัวตนอยู่ข้าง ลุงทวีเอ่ยปากไล่ชายเร่ร่อนให้ออกไปห่าง ๆ บอกไม่มีอะไรจะให้ ชายเร่ร่อนหน้าตื่นบอกไม่ได้มาเอาอะไรแต่มีของจะมาให้ ว่าแล้วชายเร่ร่อนก็เอากล่องรากบุญที่วางไว้ข้างตัวมายื่นให้ลุงทวี

“กล่องรากบุญ กล่องวิเศษอยากได้อะไรก็ขอ” ทันใดนั้นฝากล่องก็เปิดออก “มันเลือกแกแล้ว”

ชายเร่ร่อนดีใจมากรีบวิ่งหนีข้ามถนนไป ไม่คิดชีวิต ลุงทวีงง ๆ มองเข้าไปในกล่องเห็นเหรียญอยู่ 3 เหรียญ

“ถ้าแกเป็นกล่องวิเศษจริง ช่วยเมียฉันสิ เมียฉันเป็นมะเร็ง จะตายอยู่แล้ว”

ลุงทวีโยนกล่องทิ้งไปข้างทาง กล่องล้มกลิ้ง เหรียญกระเด็นกระจายออกมาจากกล่อง ลุงทวีเดินเมาทิ้งกล่องประหลาดไปอย่างไม่แยแส ไม่คาดคิด กล่องรากบุญพลิกกลับมาตั้ง เหรียญทั้งสามกลิ้งกลับเข้ากล่อง ฝากล่องหน้ายักษ์ปิดสนิทลงเหมือนเดิม

ลุงทวีเดินเมา ๆ เป๋ ๆ จะกลับไปบ้านตน หน้าปากซอยมีรถร่วมกตัญญูเปิดไซเรนจอดอยู่ข้างทาง ลุงทวีหันมองงง ๆ ขณะจะเดินเข้าซอย มีเจ้าหน้าที่แบกเปลใส่คนตายเดินออกมาจากซอยจะไปที่รถ ลุงทวีมองไปที่ศพ...ไม่คาดคิดทันใดนั้นศพผู้ชายในเปลลืมตาโพลงมองลุงทวี

“ช่วยฉันที”

ลุงทวีตกใจจนผงะหงายล้มนั่งไปกับพื้นถนน เจ้าหน้าที่แบกเปลผ่านไป ศพนอนหลับตาเป็นปกติ ไร้ลมหายใจ ลุงทวีตกใจแทบหายเมา กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปบ้านพักซึ่งเป็นบ้านไม้เล็ก ๆ ท้ายซอย พอมาถึงหน้าบ้านจะไขประตูเข้าบ้าน ก้มมองที่พื้นตรงหน้า ตกใจแทบช็อกเพราะกล่องรากบุญวางอยู่แล้วที่หน้าประตูเข้าบ้าน

ลุงทวีตกใจปนกลัว เตะกล่องรากบุญกระเด็นไปสุดแรง แต่พอหันหน้ามาจะเดินเข้าบ้าน กลับได้เห็นชายที่พบเป็นศพเมื่อครู่มายืนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับขอให้ช่วย ลุงทวีตกใจรีบลนลานหนีเข้าบ้านไป แต่ชายที่พบเป็นศพยังตามติดไปขอร้องให้ช่วย ลุงทวีตกใจกลัวมาก

“จะให้ช่วยอะไร ฉันยอมช่วยแกแล้ว อย่ามาหลอกฉันเลย ฉันกลัวแล้ว”

ความคิดของลุงทวีต้องสะดุดลงเมื่อ โอ้เอ้ห้อยพระเต็มคอกล้า ๆ กลัว ๆ เข้ามาตามลุงทวีให้รีบไปพบพิสัยที่ห้องประชุม ลุงทวีเก็บกล่องรากบุญไว้ในลิ้นชัก ก่อนเดินนำเจติยาออกไปจากห้องแต่งศพ แต่ทันทีที่ทั้งสองออกจากห้อง ลิ้นชักโต๊ะทำงานลุงก็พุ่งเปิดออกมาเองอย่างแรง

ลุงทวีเสนอว่าโทนสีของงานน่าจะออก ดำ ๆ ประดับด้วยเหรียญตามกำแพง แขกที่มาร่วมงานอยากร่วมทำบุญก็ให้เอาเหรียญมาแปะไว้ที่กำแพง ชูจิตนึกชอบไอเดียของลุงทวี แต่พิสัยกลับค้านทันควัน

“ไม่เข้าท่า บริจาคทีละห้าบาท สิบบาท จะได้กี่ตังค์กัน โทนงานก็ออกสีหม่น ๆ อมทุกข์ชอบกล เสียชื่อบริษัทจัดงานศพครบวงจรอย่างเราหมด ผมเสนอแบบหรูหรา สีงานออกครีม ๆ ทอง ๆ ให้สมกับเป็นเจ้าของบริษัท น่าจะเหมาะสมที่สุด”

ลาภิณรีบขัดทันที “แต่ผมไม่ค่อยชอบนะครับผมอยากให้งานเป็นธีมสีขาวมากกว่า ประดับดอกไม้ขาว แขกทุกคนแต่งชุดขาว”

“ธรรมดาไปมั้ยครับ” พิสัยพยายามค้าน

“แต่ผมชอบ...เมื่อคุณพ่อไม่สั่งเอาไว้ ผมในฐานะเจ้าของบริษัทนิราลัยต่อจากคุณพ่อ ขอใช้สิทธิสรุปเลยแล้วกัน”

ชูจิตและทวี รู้สึกได้ถึงการงัดข้อกันกลาย ๆ ต่างเหล่ ๆ มองไปทางพิสัย

“เมื่อเป็นความต้องการของคุณต้นก็สรุปตามนี้ งั้นเรามาลงรายละเอียดกันต่อเลยแล้วกัน” พิสัยปั้นหน้ายิ้มแย้มก้มหน้าดูเอกสารในมือไป พร้อมแอบขบกรามอยู่ในที

ลาภิณนั่งอมยิ้มพอใจที่งัดข้อพิสัยชนะได้ในยกแรก

เจติยากลับไปช่วยมยุรีผู้เป็นแม่ขายข้าวแกงที่ตลาด ระหว่างตักกับข้าวใส่ถุงให้ลูกค้า มยุรีพูดปรับทุกข์เรื่องนทีกับเจติยา มยุรีรู้สึกว่าหมู่นี้นทีทำตัวมีลับลมคมใน กลัวจะติดยา ต้องถูกจับเข้าคุกเหมือนลูกเจ๊นง เจติยาอาสาจะไปคุยกับนทีให้

พอขายของเสร็จ กลับไปถึงบ้าน เจติยาก็รีบบุกไปคุยกับนทีที่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอนทันที นทีมีท่าทีหงุดหงิดหัวเสีย ไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้น เจติยาขู่ว่าถ้าไม่บอกจะบุกไปถามที่โรงเรียนเอง นทีโมโหเดินหนีลงมาที่ห้องรับแขก เจติยาตามมาคาดคั้นถาม

“ครูตัดชื่อผมออกจากทีมบอลแล้ว สะใจมั้ยล่ะ แม่กับพี่ไม่ชอบให้ผมเล่นบอลอยู่แล้วนี่”

มุยรีเดินออกมาจากครัว สีหน้าไม่สบายใจ ที่เห็นพี่น้องมีปากเสียงกันเสียงดัง

“เราไม่ได้ขัดขวางเธอเล่นบอล แต่ไม่ชอบให้กลับบ้านค่ำมืดดึกดื่นเกินไป เข้าใจให้ถูกต้องซะด้วย”

“แล้วทำไมทีถึงได้โดนตัดชื่อล่ะลูก”

“ไอ้เหน่งมันประจบครูเข้าทีม ผมไม่ใช่ศิษย์รักคนโปรดเหมือนมันนี่”

“ทำไมต้องจริงจังกะเรื่องแค่นี้ด้วย เล่นบอลเพื่อสุขภาพ ไม่ติดทีม ก็เตะเล่นกับเพื่อน ๆ ก็ได้”

“มันไม่เท่ พูดไปพี่ก็ไม่เข้าใจหรอก ได้โปรดเลิกเทศนาผมซะที ผมโตแล้ว แล้วผมก็มีแม่แค่คนเดียว”

นทีเดินหนีหน้าเซ็งออกไปจากบ้าน มยุรีจับแขนเจติยาไว้ไม่ให้ตามไปเอาเรื่องนที เจติยาหันมาต่อว่ามยุรีด้วยความน้อยใจ

“ถือหางมันอีกแล้วนะแม่ มันมีเวลาว่างมาก เถลไถลไปเรื่อย แม่ต้องให้ช่วยทำงาน ช่วยขายของ มันจะได้รู้ตัวว่าไม่ใช่ลูกเศรษฐี ที่จะได้นั่งกินนอนกินตามใจชอบ”

มยุรีหน้าจ๋อย ๆ ถอนใจยาวออกมา เจติยา ฉวยโอกาสรีบวิ่งตามนทีออกไปที่หน้าบ้าน นทีเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งหนีไปอย่างไม่เหลียวหลัง สวนกับหมวดนวัชที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบเจติยา

“ทะเลาะกันอีกแล้วสิ”

“นับวันยิ่งก้าวร้าวขึ้นทุกที พูดจาไม่นับถือว่าเจเป็นพี่เลย”

“ใจเย็น ๆ น่า เด็กวัยรุ่นก็งี้แหละ...นี่เจ วันนี้พี่มีสมุนไพรบำรุงไตมาฝากคุณแม่ด้วย ญาติผู้ต้องหาเค้าแนะนำมา หญ้าไผ่น้ำ เคยได้ยินมั้ย พี่จดวิธีต้มวิธีดื่มมาหมดแล้วใครแนะนำอะไรว่าดีก็ต้องลองให้หมด”

เจติยายิ้มปลื้มใจ “ขอบคุณมากค่ะพี่หมวด” “เข้าไปหาคุณแม่เจกันเถอะ”

นวัชเดินนำเข้าบ้านไป เจติยามองตามพร้อมยิ้มชื่นชมก่อนเดินตามนวัชกลับเข้าบ้านไป

เจติยากับลุงทวีถูกเรียกไปฟังทนายเปิดพินัยกรรมของสารัชที่บ้านบูรณินด้วย พินัยกรรมถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นไปตามที่สารัชเคยบอกชูจิตไว้ ส่วนพินัยกรรมส่วนที่สอง สารัชระบุจะยกหุ้นในบริษัทนิราลัยให้ทวี 10% เพื่อเป็นการตอบแทนที่ทวีช่วยคลายทุกข์และให้ชีวิตใหม่จนกระทั่งสารัชพอใจกับวาระสุดท้ายของชีวิต และสารัชยังระบุจะยกหุ้นอีก 10% ให้เจติยา โดยกำหนดให้เจติยาทำงานในแผนกจัดเตรียมศพของบริษัทนิราลัย หากเจติยาลาออก หุ้นในมือต้องส่งคืนให้กับลาภิณ เงื่อนไขนี้มีกำหนดเวลาสิบปี

สารัชบอกย้ำในเอกสารว่า เจติยาจะเป็นเสาหลักในกิจการนี้ร่วมกับลาภิณเหมือนเช่นที่ลุงทวีเคยทำหน้าที่นี้มาก่อน ชูจิตกับลาภิณชำเลืองมองหน้ากันด้วยความรู้สึกประหลาดใจปนกังขา สารัชฝากจดหมายไว้ให้ทวีหนึ่งฉบับ ชูจิตเองแม้ไม่เห็นด้วยกับเรื่องเจติยา แต่ไม่ได้คัดค้านอะไร

มยุรีเป็นลมที่ตลาด ถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล นวัชโทรศัพท์ติดต่อเจติยาไม่ได้ จึงบุกมาตามหาตัวถึงบ้านบูรณิน เจติยารีบยกมือไหว้ลาทุกคนก่อนเดินตามนวัชออกไป ลาภิณแอบเหล่มองตามเจติยาไปด้วยสีหน้าติดใจ ยังเคลือบแคลงสงสัยในตัวผู้หญิงคนนี้

มยุรีไม่ไปฟอกไตตามนัด เลยเกิดอาการช็อก หมอกำชับว่าต่อไปต้องพามยุรีมาฟอกไตตามเวลานัดสม่ำเสมอ แล้วต้องเข้มงวดทั้งเรื่องอาหารการกิน การทำงาน แล้วต้องเพิ่มการพักผ่อนให้ มาก ๆ ด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นอาจต้องผ่าตัดเปลี่ยนไตเร็วขึ้น

เจติยาโมโหที่นทีไม่ยอมพาแม่ไปหาหมอ หญิงสาวรีบโทรศัพท์ติดต่อหาทันที พอได้ยินเสียงนทีอู้อี้เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนเจติยาก็ยิ่งโมโห รีบกลับไปต่อว่านทีที่บ้านทันที พอไปถึงได้กลิ่นเหล้าโชยหึ่งจากตัวนทีก็ยิ่งโมโหหนักขึ้นไปอีก

“แกรู้มั้ยว่าแม่ช็อกหมดสติอยู่ที่ตลาด โดนหามเข้าไอซียูไปแล้ว แกน่าจะอยู่เป็นเพื่อนแม่มากกว่าไปกินเหล้ากับเพื่อน”

นทีรู้สึกผิดเดินเบี่ยงตัว ไปกระแทกตัวลงนั่งที่เตียง หน้าหงิกงอ

“แกก็รู้ว่าแม่ต้องฟอกไต ค่าใช้จ่ายรักษาแม่ไม่ใช่น้อย ถ้าแกไม่ทำตัวให้ดีกว่านี้ คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือแกนะนทีถ้าบ้านเราไม่มีเงินพอใช้ จะเอาเงินที่ไหนส่งแกเรียน”

“ผมไม่ยอมเลิกเรียนเด็ดขาด”

“แล้วแกจะยอมเห็นแม่ตาย เพื่อให้แกได้เรียนต่อแบบไม่เอาไหนยังงี้น่ะเหรอ พอพี่จบ ได้งานทำประจำ รายได้พี่จะเอามารักษาแม่เป็นหลัก เพื่อตอบแทนที่ท่านอดทนเลี้ยงดูพวกเรามาอย่างยากลำบาก ส่วนแกถ้าไม่ตั้งใจเรียนพี่จะให้ออกมาทำงาน เพราะที่ผ่านมา พี่เห็นแล้วว่ามันไม่คุ้มค่า ถ้าพี่จะต้องเหนื่อยเพื่อแก”

“พี่ไม่ต้องมาขู่ผมหรอก”

“ฉันพูดจริง ถ้าแกเป็นคนหาเงิน แล้วมีพี่คอยผลาญเงิน แกจะเก็บพี่ไว้บูชามั้ยล่ะ” เจติยา จ้องหน้าสายตาเหยียด ๆ แล้วเดินออกไปจากห้องปิดประตูกระแทกโครม

นทีขบกรามแน่นกับคำขู่ของพี่สาว สีหน้าใช้ความคิดหาทางให้ตนได้เรียนต่อให้ได้

หลังทุกคนกลับไปหมดแล้ว ลาภิณตัดสินใจคุยกับชูจิตเรื่องพินัยกรรม

“ผมยังติดใจไม่หายนะแม่ที่พ่อยกหุ้นให้สองคนนั่น ญาติพี่น้องก็ไม่ใช่”

“พ่อเป็นคนมีเหตุผลนะต้น พ่อคงอยากตอบแทนน้ำใจของทวีจริง ๆ”

“แต่เด็กผู้หญิงคนนั้น ผมว่าไม่ควรได้ มันมากเกินไปหน่อย”

“เรื่องยัยเด็กนี่แม่ก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน พูดก็พูดเถอะ จะใช่พวกเด็กใจแตก แอบกิ๊กกั๊กกับพ่อเรารึเปล่าก็ไม่รู้ เห็นว่างเป็นไม่ได้ ต้องขลุกอยู่ในห้องแต่งศพด้วยกันตลอด ใช้นายทวีเป็นไม้กันหมา คิดว่าแม่รู้ไม่ทันเหรอ”

“นั่นสิครับ ถึงขนาดเขียนพินัยกรรมให้กัน คงกะรวยทางลัด ผมล่ะเกลียดจริง ๆ ผู้หญิงแบบนี้”

“แต่ก็เอาเถอะ ถ้าเด็กนั่นลาออก หุ้นก็ต้องส่งคืนให้ลูกตามเงื่อนไขอยู่ดี เลี้ยงมันเอาไว้ใช้ไปก่อน เด็กคนนี้คล่อง ทำศพก็ได้ รับลูกค้า พีอาร์ ได้หมด”

“โชคดีที่พ่อกำหนดแผนกให้เธอทำไว้นะครับ ไม่งั้นถ้าเธอโลภอยากเป็นผู้จัดการขึ้นมาจะยุ่ง”

“ตอนนี้ต้นก็ขึ้นมาบริหารแทนแล้ว ค่อยรับคนใหม่มาช่วยทวีแล้วหาทางบีบให้มันออกไปแล้วกัน แม่ก็ไม่ชอบขี้หน้ามันนักหรอก พ่อเราอวยจนเกินเหตุ”

พิสัยแอบฟังการสนทนาอยู่ห่าง ๆ “พวกมันสมควรได้กว่าฉันตรงไหน ที่นี่จะเป็นของลูกแกได้อีกไม่นานหรอก”

บรรยากาศงานสวดศพของสารัชถูกประดับประดาตกแต่งเป็นสีขาวสะอาดทั้งงานอย่างที่ลาภิณต้องการ ลาภิณ พิสัย และชูจิต ต่างช่วยกันพูดคุยต้อนรับแขกพามานั่ง โอ้เอ้และพนักงานของบริษัทอยู่ในชุดขาวคอยเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟของว่างให้แขก เจติยาในชุดขาวสะอาดเรียบหรูดูดีเดินเข้างานมาดูความเรียบร้อย ลาภิณไม่พอใจรีบปรี่เข้าไปแขวะ

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 6 พ.ย. 55

รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัด
รากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
รากบุญ ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง
จากการทำบุญ คุณค่าของเวลา
ที่มา เดลินิวส์